ธุรกิจแบบไหน…ควรใช้ JOBCAN Workflow

Jobcan Workflow เป็นระบบจัดการและอนุมัติเอกสารที่สามารถความสะดวกสบายให้กับทุกคนในองค์กรด้วยการทำงานบนระบบคลาวด์สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา และเพื่อตอกย้ำถึงประโยชน์ระบบ Jobcan Workflow ว่าสามารถใช้ได้กับองค์กรธุรกิจทุกขนาด ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่าหากองค์กรธุรกิจในแต่ละขนาดใช้ Jobcan Workflow จะสามารถช่วยเหลือเรื่องใดได้บ้าง ธุรกิจขนาดเล็กกับ Jobcan Workflow เหล่าธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME นั้นเป็นช่วงเริ่มต้นธุรกิจทำให้มีส่วนที่ต้องลงทุนลงแรงค่อนข้างมาก ดังนั้น Jobcan Workflow จึงเข้ามาเพื่อตอบโจทย์หลัก 3 ข้อดังนี้ ลดต้นทุนการจ้างพนักงานเพื่อดูแลเอกสาร ระบบ Jobcan Workflow สามารถทำได้ทั้งการสร้างเอกสาร การเดินเอกสารและยังดูแลจัดเก็บอย่างเป็นระบบช่วยให้ธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นและมีเอกสารที่ต้องจัดการมากมายสามารถดูแลเอกสารได้โดยไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานมากมายเข้ามาดูแลการจัดเก็บหรือการเดินเอกสารสำคัญ เป็นการประหยัดต้นทุนให้สามารถนำเงินทุนไปลงทุนในเรื่องอื่นๆ ได้ จัดการงานเอกสารอย่างปลอดภัยและเป็นระบบ งานเอกสารเป็นงานสำคัญที่มักจะเก็บความลับทางธุรกิจและเอกสารสำคัญในการอนุมัติต่างๆ ทำให้ต้องได้รับการจัดเก็บอย่างปลอดภัยและเป็นระบบ ซึ่ง Jobcan Workflow จะเก็บเอกสารทุกอย่างเข้าไว้ในระบบสามารถเรียกใช้ได้ง่าย และยังสามารถจำกัดการเข้าถึงช่วยให้เอกสารปลอดภัยอย่างแน่นอน ตรวจสอบเอกสารได้ทุกที่ทุกเวลา ในช่วงของการเริ่มต้นและยังมีพนักงานไม่มากนัก พนักงานทุกคนรวมถึงเจ้าของธุรกิจย่อมมีงานมากมายต้องจัดการ หากจะต้องเดินทางไปมาเพื่อตรวจสอบเอกสารภายในองค์กรก็ดูจะเสียเวลามากเกินไป ดังนั้น หากมี Jobcan Workflow  ที่ช่วยให้สามรรถเข้าถึงเอกสารได้อย่างง่ายดายในทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการตรวจสอบ ย่อมสามารถประหยัดเวลาไปได้มาก ทั้งยังช่วยให้งานเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย ธุรกิจขนาดกลางกับ Jobcan Workflow สำหรับธุรกิจขนาดกลางที่ต้องจัดการกับเอกสารมากมายเพื่อให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่น […]

วิธีผ่อนคลายจากออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

ในสังคมที่เร่งรีบและโลกที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนต้องเร่งจังหวะชีวิตของตัวเองตามไปด้วย ยิ่งในคนวัยทำงานด้วยแล้วยิ่งมักจะทำงานจนลืมดูแลสุขภาพ พอเวลาผ่านเลยไปจึงได้พบว่า ตัวเองได้ของแถมจากการทำงานเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมไปเสียแล้ว  ออฟฟิศซินโดรมเป็นอย่างไร ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด เนื่องจากมีการใช้งานกล้ามเนื้อแบบเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยในบริเวณ คอ ไหล่ หลัง บ่า แขนหรือข้อมือ ดังนั้น หากการทำงานของคุณมักอยู่ในรูปแบบนั่งโต๊ะ หรือจัดโต๊ะไม่เหมาะสม จ้องคอมนานและไม่ค่อยลุกไปไหนมากนัก เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวโดยเฉพาะในบริเวณที่กล่าวมา ยินดีด้วยคุณได้รับของขวัญยอดฮิตจากการทำงานแล้ว วิธีการผ่อนคลายจากออฟฟิศซินโดรม สำหรับใครที่มีกิจวัตรการนั่งท่าเดิมหรือยืนท่าเดิมนานๆ ไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทางหรือกิจกรรมสักเท่าใดนัก ซึ่งอาจจะเริ่มมีอาการปวดเมื่อยมาบ้างหรือบางคนที่รู้ตัวว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมอยู่แล้ว สามารถใช้วิธีการเหล่านี้ในการผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายระหว่างการทำงานของคุณได้ โดยเรารวบรวมมาให้ทั้งหมด 7 ข้อด้วยกัน มีอะไรบ้างไปดูกันเลย พักสายตาเป็นระยะ ออฟฟิศซินโดรมอาจสะสมในขณะที่นั่งจ้องจอคอม หรือก้มหน้าอ่านหนังสือ เพราะคนเรามักจะมีการเกร็งกล้ามเนื้อตาโดยอัตโนมัติแถมบางคนอาจจะต้องเพ่งสักเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นบางคนถึงกับตั้งใจมากจนลืมกะพริบตา ทำให้เกิดผลเสียกับตามากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ขณะที่จ้องคอมฯ มักมีการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอไปด้วยทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยที่คอและบ่าได้ จึงควรพักสายตาหันคอไปด้านอื่นๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง ลุกขึ้นเดินระหว่างวันบ้าง การเปลี่ยนท่าทางเป็นวิธีการหนึ่งที่ป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้ดี เพราะการนั่งในท่าทางเดิมนานๆ จะทำให้มีการใช้กล้ามเนื้ออยู่ที่เดิมซ้ำๆ ตามไปด้วย การเดินเล่นไปรอบๆ โต๊ะทำงานหรือเดินไปเพื่อดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายของผ่อนคลายจากความเครียดของงานและท่าทางได้ทั้งยังเป็นวิธีที่ทำให้เราได้เห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ และสภาพแวดล้อมในการทำงานอีกด้วย ปรับท่านั่งให้ถูกวิธี ท่าทางการนั่งมีผลอย่างมากสำหรับการเป็นออฟฟิศซินโดรมเพราะว่าคนวัยทำงานมักจะนั่งอยู่ในท่าเดิมทั้งยังเป็นการนั่งที่ทำร้ายกล้ามเนื้อหลัง คอ บ่าและไหล่อีกด้วย การนั่งที่ถูกวิธีนั้นจะต้องทำให้หน้าจออยู่ในระดับสายตาและมีระยะห่างราว 1 […]

5 เทคนิคมัดใจพนักงานให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ

สำหรับ HR แล้วการว่าจ้างคนมีความสามารถเข้ามาในบริษัทไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งการตามหาคนที่มีความสามารถตรงกับความต้องการขององค์กร และยังต้องเป็นคนที่เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรได้ด้วย เรียกว่าเป็นเรื่องยากอย่างมาก  แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการมัดใจพนักงานให้อยู่กับองค์กรให้นานแสนนานนั่นเอง  วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาเทคนิคในการมัดใจพนักงานให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ และยังสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง เรียกว่าสร้างความสุขทั้งสองฝ่ายมาฝากกันถึง 5 เทคนิคด้วยกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน เทคนิคที่ 1 มัดใจพนักงานด้วยการเชื่อใจในศักยภาพการทำงาน ในโลกของการทำงานนั้นคนที่ได้รับความไว้วางใจให้แบกรับความรับผิดชอบ ย่อมเป็นคนที่สามารถสร้างผลงานได้ ซึ่งพนักงานหลายคนย่อมมองหาโอกาสนี้ อาจเริ่มจากการให้โอกาสสร้างผลงานในโปรเจคเล็กๆ แล้วตามด้วยโปรเจคที่ใหญ่ขึ้นตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ซึ่งการได้รับมอบหมายงานนั้น ยังสามารถสื่อได้ถึงความไว้วางใจที่หัวหน้าหรือองค์กรมอบให้ด้วยเช่นกัน ทำให้พนักงานที่ได้รับงานรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญขององค์กรอีกด้วย แบบนี้แล้วพนักงานยังจะไม่ประทับใจได้อย่างไร เทคนิคที่ 2 มัดใจพนักงานด้วยการเคารพการตัดสินใจและรับความคิดเห็น โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว พวกเราเป็นสัตว์สังคมที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ได้รับการรับฟังและการมองเห็นตัวตน ดังนั้นเมื่ออยู่ในโลกแห่งการทำงานที่ต้องมีการตัดสินใจมากมาย การเสนอความคิดเห็นจึงเป็นโอกาสหนึ่ง ที่จะได้พิสูจน์การเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้น สิ่งที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับพนักงานในองค์กรได้อย่างแท้จริงคือการทำให้เขารู้ว่าองค์กรรับฟังและให้ความสำคัญกับการตัดสินใจของเขา เมื่อได้รับรู้ว่าองค์กรมองเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแล้ว พนักงานย่อมทุ่มเทและสามารถมัดใจพนักงานให้ต้องการอยู่ด้วยไปนานๆ เทคนิคที่ 3 มัดใจพนักงานด้วยการลงทุนในตัวพวกเขา อีกหนึ่งเทคนิคที่สามารถมัดใจพนักงานและยังช่วยพัฒนาองค์กรได้เป็นอย่างดี คือการให้ความสำคัญกับความสามารถของพนักงาน จะเห็นได้ว่าหลายองค์กรเริ่มมีสวัสดิการเกี่ยวกับการอบรมหรือให้ทุน เพื่อให้พนักงานสามารถเลือกซื้อคอร์สเรียนที่ต้องการมาพัฒนาความสามารถของตัวเอง เพราะองค์กรหลายแห่งนั้นเชื่อว่า หากพนักงานได้รับการพัฒนาแล้วองค์กรย่อมพัฒนาตามไปด้วย ขณะเดียวพนักงานที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเองย่อมต้องการอยู่ในที่ที่สามารถพัฒนาพวกเขาได้อย่างต้องการ เทคนิคที่ 4 มัดใจพนักงานด้วยการมอบรางวัล เทคนิคการมัดใจพนักงานที่ไม่ว่าผ่านมากี่สมัย ก็สามารถใช้ได้เสมอนั้น […]

Perfectionist ผลเสีย

Perfectionist: เมื่อความสมบูรณ์แบบส่งผลเสียมากกว่าที่คิด

Perfectionist หรือมนุษย์ไม้บรรทัด คือบุคคลที่รักในความสมบูรณ์แบบ มีความละเอียดรอบคอบ และต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้ คนประเภทนี้พยายามหลีกเลี่ยงความผิดพลาด เพราะต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเพอร์เฟ็กต์ที่สุดดั่งการขีดเส้นตรงด้วยไม้บรรทัด ดังนั้น “มนุษย์ไม้บรรทัด” จึงเป็นคำในภาษาไทยที่สื่อความหมายถึงความเป๊ะของคนประเภท Perfectionist ได้เป็นอย่างดี Edward C. Chang (2006) ระบุว่าภาวะ Perfectionism แบ่งออกเป็น 3 ประเภท Self-oriented perfectionism คือ Perfectionist ที่กำหนดมาตรฐานความสมบูรณ์แบบของตัวเองเอาไว้สูง และคิดว่าทุกผลงานของตัวเองต้องไร้ซึ่งความผิดพลาด และตรงตามมาตรฐานความสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ Other-oriented perfectionism คือ Perfectionist ที่คาดหวังความสมบูรณ์แบบในการกระทำของผู้อื่น Socially prescribed perfectionism คือ Perfectionist ที่เชื่อว่าคนในสังคมหรือคนรอบข้างคาดหวังความสมบูรณ์แบบจากตัวเอง อาการแบบไหนถึงเรียกว่า ‘Perfectionist’ สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า อาการแบบนี้ใช่อาการของ Perfectionist หรือเปล่า วันนี้ JOBCAN ได้รวบรวมพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์ไม้บรรทัดสุดเนี๊ยบมาไว้ที่นี่แล้ว คนเมืองทิพย์เขาเป๊ะกันอยู่แล้วนะน้องนะ! 1. Perfectionist มักรอเวลาที่พร้อมที่สุดถึงจะเริ่มทำงาน เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด 2. Perfectionist […]

องค์กรควรรับพนักงาน part-time เข้ามาทำงานไหม? อ่านได้ที่นี่

หลายองค์กรมักจะประสบกับปัญหาช่วงเวลาขาดแคลนแรงงานในบางช่วงเวลาโดยเฉพาะกับองค์กรที่เป็นร้านค้าต้องใช้พนักงานบริการหรือองค์กรที่ต้องการพนักงานเพียงช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้มีการจ้างงานแบบพนักงาน Part-time ขึ้นมาแก้ปัญหานี้ แน่นอนว่าการจ้างพนักงาน Part-time ย่อมเป็นวิธีการแก้ปัยหาที่ช่วยได้ เพียงแต่ในการว่าจ้างก็ยังคงมีข้อควรคำนึงอยู่อีกมากที่ต้องพิจารณา วันนี้ JOBCAN จึงได้เตรียมเอาเรื่องราวที่นายจ้างควรรู้ก่อนการจ้างงานพนักงาน Part-time ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในการว่าจ้างหรือข้อควรคำนึงมาให้แล้ว ทำความรู้จักกับพนักงาน Part-time พนักงาน Part-time คือพนักงานที่ว่าจ้างเข้ามาให้ทำงานเพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยจะมีการกำหนดช่วงเวลาในการทำงานให้น้อยกว่า 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งผู้ว่าจ้างจะต้องตกลงรายละเอียดของการจ้างงาน เช่น จำนวนชั่วโมงในการทำงานต่อวัน ทำงานกี่วันต่อสัปดาห์ ค่าจ้างต่อชั่วโมงและอื่นๆ ไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน ประโยชน์ของการจ้างพนักงาน Part-time การจ้างพนักงาน Part-time เป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างมากกับองค์กรที่ต้องการงานที่เร่งด่วนหรือมีบางตำแหน่งที่ยังหาคนได้ไม่เพียงพอทำให้ทำงานไม่ทัน อย่างเช่น งานด้านกราฟิกดีไซน์ งานตัดต่อวิดีโอหรือกระทั่งงานธุรการต่างๆ ก็สามารถจ้างงานพนักงาน Part-time เข้ามาทดแทนก่อนได้ ซึ่งหากจะกล่าวถึงประโยชน์ของการจ้างพนักงาน Part-time ให้ชัดเจนแล้วคนเห็นได้จาก 3 ข้อนี้ กำหนดเวลาการทำงานได้ตามต้องการ เพราะเป็นการจ้างงานแบบพนักงาน Part-time การกำหนดเวลาจึงเป็นเรื่องที่สามารถยืดหยุ่นได้และจะเกิดขึ้นจากการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายและจ่ายค่าตอบแทนจากการทำงานเป็นรายชั่วโมง โดยการกำหนดเวลานั้นสามารถกำหนดได้ทั้งวัน ช่วงเวลาและระยะเวลาในการทำงานแต่ละวัน ทำให้สามารถดูแลพนักงาน Part-time ได้ตามต้องการ ช่วยแก้ปัญหาให้องค์กรได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางตำแหน่งอาจเกิดขึ้นเพียงบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างปัญหาให้กับบริษัทหรือองค์กรได้เป็นอย่างมาก […]

เปิดสายอาชีพ WFH สุดฮิต 2022 อยู่ที่ไหนบนโลกก็ทำได้

เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกับการใช้ชีวิตของเรามากขึ้น โลกแห่งการทำงานก็เรียกได้ว่าไร้พรมแดน ยิ่งมีโรคระบาดเข้ามาตอกย้ำทำให้การทำงานร่วมกับเทคโนโลยีไร้พรมแดนยิ่งมีความท้าทายมากขึ้นไปอีกและยิ่งมีการพัฒนาให้สามารถทำงานได้จากทุกที่และทุกเวลาอย่างแท้จริง แต่หากกล่าวถึงอาชีพ WFH ที่สามารถทำงานออนไลน์ได้อย่าง 100% แล้วนับว่ายังมีไม่มากนัก  วันนี้ JOBCAN จึงมายกตัวอย่าง 10 อาชีพ WFH หรือทำงานที่ใดก็ได้บนโลกได้อย่างแท้จริง เรามาเริ่มกันเลย ติวเตอร์ อาชีพติวเตอร์กลายเป็นได้ทั้ง Active income ที่สามารถไลฟ์สดหรือวีดิโอคอลผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อทำการสอนตัวต่อตัว หรือจะเป็น Passive income ที่ทุกคนใฝ่ฝันต้องการด้วยการทำคลิปสอนขายคอร์สก็ได้เช่นกัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งอาชีพ WFH ที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางหรือประสบการณ์บางอย่างมาแบ่งปันให้กับผู้อื่น  นักเขียน อาชีพนักเขียนเป็นหนึ่งในอาชีพ WFH ที่มีความต้องการอย่างมากเพราะแตกออกได้หลากหลายแขนงไม่ว่าจะเป็น นักเขียนเพื่อการตลาด นักเขียนนวนิยาย หรือนักเขียนข่าว เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่มีส่วนในการขับเคลื่อนโลกอย่างมากทีเดียวเพราะไม่ว่าจะหันไปที่ใดเราจะต้องพบงานของนักเขียนอยู่เสมอ นอกจากนี้ด้วยความยืดหยุ่นในการสร้างผลงาน อาชีพนักเขียนจึงไม่มีความจำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่เลย เรียกว่าทำงานที่ใดก็ได้ ขอเพียงมีอินเตอร์เน็ตหรือปากกากับกระดาษก็พอแล้ว กราฟิคดีไซน์ กราฟิกดีไซน์เป็นอาชีพของนักสร้างสรรค์ที่ต้องการเพียงคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปสักเครื่องในการทำงานเท่านั้นก็สามารถออกแบบโลโก้ รูปภาพสำหรับการสื่อสารต่างๆ ได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่แต่อย่างใด โดยในปัจจุบันอาชีพ WFH นี้เรียกได้ว่าได้รับความนิยมค่อนข้างสูงทีเดียวเพราะสามารถฝึกได้เองไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม ใครที่ชอบงานศิลปะ วาดรูปต้องการสื่อสารเป็นภาพ สามารถเลือกอาชีพนี้แล้วเริ่มฝึกได้เลย บล็อกเกอร์หรือยูทูปเบอร์ บล็อกเกอร์หรือยูทูปเบอร์เป็นอาชีพสร้างคอนเทนต์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะหากคุณมีไอเดียต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือแบ่งปันประสบการณ์ออกมาให้คนรับชมก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม เพราะด้วยช่องทางการรับชมเริ่มมีเพิ่มขึ้น […]

Warning Signs Checklist! ถึงเวลาหรือยังที่ควรลาออก?

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนคงกำลังเผชิญกับปัญหาการทำงานหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป และเนื่องจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงของประเทศจึงทำให้สถานะทางการเงินของหลาย ๆ บริษัทเกิดความไม่มั่นคง มีการจ้างให้ลาออกจากงาน ลดจำนวนพนักงาน ลดเงินเดือน อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารเพื่อประคับประคองบริษัทให้อยู่รอด อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นส่งผลให้พนักงานที่ยังเหลือรอดในบริษัทต่างก็พยายามเอาตัวรอดและทนทรมานกับการทำงานแม้จะเป็นงานที่ทำแล้วไม่มีความสุขก็ตาม บ้างก็เพราะไม่อยากตกงาน บ้างก็ไม่อยากออกจาก comfort zone เพราะกลัวจะขาดรายได้ และไม่มีงานใหม่รองรับ ทว่าความคิดเหล่านั้นอาจส่งผลเสียต่อชีวิตการทำงานของคุณในระยะยาวได้เช่นกัน แน่นอนว่าโมเมนต์การตัดสินใจลาออกจากงานนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กว่าจะมาถึงจุดที่รู้สึกว่า ‘ฉันจะไม่ทน’ ทุกคนต้องผ่านการกัดฟันฝืนทนและบอกตัวเองมากี่ครั้งว่า ‘ช่างมัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป’ แต่การยอมทนเช่นนั้นหากนับวันมันยิ่งทำให้คุณรู้สึกว่าแค่ตื่นมาในตอนเช้าวันจันทร์ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยและไม่อยากตื่นไปทำงานแล้ว บางทีการตัดสินใจลาออกจากงานเดิม ๆ อาจช่วยให้คุณพบเจอกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า วันนี้ JOBCAN จึงอยากชวนมนุษย์เงินเดือนที่กำลังเผชิญกับความสับสนและลังเลที่จะลาออกให้มาลองอ่านและสำรวจตัวเองเกี่ยวกับสถานการณ์การทำงาน ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นลาออกจากงานด้วย.. 10 สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ควรลาออก! 1. เลเวลเต็ม max ปลดล็อกแล้วทุก skills ‘ชอบพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ’ คำพูดนี้คงเป็นคำตอบของใครหลาย ๆ คนที่ใช้ตอบคำถาม HR ในการสัมภาษณ์งาน เพราะทักษะการทำงานที่ดีคือการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือแม้แต่การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองแล้วนำมาปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น […]

เด็กจบใหม่มีดีกว่าที่คิด! วิธีดึงดูดเด็กจบใหม่ให้เข้ามาทำงานร่วมกับองค์กร

ในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างในปัจจุบันนี้หลายบริษัทจึงต้องการมองหาตัวช่วยที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะการมองหาตัวเลือกใหม่เพื่อมุมมองใหม่กันอยู่บ้าง แต่ความสดใหม่เหล่านี้เรียกว่าหาได้ยากจากผู้มีประสบการณ์ ทั้งยังมีความเสี่ยงอย่างมาก หากจะเลือกตัวเลือกเดิมเพื่อเข้ามาเอาชนะความท้าทายใหม่ๆ หลายบริษัทจะเริ่มพิจารณาเด็กจบใหม่ซึ่งเป็นตัวเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยและมีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อยอด วันนี้ JOBCAN จึงได้รวบรวมเอาเหตุผลที่เราควรเลือกตัวเลือกดีๆ อย่างเด็กจบใหม่สำหรับคนที่กำลังพิจารณาจะได้สามารถเห็นข้อดีได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงวิธีการดึงดูดเด็บจบใหม่ให้ต้องการมาร่วมงานกับเราด้วย เหตุผลที่ควรดึงดูดเด็กจบใหม่มาร่วมงาน แม้ว่าเด็กจบใหม่จะขาดประสบการณ์การทำงานไปบ้าง และมีหลายเรื่องที่ยังต้องคอยสอนอย่างใกล้ชิดแต่ก็มีข้อดีของการเป็นเด็กจบใหม่ด้วยเช่นกัน ไปดูกันเลย เพื่อมุมมองการทำงานที่สดใหม่ เพราะไม่เคยร่วมงานหรือทำงานกับใครมาก่อน ความคิดของเด็กจบจึงไม่มีกรอบกำหนดมากนัก เพียงมอบความกล้าและอิสระในการแสดงความคิดเห็นก็สามารถได้เห็นทางเลือกใหม่อีกมากมายที่เราไม่ทันได้คิดหรือมองเห็นออกมา ทำให้ได้ความสดใหม่ในการทำงานมากขึ้น ยิ่งองค์กรใดที่ต้องการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้นกลายเป็นองค์กรสำหรับคนยุคใหม่มากขึ้นด้วยแล้ว การรับเด็กจบใหม่เข้ามายิ่งสามารถช่วยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดได้ไวขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้อิสระในการแสดงออกถึงความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์อื่นๆ ด้วย เด็กจบใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เด็กจบใหม่มักมีการเรียนรู้ถึงตัวช่วยซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ด้วยกัน สิ่งที่มาแรง สิ่งที่ติดเทรนด์พวกเขามักรู้ก่อนเสมอ นี่นับเป็นข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดสำหรับเด็กจบใหม่ด้วย เพราะหากองค์กรใดต้องการบุคลากรที่เก่งเรื่องเทคโนโลยี สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างรวดเร็วเด็กจบใหม่ก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะพวกเขาเกิดในยุค Digital Transformation นั่นเอง เด็กจบใหม่ไฟแรง แรงใจเยอะ เด็กจบใหม่เป็นกลุ่มคนที่ก้าวเข้ามาเผชิญกับโลกการทำงานเป็นครั้งแรก ทำให้พวกเขามีความพยายามในการเรียนรู้สูง ทั้งยังสามารถพัฒนาต่อยอดได้ง่าย นอกจากความพยายามในการเรียนรู้แล้ว ยังมีความกระตือรือร้นในการทำงานสร้างผลงานอย่างมาก โดยพลังงานเหล่านี้สามารถปลุกเร้าให้กับคนในองค์กรไปด้วยได้เช่นกัน หลายองค์กรจึงเลือกว่าจ้างเด็กจบใหม่เพื่อเข้ามาปลุกบรรยากาศทำงานเป็นอีกเหตุผลหนึ่งด้วย วิธีการดึงดูดเด็กจบใหม่มาร่วมงาน เมื่อการรับเด็กจบใหม่มีข้อดีขนาดนี้แล้วหลายบริษัทอาจจะต้องการวิธีดึงดูดเด็กจบใหม่ให้เข้ามาให้ความสนใจกับบริษัทมากขึ้น แต่จะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกัน ปรากฎตัวในที่ที่เด็กจบใหม่จะมองเห็นได้ การทำให้เด็กจบใหม่รู้จักบริษัทหรือองค์กรของเรานับเป็นก้าวแรกที่จะสร้างความสนใจให้กับเด็กจบใหม่ได้ โดยวิธีการนั้นอาจมีทั้งการโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือบริการให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ หรืออาจมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กรในโลกโซเชี่ยลด้วยช่องทางต่างๆ มากมายก็สามารถใช้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีวิธีการออฟไลน์อย่างการจัดอบรม หรือปรากฎตัวตามมหาวิทยาลัยก็สามารถทำให้บริษัทหรือองค์กรเป็นที่รู้จักมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน มอบสวัสดิการที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ […]

หากไม่ดูแลระบบการบันทึกเวลางานให้ดี ระวังจะส่งผลเสีย!

การบันทึกเวลาการทำงานเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นการเข้าทำงานทำให้มีความสำคัญเป็นอย่างมากทีเดียวเพราะเกี่ยวเนื่องถึงการประเมินงาน การคำนวณเงินเดือนและอีกมากมายทำให้ความสำคัญนี้ต้องการความแม่นยำและสามารถพิสูจน์ยืนยันได้อย่างแท้จริง ซึ่งหากบันทึกเวลาการทำงานมีความผิดพลาดอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้จึงควรได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอผลเสียที่อาจเกิดขึ้น หากบันทึกเวลาทำงานมีความผิดพลาด แต่อย่างแรกเราต้องรู้ก่อนว่าบันทึกเวลาทำงานนั้นมีประเภทใดบ้าง ประเภทการลงเวลา บันทึกเวลาเริ่มต้นเข้าทำงาน-สิ้นสุดการทำงาน จำนวนชั่วโมงการทำงาน บันทึกเวลาพัก บันทึกเวลาการทำงานล่วงเวลา บันทึกชั่วโมงทำงานเวลาดึก บันทึกชั่วโมงทำงานวันหยุด บันทึกจำนวนวันที่เข้าทำงาน บันทึกจำนวนวันที่ขาดการทำงาน บันทึกจำนวนที่ลาหยุด บันทึกจำนวนวันหยุดที่เข้าทำงาน บันทึกจำนวนเวลาหรือครั้งเมื่อมีการเข้างานก่อนและเข้างานสาย บันทึกจำนวนวันที่เหลือจ่ายและวันที่เหลือ ผลกระทบหากมีการบันทึกเวลาการทำงานที่ไม่ดี หากระบบบันทึกเวลาทำงานมีปัญหาสามารถทำให้เกิดปัญหาได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมเพราะหากบริษัทใช้บันทึกเวลาเป็นหนึ่งในตรวจวัดการทำงาน คำนวณเงินเดือนแล้วความผิดพลาดนี้จะยิ่งส่งผลเสียได้มากขึ้นไปอีก โดยเราได้รวบรวมผลเสียที่อาจเกิดขึ้นมาเป็นตัวอย่างแล้วดังนี้ คำนวณเงินเดือนผิดพลาด การบันทึกเวลาทำงานโดยส่วนใหญ่แล้วจะเอาไว้สำหรับการคำนวณเงินเดือนของพนักงานคนนั้นนั้น ซึ่งเมื่อบันทึกเวลามีความผิดพลาดจะส่งผลให้ไม่สามารถคำนวณเงินเดือนที่ถูกต้องออกมาได้ ดังนั้น ความผิดพลาดนี้จึงสามารถส่งผลเสียได้ทั้งกับพนักงานและบริษัทเองด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นนี้หลายบริษัทจึงเลือกใช้ซอฟท์แวร์บันทึกเวลาที่พนักงานสามารถดูแลบันทึกเวลาการทำงานได้เองทำให้สามารถป้องกันความผิดพลาดได้มากขึ้นเพราะมีการดูแลทั้งจากบริษัทหรือฝ่าย HR และตัวพนักงานเอง ไม่สามารถประเมินวินัยการทำงานได้ตามความจริง บันทึกเวลาการทำงานตามจริงนั้น สามารถใช้เพื่อประเมินวินัยการทำงานซึ่งหลายบริษัทใช้เพื่อเป็นการประเมินมอบสวัสดิการเพิ่มเติมเช่น เบี้ยขยัน หรือการให้รางวัลพนักงานดีเด่นโดยประเมินจากบันทึกเวลาการเข้าทำงานว่ามีการขาด ลา มาสายหรือไม่ แต่หากไม่สามารถประเมินได้ตามจริงแล้วการประเมินรางวัลสวัสดิการเหล่านี้อาจไม่โปร่งใสได้ ยิ่งไปกว่านั้นในการประเมินขึ้นเงินเดือนของหลายบริษัท ยังมีการนำบันทึกเวลาการทำงานมาร่วมประเมินด้วย ทำให้เมื่อไม่มีความผิดพลาดของระบบบันทึกเวลานั้น สร้างผลเสียจนอาจไม่สามารถนำมาร่วมประเมินได้ อาจมีปัญหาเรื่องของกฏหมายแรงงาน เมื่อมีความผิดพลาดในการบันทึกเวลาการทำงานแล้วย่อมส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการคำนวณเงินเดือนและการประเมินการทำงานซึ่งทำให้การจ่ายค่าตอบแทนมีความผิดพลาด การจ่ายเงินไม่สามารถจ่ายตามจริงได้ ทำให้อาจกลายเป็นการละเมิดกฏหมายคุ้มครองแรงงานได้เช่นกันซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับเป็นเงินด้วย ซึ่งเป็นความเสียหายของบริษัทเป็นอย่างยิ่ง อาจเกิดความขัดแย้งจากความไม่เท่าเทียมระหว่างพนักงานได้ ความผิดพลาดในการบันทึกเวลาทำงาน นอกจากจะส่งผลต่อการคำนวณเงินเดือนแล้ว ความผิดพลาดนี้ ยังสามารถสร้างความขัดแย้งระหว่างพนักงานได้ด้วยเช่นกัน […]

อยากอัพเงินเดือนหรือเปล่า? พบกับ 5 ข้อควรรู้… ต่อรองเงินเดือนยังไงให้สำเร็จ

การได้เข้าทำงานในที่ใหม่ส่วนใหญ่มักมีการตกลงเงินเดือนกันตั้งแต่แรกทำให้อาจไม่ใช่เรื่องยากหรือท้าทายเท่ากับการต่อรองเพื่อขึ้นเงินเดือน เพราะหลายคนอาจไม่รู้ว่าควรจะเริ่มหรือเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมสำหรับการต่อรอง ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้สามารถต่อรองได้ในสิ่งที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนหรือสวัสดิการอื่นๆ ก็ตาม วันนี้ JOBCAN จึงได้รวบรวมเอาเรื่องควรรู้สำหรับการต่อรองเงินเดือนที่คุณสามารถเตรียมการก่อนได้ด้วยตัวเอง โดยทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยให้คุณสามารถต่อรองได้สิ่งที่ต้องการทั้งยังไม่ยากเกินไปด้วย ต้องรู้ก่อนว่าเงินเดือนของเราควรขึ้นเพราะอะไร นี่เป็นคำถามที่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน เพราะมันคือเหตุผลหลักที่เราเตรียมความพร้อมในการต่อรองขึ้นเงินเดือน และยังเป็นคำถามที่ทางบริษัทจะต้องถามอย่างแน่นอน และคำตอบเกี่ยวกับที่มาของตัวเองของนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ เช่น ผลงานความสามารถที่สร้างประโยชน์ให้กับบริษัทมากขึ้น หรือผลการอบรมเรียนรู้ที่เราสามารถทำมาพัฒนาต่อยอดกับบริษัทได้ เป็นต้น ดังนั้นสำหรับขั้นแรกในการเตรียมใจความหลักคือเราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าคุณค่าของตัวเราคืออะไร ยิ่งเราสามารถรู้ได้ชัดเจนอย่างมีหลักฐานอ้างอิงเช่นใบ certificate หรือสถิติตัวเลขรับรองจะยิ่งทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในความสามารถของเรามากยิ่งขึ้น ตอบคำถามให้บริษัทได้ว่าเขาจะได้อะไร สิ่งที่เราต้องรู้ต่อมาในการต่อรองเงินเดือนคือประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากการจ่ายต้นทุนในการว่าจ้างเพิ่มเติม เพราะการที่บริษัทว่าจ้างเราเข้ามาก็เพื่อการสร้างประโยชน์และผลกำไร หากว่าการจ่ายต้นทุนเพิ่มเป็นสิ่งที่คุ้มค่าย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเพราะการว่าจ้างพนักงานใหม่ให้เข้ามาแทนพนักงานที่มีศักยภาพเป็นต้นทุนที่สูงและเสี่ยงมากเช่นกัน ดังนั้นการตอบคำถามนี้จึงเป็นหลักสำคัญในการต่อรองเงินเดือนเลยทีเดียว โดยการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้นั้นจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเราว่า สามารถสร้างผลประกอบการให้แก่บริษัทได้อย่างไรบ้าง และผลประกอบการนี้สามารถเพิ่มขึ้นอย่างไรได้บ้าง กำหนดกรอบความต้องการอย่างสมเหตุสมผล หลังจากที่เราตอบคำถามสำคัญสองข้อกันไปแล้วก็มาถึงหลักใหญ่ใจความสำคัญอย่างจำนวนเงินที่เราต้องการเพิ่มเติม หรือสวัสดิการที่ต้องการอย่างชัดเจน ว่ามีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าใด ทั้งในระดับสูงสุดและต่ำสุดเพื่อให้สามารถต่อรองเงินเดือนได้อย่างชัดเจน โดยกรอบเงินเดือนหรือสวัสดิการที่ต้องการเพิ่มขึ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทและการอ้างอิงจากตลาดแรงงานในตำแหน่งหน้าที่เดียวกัน ว่ามีผลตอบแทนเป็นอย่างไร โดยการคำนวณนั้นอาจขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าใช้จ่ายประจำวัน ต้นทุนการเดินทางสำหรับการทำงานและต้นทุนด้านเวลาและโอกาสต่างๆ ด้วย คิดแผนสำรองเพื่อเตรียมความพร้อม เรียกว่าเป็นการเจรจาต่อรองเงินเดือนย่อมมีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธด้วยเช่นกัน การเตรียมแผนสำรองเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่ล้มเหลว ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการต่อรองเพื่อให้เราได้รู้ตัวเองว่ายังมีทางเลือกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดขั้นต่ำในการต่อรองหรือเป็นการเปลี่ยนย้ายงาน ก็ควรเตรียมไว้ก่อนเพื่อเพิ่มความมั่นใจ โดยสำหรับใครที่คิดว่าหากเจรจาล้มเหลวไม่ได้สิ่งต้องการ แล้วคิดจะเปลี่ยนย้ายงานควรมีการเตรียมพร้อม เช่นการเตรียมเงินสำรองเพื่อใช้จ่ายในเวลาหางานเอาไว้ก่อน หรืออาจมีการหางานใหม่เตรียมรองรับไว้อยู่แล้วเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ตัวเอง เตรียมจิตใจให้พร้อมสู่การเจรจา หลังจากที่เราเตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เหลือเพียงการเตรียมพร้อมจิตใจให้สามารถเจรจาได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ ไม่ตื่นเต้นหรือแข็งกร้าวจนดูไม่มั่นใจ […]

5 วิธีเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

สภาพแวดล้อมในการทำงานนับเป็นเรื่องหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของ HR ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างผลงานและหากสภาพแวดล้อมในการทำงานดีพนักงานก็สามารถสร้างงานที่มีประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นได้ เพราะการใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอยู่ในที่ทำงานนั้นควรเป็นพื้นที่ที่มีความสุขได้เสมอจึงจะทำให้ต้องการมาทำงานใช้เวลาร่วมกันอยู่ที่ทำงาน วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอวิธีการสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าการสร้างบรรยากาศที่ดีนั้นจะให้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง การสร้างบรรยากาศที่ดีนั้นมีประโยชน์อย่างไร บรรยากาศในการทำงานนั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานโดยตรงเลยทีเดียวเพราะสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมจะช่วยให้ความคิดและการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทำได้ดีมากขึ้น ทั้งยังเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่ช่วยให้พนักงานมีความอยากที่จะมาทำงานด้วย จึงส่งผลให้อัตราการลาออกลดลงและสามารถดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาให้ความสนใจต้องการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรหรือบริษัทได้เช่นกัน วิธีการสร้างบรรยากาศการทำงาน การจะมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายอย่างแน่นอนโดยมีฝ่าย HR เป็นผู้นำหลักในการควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ โดยสามารถสร้างได้ด้วยวิธีดังนี้ จัดแต่งที่ทำงานให้สะอาดและสบายตา การมองเห็นนับเป็นการรับรู้หลักของมนุษย์เลยทีเดียวดังนั้นเมื่อมีการออกแบบ ตกแต่งสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม สะอาดและสบายตามากขึ้นย่อมสร้างความสบายใจในการทำงานได้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการจัดพื้นที่การทำงานหรือควบคุมไม่ให้สถานที่ทำงานรกหรือสกปรกจึงเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ HR ต้องหาวิธีทำให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืนให้ได้มากทึ่สุด โดยเริ่มจากความสะอาดเป็นสำคัญเพราะนอกจากจะทำให้มองดูสบายตาแล้วยังถูกสุขลักษณะ นับเป็นการสร้างความปลอดภัยในที่ทำงานอีกด้วย มีพื้นที่ในการพักผ่อนระหว่างการทำงาน ตลอดเวลาเกือบ 10 ชั่วโมงในที่ทำงานนั้นย่อมมีช่วงที่ร่างกายและสมองของพนักงานจะต้องการการพักผ่อนบ้าง เพื่อให้สามารถดึงศักยภาพที่ดีออกมาได้และทำงานได้อย่างมีความสุข ดังนั้นจึงควรจัดสรรพื้นที่พักผ่อนเช่น มุมนั่งเล่น โซนอาหารและของว่างหรือโซนเกมขึ้นมาเพื่อให้พนักงานสามารถผ่อนคลายความเครียดได้โดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปที่อื่นให้เสียเวลาการทำงานมากขึ้นไปอีก สร้างความยุติธรรมและมุมมองที่เป็นมิตรต่อการทำงาน มุมมองต่อการทำงานส่งผลอย่างมากต่อผลงานที่พนักงานรับผิดชอบ หากมีมุมมองการทำงานที่ดี อย่างเช่นได้รับความใส่ใจในการปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาจากหัวหน้าหรือผู้บริหาร ได้รับการประเมินผลงานที่เป็นไปตามหลักความจริงมากกว่าการประเมินจากชั่วโมงการทำงาน มีการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้ทำงานได้ดีมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งการกระทำเหล่านี้นั้นสามารถช่วยให้พนักงานเกิดแรงจูงใจในการสร้างผลงานที่ดีและกลายเป็นแรงจูงใจให้พนักงานคนอื่นได้อีกด้วย จึงเกิดเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมกับการทำงานขึ้นมาได้เพราะความยุติธรรมในการประเมินผลงานช่วยให้เกิดมุมมองที่ส่งเสริมการทำงานจะช่วยให้บรรยากาศในที่ทำงานสนุกสนานได้มากขึ้น สร้างกิจกรรมเพื่อความสัมพันธ์ในที่ทำงาน หนึ่งในตัวช่วยที่ดีสำหรับการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานคือการสร้างกิจกรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าลูกน้องหรือกระทั่งผู้บริหารต่อพนักงานคนอื่นๆ เพราะความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยการทำงานมีความสุขและประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในการทำงานเป็นทีมเพราะสามารถช่วยลดปัญหาในการสื่อสารลงได้มากทีเดียว ที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อร่วมงานเหล่านี้ยังเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พนักงานลังเลในการตัดสินใจลาออกได้อีกด้วย สำรวจสภาพจิตใจของพนักงานอยู่เสมอ แม้ว่าเราจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี บรรยากาศที่ดีต่างๆ แต่พนักงานไม่ได้มีชีวิตอยู่เพียงแค่ในที่ทำงานเท่านั้น ทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่บรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมไม่อาจช่วยเหลือได้ HR […]

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน…จัดอย่างไรให้ปัง!

หากมีอะไรที่ช่วยเสริมให้การทำงานของเราราบรื่นได้มากขึ้นก็อย่ารอช้า เพราะเรื่องโชค เรื่องดวงเราจะละเลยไปไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นในการจัดโต๊ะทำงานในทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่บ้านนั้น เราสามารถเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานเข้าไปได้โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น เราได้รวบรวมไว้ในบทความนี้แล้ว ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นเราสามารถนำมาปรับให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งหรือสไตล์การทำงานของเราได้เสมอ โดยนำเอาหลักการมีปรับใช้กันได้ ดังนี้ การเลือกรูปทรงของโต๊ะทำงาน สำหรับฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นเราสามารถเลือกให้เสริมการทำงานได้ต่างกันออกไปตั้งแต่รูปทรงเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบในการทำงานของแต่ละคนด้วย โดยจะมีการเสริมดวงการทำงานในแต่ละรูปทรงของโต๊ะดังนี้ ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานรูปทรงสี่เหลี่ยม ในศาสตร์ของฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานเชื่อว่าโต๊ะรูปทรงสี่เหลี่ยมจะช่วยให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น เหมาะสำหรับการใช้เป็นโต๊ะทำงานประจำตัวของพนักงานหรือใช้เป็นโต๊ะทำงานที่บ้าน ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานแบบโต๊ะกลม ในศาสตร์ของฮวงจุ้ยเชื่อว่าโต๊ะทำงานแบบโต๊ะกลมนั้นจะเหมาะกับการใช้ประชุม ระดมความคิด งานสร้างสรรค์เพราะพลังงานจะไหลเวียนอยู่บนโต๊ะได้ดี ทำให้การออกความคิดเห็นร่วมกันนั้นทำได้อย่างราบรื่น จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานสร้างสรรค์หรือใช้ความคิดอยู่เสมอ  ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานแบบโต๊ะมุมโค้ง สำหรับโต๊ะมุมโค้งในฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นเชื่อว่าจะช่วยให้คนทำงานสามารถสร้างสมาธิหรือรวบรวมสมาธิในการทำงานได้ดีขึ้นเพราะพลังงานที่วิ่งอยู่จะวิ่งชนโค้งแล้วกลับมาหาคนทำงาน การเลือกสีของโต๊ะทำงาน ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสามารถเลือกสีให้เสริมการทำงานได้หลากหลายเรื่องทีเดียวซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้เสริมช่วยในเรื่องอะไร เรามาดูกันดีกว่าว่าจะสามารถเสริมในเรื่องอะไรได้บ้าง ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีขาว โต๊ะทำงานสีขาวนั้นนับเป็นสีพื้นฐานที่หลายคนเลือกใช้เพราะความสว่างและจัดแต่งง่าย ซึ่งทางฮวงจุ้ยนั้นสามารถเสริมการทำงานเกี่ยวกับใช้ความคิดยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ด้วย ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีสว่าง โต๊ะทำงานสีสว่างเป็นอีกหนึ่งโต๊ะทำงานที่หลายคนมักจะเลือกเพราะความสว่างที่ทำให้ห้องดูกว้างแล้วยังดูไม่จืดจางเกินไปอีกด้วย ซึ่งในทางฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานแล้วสามารถช่วยเสริมในเรื่องการมองเห็น ช่วยให้ร่างกายและสมองผ่อนคลายจากการทำงานได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่มักต้องทำงานใช้ความคิด ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีน้ำตาล สำหรับโต๊ะทำงานสีน้ำตาลซึ่งอาจเป็นโต๊ะทำงานไม้โทนสีต่างๆ ที่ให้อารมณ์คลาสสิกนั้นจะเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานในเรื่องความน่าเชื่อถือจึงเหมาะสำหรับคนที่ทำงานที่ต้องติดต่อสื่อสารอยู่เสมอ ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีเขียว โต๊ะทำงานสีเขียวนั้นจะเป็นการเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานในด้านความสมดุลเพราะเป็นสีที่เราเห็นได้จากธรรมชาติ ช่วยให้สบายตา สบายใจมากขึ้นทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดสมดุลมากขึ้น ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีเทา สำหรับโต๊ะทำงานสีเทานั้นจะเป็นสีที่ทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น โดยสีเทานี้จะช่วยเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ใครที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการใช้ความคิด ออกแบบหรือต้องการความคิดสร้างสรรค์สามารถเลือกโต๊ะทำงานสีเทาได้เลย ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีดำ โต๊ะทำงานสีดำเป็นโต๊ะที่ช่วยทำให้สิ่งของบนโต๊ะโดดเด่นมากขึ้น และในด้านฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นยังช่วยกระตุ้นความคิดและทำให้มีความรอบคอบในการทำงานมากขึ้นด้วย ตำแหน่งการวางโต๊ะทำงาน ฮวงจุ้ยการจัดห้องทำงานก็สามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของคุณไปพร้อมกับฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานได้เช่นกัน โดยตำแหน่งของการวางโต๊ะทำงานนั้นเรียกว่ามีผลอย่างมากแต่อาจเลือกไม่ได้มากนักโดยเฉพาะที่ทำงานหรือคนที่มีพื้นที่จำกัดแต่เราสามารถแก้ไขแก้เคล็ดบางส่วนได้ มาดูรายละเอียดกัน ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานควรจัดวางไว้ให้เยื้องกับประตู สามารถมองเห็นทางเข้า-ออกได้ […]