ในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะกับการใช้งานในองค์กรนั้นย่อมมีทางเลือกต่างๆ มาให้เหล่า Hr ต้องพิจารณาโดยเฉพาะกับแอปตอกบัตรซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการบริหารองค์กรต่างๆ ทำให้ Hr จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย โดยวันนี้ JOBCAN จะมานำเสนอข้อมูลที่เก่ยวกับแอปตอกบัตรที่ Hr จะต้องเลือกสรรให้เหมาะสมกับองค์กร นั่นคือการใช้แอปตอกบัตรแบบ Moblie Application หรือการใช้แอปตอกบัตรแบบ Web application จะดีกว่ากัน Mobile Application สำหรับแอปตอกบัตร เรามาทำความรู้จักกับ Mobile Application กันก่อน นั่นคือซอฟต์แวร์ที่เน้นการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต มีการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานให้สะดวกสบายมากขึ้น อย่างที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือระบบซื้อของออนไลน์ ระบบสั่งอาหารออนไลน์ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วองค์กรที่ใช้ Mobile App จะเป็นองค์กรที่พัฒนาขึ้นมาเองมากกว่าเพราะต้องทำความรู้จักผู้ใช้งานและมีการปรับปรุงพัฒนาระบบอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดตามมา ดังนั้นสำหรับ Hr Application แล้ว การมีแอปตอกบัตรติดมือถือก็เป็นเรื่องที่สะดวกสบายผู้ใช้งานอย่างพนักงานในบริษัทเพียงแต่ด้วยระบบงานที่มีความสำคัญอาจทำให้ต้นทุนในการสร้างแอปตอกบัตรนี้ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย จึงเหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า Web Application สำหรับแอปตอกบัตร สำหรับ Web Application นั้นคือการนำ Application ขึ้นมาเปิดบนเว็บไซต์ผ่านบราวเซอร์ต่างๆ ได้เลยจึงสามารถใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีการติดตั้ง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายอุปกรณ์เรียกว่าทุกอุปกรณ์ที่สามารถเปิดบราวเซอร์ได้สามารถใช้งาน Web Application […]
กาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้การทำงานหลายอย่างต้องปรับตัวและยังทำให้วิถีการทำงานเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย หนึ่งในอาชีพที่ต้องปรับตัวตามยุคสมัยให้ทันอยู่เสมอก็คือฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่นอกจากจะดูแลให้การทำงานภายในองค์กรของพนักงานราบรื่นแล้วยังต้องท้าทายด้วยการคิดหาวิธีปรับตัวกับยุคสมัยอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในการปรับตัวที่มาแรงที่สุดในตอนนี้คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลืออย่าง hr mobile hr mobile คืออะไร เป็นที่รู้กันดีว่า hr จะต้องคอยดูแลเรื่องบันทึกเวลาการทำงานของพนักงานเพื่อนำไปคำนวณเงินเดือนโดยจะรวมถึงการลาหยุด ค่าล่วงเวลา และการเบิกค่าใช้จ่ายอื่นๆ สวัสดิการและอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตการทำงานของพนักงานซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหน้าที่อันจำเจของ hr ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานให้ hr สามารถเอาเวลาไปพัฒนาองค์กรในด้านๆ ได้มากขึ้น และเรียกกันว่า hr technology hr technology เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานของ hr มีความผิดพลาดน้อยลงและสามารถทำให้เสร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่แล้ววิถีการทำงานก็ถูกเร่งให้เปลี่ยนแปลงอีกครั้งทำให้การทำงานของ hr ที่สะดวกสบายมากขึ้นแล้วอาจจะยังสะดวกสบายไม่พอจะตอบโจทย์การทำงานของคนปัจจุบันที่ต้องทำได้ทุกที่ทุกเวลา จึงมีการนำเอา hr technology มาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนและเรียกกันว่า hr mobile hr mobile ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง hr mobile เป็นการย้ายระบบการของ hr มาไว้บนสมาร์ทโฟนเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานของทุกฝ่ายทั้งพนักงานในองค์กร ผู้บริหารและฝ่าย hr เอง โดยจะเน้นให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบได้ง่ายและดูแลในส่วนของตัวเองได้ด้วย โดยจะมี ระบบบันทึกเวลาการเข้า-ออกงาน ระบบการเดินเอกสารภายในองค์กร ระบบการจัดการเงินเดือน เมื่อมี hr mobile […]
เรื่องของเงินเดือนนับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือพนักงานเองก็ตาม เพราะการทำงานมีเงินเดือนเป็นผลตอบแทนหลักทำให้ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับการกำหนดเงินเดือน ทำให้การรับรองเงินเดือนต้องมีการออกเป็นลายลักษณ์อักษรทั้งยังถือเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการนำไปใช้ทำธุรกรรมและการสมัครงานที่ใหม่ เรียกกันว่า หนังสือรับรองเงินเดือน ซึ่งจะมีข้อแตกต่างจากสลิปเงินเดือน วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอความสำคัญของหนังสือรับรองเงินเดือน ว่าเป็นอย่างไรและมีอะไรที่เราควรรู้บ้าง หนังสือรับรองเงินเดือนคืออะไร หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ Salary Certificate เป็นเอกสารสำคัญที่องค์กรจะออกให้แก่พนักงานโดยต้องเป็นฝ่ายบุคคลหรือเจ้าของกิจการออกเอกสารให้เท่านั้น โดยวัตถุประสงค์หลักในการออกหนังสือรับรองเงินเดือนคือการรับรองค่าตอบแทนในการจ้างงานต่อบุคคลนั้นๆ ในหนังสือรับรองเงินเดือนจะปรากฎข้อมูลอะไรบ้าง ในหนังสือรับรองเงินเดือนต่างจากสลิปเงินเดือนที่สรุปรายได้สุทธิในแต่ละเดือน ซึ่งอาจจะไม่เท่ากันเพราะมีการหักภาษีหรือมีค่าล่วงเวลาปรากฎได้ โดยหนังสือรับรองเงินเดือนจะต้องปรากฎข้อมูลดังต่อไปนี้ ระบุเอกสารเป็น หนังสือรับรองเงินเดือน อย่างชัดเจน ชื่อ-นามสกุลของพนักงาน ชื่อองค์กร ตำแหน่งงาน วัน/เดือน/ปี ที่เริ่มทำงานถึงวันที่ออกเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือน วันที่ออกเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือน อัตราเงินเดือนโดยไม่รวมผลตอบแทนอื่น วัตถุประสงค์ในการออกเอกสาร ชื่อผู้ออกเอกสาร ตราประทับขององค์กร ข้อควรรู้เกี่ยวกับหนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือนถือเป็นเอกสารสำคัญใบหนึ่ง โดยมีข้อควรรู้ดังนี้ หนังสือรับรองเงินเดือนจะออกโดยองค์กรเท่านั้น เนื่องจากหนังสือรับรองเงินเดือนเป็นเอกสารสำคัญที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายจึงต้องมีการรับรองจากองค์กรเท่านั้น โดยเจ้าของกิจการหรือนายจ้างที่มีอำนาจสูงจะเป็นผู้มอบอำนาจให้กับฝ่ายบุคคลและมีการเซ็นรับรองเอกสารโดยเจ้าของกิจการหรือนายจ้างรับรู้ด้วยจึงจะสามารถนำไปใช้ได้จริง เจ้าของหนังสือรับรองเงินเดือนมีสิทธิ์จะไม่เปิดเผย เมื่อมีการสัมภาษณ์งานที่ใหม่ฝ่ายบุคคลขององค์กรใหม่อาจมีการเรียกขอหนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อทำการประเมินผลตอบแทนให้กับพนักงาน ซึ่งเรามีสิทธิที่จะปฏิเสธการให้ดูได้เช่นกันหากไม่สะดวกเพราะหากยังไม่สิ้นสุดการทำงานจากองค์กรเดิม ฝ่ายบุคคลขององค์กรเดิมก็สามารถปฏิเสธการออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้กับพนักงานได้ หนังสือรับรองเงินเดือนมีอายุการใช้งาน เมื่อองค์กรมีการออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้กับพนักงานแล้วจะมีอายุการใช้งานกำหนดตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานได้ดังนี้ หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อการขอสินเชื่อจะใช้งานได้ 30 วัน หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อการใช้งานเกี่ยวกับราชการ ใช้งานได้ 90 วัน หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อขอวีซ่า ใช้งานได้ […]
เชื่อว่าหลายองค์กรย่อมต้องการให้พนักงานใหม่เกิดความประทับใจในองค์กรตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าทำงาน และเพื่อเป็นการเรียนรู้บรรยากาศวัฒนธรรมองค์กร โดยหวังว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์และความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งเพราะต้องบอกเลยว่าไม่ว่าจะองค์กรใดก็ตามย่อมไม่อยากเสียเวลารับคนเข้ามาในเวลาสั้นๆ เพื่อให้เขาจากไป หลายองค์กรจึงมีการจัด On-boarding ขึ้นนั่นเอง เรามาทำรวามรู้จักกับการทำ On-boarding กัน On-boarding คืออะไร On-boarding คือการจัดโปรแกรมหรือกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาและอบรมพนักงานใหม่ให้รู้จักคุ้นเคยกับองค์กรมากขึ้น สามารถปรับตัวให้เข้าการทำงานและวัฒนธรรมขององค์กรได้ทำให้สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้ง่ายมากขึ้น หากกล่าวถึงการทำโปรแกรมต้อนรับพนักงานใหม่แล้วหลายคนอาจนึกถึงการทำปฐมนิเทศ (Orientation) วันแรกของการทำงาน ที่จะมีการแนะแนวการทำงานและจัดการเอกสาร แต่การทำ On-boarding นั้นไม่เหมือนกัน เพราะ On-boarding นั้นไม่ได้ทำเฉพาะตอนที่รับพนักงานใหม่เข้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเหลือให้พนักงานสามารถปรับตัวได้ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าขึ้นอยู่กับแผนของโปรแกรมในแต่ละองค์กรจะกำหนด ข้อดีของการทำ On-boarding การทำ On-boarding ให้กับพนักงานใหม่โดยส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมระยะยาวองค์กรจึงคาดหวังผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าอย่างแน่นอน มีอะไรบ้าง ไปดูกัน ช่วยให้พนักงานใหม่เข้าใจตำแหน่งและหน้าที่การทำงานของตนเอง การเข้าเป็นพนักงานใหม่ในองค์กรไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กก็ตาม หากสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นส่วนใดขององค์กรและงานที่ได้รับมอบหมายนั้นมีส่วนช่วยเสริมความสำเร็จให้กับองค์กรได้อย่างไรบ้าง จะทำให้เข้าใจการทำงานในภาพรวมได้ดีขึ้นและรับรู้จุดประสงค์ของหน้าที่การทำงานได้อย่างชัดเจน ช่วยให้พนักงานสร้างความสัมพันธ์ต่อองค์กรได้ง่าย การทำ On-boarding ให้กับพนักงานใหม่เพื่อให้รู้จักองค์กรย่อมทำให้พนักงานได้สร้างความสัมพันธ์ท้งต่อองค์กร หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานและยังรู้สึกผูกพันธ์กับการก้าวไปสู่เป้าหมายพร้อมกับองค์กรด้วย เมื่อพนักงานใหม่รู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้นจะทำให้เกิดความจงรักภักดี ปรารถนาดีที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ช่วยให้พนักงานเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรได้ง่ายขึ้น การปรับตัวของพนักงานใหม่เป็นเรื่องที่ท้าทายมากทีเดียวโดยเฉพาะพนักงานใหม่ที่เคยทำงานมาก่อน คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการทำงานของที่อื่นมาก่อนซึ่งอาจทำให้การปรับตัวเพื่อให้เข้ากับองค์กรทำได้ยากขึ้น ดังนั้นการจัดทำโปรแกรม On-boarding จะช่วยให้พนักงานใหม่สามารถเข้าใจรูปแบบของวัฒนธรรมในองค์กรได้ชัดเจนมากขึ้น ตัวอย่างการทำ On-boarding ที่ได้รับความนิยม เรากล่าวถึงประโยชน์ของการจัดทำโปรแกรม […]
การดูแลทรัพยากรมนุษย์ภายในองค์กรให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ นั้นนับเป็นสิ่งท้าทายสำหรับองค์กร โดยเฉพาะกับการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากทีเดียว เชื่อว่าแต่ละองค์กรย่อมหาวิธีการรักาาพนักงานที่มีความสามารถเหล่านี้เอาไว้ วันนี้ JOBCAN จึงนำเอาเคล็ดลับเกี่ยวกับการทำให้พนักงานในองค์กรอยู่กับเราให้ได้นานขึ้นมาฝาก นั่นก็คือ Employee engagement ทำความรู้จักกับ Employee Engagement Employee engagement คือการสร้างความมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กร หรือก็คือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับพนักงานให้มีความผูกพันต่อกัน ซึ่งความผูกพันนี้จะทำให้พนักงานต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรไปข้างหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ และความรู้สึกผูกพันนี้จะเพิ่มขึ้นจนพนักงานรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของร่วมเกิดเป็นความจงรักภักดีตามมาในที่สุด วิธีสร้าง Employee Engagement การสร้าง Employee engagement นั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาค่อยๆ สร้างความผูกพันผ่านการมีส่วนร่วมแต่ว่าเราควรสร้างการมีส่วนร่วมอย่างไร ต้องผ่านปัจจัยใดบ้างจึงจะทำให้เกิด Employee engagement ขึ้นได้ เรามาดูกัน สร้างโอกาสผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ต่อเพื่อนร่วมงานนับเป็นการสร้าง Employee engagement วิธีหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจลาออกของพนักงาน ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรสร้างโอกาสให้พนักงานได้ผูกมิตรต่อกัน เพื่อเปิดโอกาสการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นในแผนกเดียวกันหรือต่างแผนกก็ตาม การมีเพื่อนร่วมงานที่เข้ากันได้ดีจะช่วยการทำงานสนุกมากขึ้น และยังช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานอีกด้วย การมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร การได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอะไรบางอย่างย่อมทำให้เกิดความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้ดีอย่างมาก จึงเป็นหนึ่งในวิธีการสร้าง Employee engagement ซึ่งการมีส่วนร่วมนี้อาจเป็นการออกความคิดเห็น วางเป้าหมายในแผนงานหรือการจัดกิจกรรมที่ให้พนักงานออกมามีส่วนร่วมไปด้วยกัน เมื่อได้เห็นความก้าวหน้าขององค์กรย่อมเกิดเป็น Employee engagement ได้ไม่ยาก ผลตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม การให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับงานที่ได้รับมอบหมายนับเป็นวิธีการสร้าง […]
ในตอนนี้โลกของการทำงานไม่ได้มีแค่คนรุ่นเก่าอีกต่อไป.. เมื่อในยุคนี้เด็ก Gen Z หลายๆ คนได้เข้ามาสู่โลกของการทำงานในฐานะ First Jobber ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่องค์กรต่างๆ จะต้องทำความเข้าใจว่าพวกเขาเหล่านั้นมีแนวคิดอย่างไรและให้ความสำคัญกับอะไร รวมถึงอาจมีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง เพื่อที่จะดึงดูดเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาทำงานด้วยกัน เรามาทำความรู้จักกับช่วงอายุในแต่ละ generation กันก่อน เราจะเห็นได้ว่า Gen Z จะมีอายุระหว่าง 10-25 ในขณะนี้ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาของการเรียนจบและเริ่มต้นทำงาน ทำธุรกิจของตัวเอง ในขณะเจนใกล้เคียงคือ Millenials หรือ Gen Y อยู่ระหว่าง 26-41 ปีเป็นประชากรส่วนใหญ่ในองค์กรที่อยู่มาก่อนหน้า มาดูกันว่าคนรุ่นใหม่มีอุปนิสัยและแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานอย่างไร 5 คุณสมบัติของเด็ก Gen Z 1. การเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี เด็ก Gen z เติบโตมากับอุปกรณ์ดิจิตอลตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ทำให้มีความเชี่ยวชาญและความคล่องแคล่วในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว มีการใช้เครื่องมือต่างๆเข้าช่วยจัดการงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ 2. ให้คุณค่ากับงานที่ตัวเองทำ งานที่ Gen z เลือกทำจะไม่ใช่แค่งานที่ทำผ่านๆ เพื่อเลี้ยงชีพเพียงอย่างเดียว แต่มีแนวโน้มที่จะเลือกงานที่จะสามารถเติมเต็มความสุขและคุณค่าของชีวิต […]
การคิดเงินเดือนเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องคำนวณโดยใช้บันทึกการเข้างานเป็นตัวแปรหลักซึ่งนับเป็นงานที่ค่อนข้างกินเวลาและมีโอกาสเกิดความผิดพลาดสูงขึ้นมาก ทั้งที่เราอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานที่ฝ่ายบุคคลต้องรับมืออยู่ด้วยเช่นกัน วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอหนึ่งใน Jobcan Series นั่นคือโปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ที่ช่วยคิดคำนวณเงินเดือนได้อย่างแม่นยำ มาดูกันว่า Jobcan Payroll หรือโปรแกรมเงินเดือนออนไลน์นี้มีข้อดึหรือจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง คำนวณเงินเดือนจากบันทึกเวลาการทำงานโดยอัตโนมัติ สิ่งสำคัญในการคำนวณเงินเดือนคือช่วงเวลาการทำงานโดยโปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ Jobcan Payroll สามารถตั้งเวลาวันที่จะเริ่มคำนวณเงินเดือนได้ ไม่ว่าจะเป็นวันที่เท่าไหร่ของเดือนก็ตาม และยังตั้งค่าให้มีการคำนวณแบบรายวันสำหรับพนักงานรายวัน หรือการนับเป็นชั่วโมงสำหรับพนักงานพาร์ทไทม์และแบบรายเดือนสำหรับพนักงานประจำได้เช่นกัน คำนวณภาษีและภาษีหัก ณ ที่จ่าย ความซับซ้อนของเงินเดือนอย่างการคำนวณภาษีและการหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่มีรายละเอียดต่างกันในแต่ละปีนั้น โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ Jobcan Payroll ก็มีอัพเดทให้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถตั้งค่าและจัดการได้ตามประเภทของพนักงาน นับว่าช่วยให้ความผิดพลาดของการคำนวณเงินเดือนลดน้อยลงได้ สามารถ import ไฟล์จากโปรแกรมบันทึกเวลาการทำงานได้ การคำนวณเงินเดือนโดยส่วนใหญ่จะคำนวณจากรายได้ต่อชั่วโมงคูณเวลาการเข้างาน ซึ่งรายได้นั้นนับเป็นสิ่งแน่นอนในแต่ละเดือนแต่ที่ไม่แน่นอนคือจำนวนเวลาการเข้างาน ซึ่ง โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ Jobcan Payroll ก็สามารถรับเอาไฟล์บันทึกเวลาการทำงานของพนักงานในองค์กรมาคำนวณเงินเดือนได้ ไม่จำเป็นต้องคีย์ข้อมูลใหม่เพื่อคำนวณให้เสียเวลา มีการรองรับได้ถึง 3 ภาษา เพื่อรองรับการทำงานหลากหลายวัฒนธรรมในองค์กรเดียวโดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่าง Expat ชาวจีน ญี่ปุ่นสามารถใช้งานโปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ Jobcan Payroll ได้ภายในโปรแกรมจึงมีการติดตั้งภาษาเอาไว้ถึง 3 […]
PDPA หรือ Personal Data Protection Act คือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 แน่นอนว่าพ.ร.บ. นี้เกิดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเราปลอดภัยไม่ให้คนนำไปใช้สร้างประโยชน์หรือความเสียหายโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเรานั่นเอง ข้อมูลส่วนตัวคืออะไร ข้อมูลส่วนตัวหรือที่ใน PDPA จะระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขบัตรประกันสังคม เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต ที่อยู่ อีเมล์ รูปภาพใบหน้า ลายนิ้วมือ รูปภาพใบหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมถึงข้อมูลที่อาจเชื่อมโยงไปถึงบุคคลได้เช่นวันเกิดและสถานที่เกิด เชื้อชาติ สัญชาติ ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ ข้อมูลการประเมินผลงาน เป็นต้นซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นเอกสารฉบับบจริงหรือสำเนาก็นับเป็นข้อมูลส่วนบุคคลทั้งสิ้น ใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องข้อมูลส่วนบุคคล ใน PDPA ผู้ที่จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลจะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลที่ข้อมูลสามารถระบุไปถึงได้ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจ รวบรวม เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ดำเนินการรวบรวม เปิดเผยข้อมูลตามคำสั่งของผู้ควบคุม ได้เป็นผู้ควบคุมเอง สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ […]
ถึงชีวิตเราจะเคยพบกับการเปลี่ยนแปลงมานักต่อนัก แต่มันกลับเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนกลัว ทุกคนมักจะถอยออกห่างจากการลองทำอะไรใหม่ๆ หรือเปลี่ยนนิสัยบางอย่างของตัวเอง เพื่อรักษาความสมดุลของชีวิตเอาไว้ จนอาจมองข้ามไปว่าความก้าวหน้าในชีวิตนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาตัวเองเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะเปลี่ยนตัวของเราไปในทางที่ดีขึ้น และเปิดโอกาสใหม่ๆ มากมายในชีวิต การที่เราจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น ทำได้ไม่ยาก หากมีแรงใจที่มุ่งมั่น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทักษะต่างๆ หาความรู้ หาประสบการณ์ให้กับตัวเอง เป็นต้น จะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้น ทุกคนสามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้ ความสำคัญของการพัฒนาตัวเอง การพัฒนาตัวเองจะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีความกล้าที่จะเผชิญอุปสรรคและก้าวผ่านจุดด้อยของตัวเองได้เสริมสร้างนิสัยที่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ตัวเราพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยจะขอแบ่งเป็น 3 ข้อดังนี้ 1. สร้างโอกาสให้กับตัวเอง ทุกคนมีโอกาสในชีวิตไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเรื่องการทำงาน เช่น การรับคนเข้าองค์กร หรือการเลื่อนตำแหน่งที่มีจำนวนคนจำกัด เป็นต้น คำถามคือเราจะทำอย่างไรให้กลายเป็นคนที่ได้รับโอกาส? คำตอบคือการพัฒนาคุณสมบัติของตัวเราให้กลายเป็นคนที่เหมาะสมให้ได้ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสให้ชีวิตเราก้าวหน้ายิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นสมาชิกในทีมขาย แต่อยากได้เงินเดือนเยอะขึ้น ก็ต้องตั้งใจพัฒนาตัวเอง หาความรู้ หาประสบการณ์ และทำผลงานเพื่อที่เลื่อนตำแหน่งเป็น Sales Manager หรือ Sales Director เป็นต้น 2. สร้างเป้าหมายและความท้าทายให้ชีวิต บางคนอาจใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย ซึ่งการพัฒนาตัวเองจะทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิตเราแต่ละวัน […]
หลายบริษัทหรือองค์กรเริ่มมีการเปลี่ยนมาใช้ e-Document แทนการใช้กระดาษกันมากแล้ว แต่หนึ่งในปัญหาของการเปลี่ยนครั้งนี้คือการยืนยันตัวตนเมื่อมีการอนุมัติหรือลงนามเพราะความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ไม่สามารถลงนามด้วยปากกาได้อีกแต่เปลี่ยนมาใช้ e-Signature แทน ทำให้หลายคนอาจมีคำถามถึงความน่าเชื่อถือของการใช้ e-Signature ว่าสามารถยืนยันตัวตนได้จริงหรือไม่ กฎหมายเกี่ยวกับ e-Signature ตามพ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ได้มีการนิยามเกี่ยวกับ e-Signature หรือการลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้อย่างชัดเจนในหมวด ๒ ถึงเงื่อนไขการมีผลของ e-Signature ตามกฎหมายว่าหากจะใช้ยืนยันได้จริงจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขใดบ้าง เงื่อนไขความน่าเชื่อถือของ e-Signature e-Signature มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการยืนยันด้วยอีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือการใช้ OTP (One Time Password) ก็ตามแต่ทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) หมวด ๒ มาตรา ๒๖ ถึงมาตรา ๒๘ โดย JOBCAN ได้สรุปมาได้ดังนี้ 1. สร้างขึ้นโดยเจ้าของ e-Signature ในการสร้าง e-Signature นั้นจะต้องใช้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยังเจ้าของ e-Signature […]
การจัดการบริหารเวลาเป็นเรื่องที่หลายบริษัทให้ความสำคัญเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารทรัพยากรด้านอื่นๆ อย่างเช่นการประเมินผลการทำงาน การจ่ายเงินเดือน เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับเวลาการทำงานของพนักงาน เพื่อตรวจสอบและพัฒนาบริหารทรัพยากรมนุษย์ในบริษัทต่อไปนั่นเอง นอกจากนี้ด้วยรูปแบบการทำงานที่ต่างไปจากเดิม ทำให้การตอกบัตรหรือการบันทึกเวลาการทำงานไม่ว่าจะเป็นการพักเบรค ลาพักร้อน ทำงานล่วงเวลาก็ต้องการการบันทึกเวลาที่ชัดเจนแม่นยำมากขึ้นแต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความยืดหยุ่นและใช้งานได้ง่ายขึ้น จึงต้องยกเอาระบบไปไว้บน Cloud ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อได้ง่าย เรามาดูจุดเด่นของการตอกบัตรบน Cloud นี้กัน จุดเด่นของการใช้ระบบการบันทึกเวลาเข้างานหรือตอกบัตรบน Cloud การทำงานในปัจจุบันเน้นความยืดหยุ่นสำหรับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ฝ่าย HR หรือพนักงานในองค์กรต่างก็ต้องสามารถเข้าถึงการตอกบัตรได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แต่เพราะการทำงานไม่ได้อยู่ในสถานที่เดียวอีกต่อไปแล้ว การตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานบน Cloud โดยมีซอฟต์แวร์รองรับจึงเป็นวิธีการที่ทำให้งานสะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ เช่น สามารถรับรู้และจัดการข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ การตอกบัตรหรือบันทึกเวลาเข้างานบน Cloud จะช่วยให้สามารถตรวจสอบเวลาที่ลงบันทึกหรือตอกบัตรได้ทันทีที่มีการลงบันทึก ไม่ว่าผู้บันทึกจะไปทำงานที่ใดก้ตาม อาจเป็นไซส์ก่อสร้าง หรือการเจอกับลูกค้าในที่อื่นๆ ก็สามารถจัดการและตรวจสอบข้อมูลได้ทันที หากมีความผิดปกติที่เกี่ยวกับเวลาเข้างานก็สามารถตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที สามารถนำข้อมูลเวลาการทำงานมาใช้ประโยชน์ได้จริง ข้อมูลทุกอย่างที่มีการบันทึกด้วยระบบบันทึกเวลาการทำงานบน Cloud จะมีการเก็บข้อมูลและสามารถสรุปออกมาเพื่อใช้งานได้อย่างง่ายดายในรูปแบบที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นแบบกราฟ จัดเรียงเป็นสถิติหรือตารางก็ได้ทั้งนั้น ทำให้สามารถนำมาต่อยอดพัฒนาองค์กรได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเรียบเรียงข้อมูลใหม่ สามารถลดต้นทุนการทำงานที่เกี่ยวกับการบันทึกเวลางานได้ ในองค์กรขนาดเล็กมักมีพนักงานอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบคนขึ้นไปหรือหากเป็นองค์กรขนาดใหญ่เองก็จะมีพนักงานมากขึ้น การจัดการคำนวณเวลาเข้า-ออกงานด้วยรูปแบบเก่านั้นเรียกว่าต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังคนมากมายทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเสียค่าทรัพยากรอย่างกระดาษหรือเครื่องมือเพิ่มเติมอื่นๆอีกด้วย ซึ่งกลายเป็นต้นทุนที่ต้องเสียไปเกินกว่าความจำเป็น ขณะที่ระบบตอกบัตรบน Cloud นั้นจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเวลา กระดาษ หรือคน สามารถลดความผิดพลาดของมนุษย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ มนุษย์เราสามารถสร้างความผิดพลาดได้เสมอไม่ว่าจะป้องกันมากเท่าใดก็ตามแต่หากเป็นระบบอัตโนมัติแล้วความผิดพลาดย่อมน้อยกว่าและที่สำคัญคือทุกการผิดพลาดที่เกิดขึ้นสามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร […]
วัฒนธรรมองค์กรคือ การสร้างทัศนคติ ค่านิยมและความเชื่อร่วมกันในองค์กรเพื่อให้องค์กรสร้างเป้าหมายหลักที่เป็นภาพเดียวกันขึ้นมาได้ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อวัฒนธรรมขององค์กรสามารถกำหนดวิถีการทำงานและสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรได้ด้วย เรามาดูกันให้ชัดๆ ดีกว่าว่าประโยชน์หลักที่วัฒนธรรมองค์กรสามารถทำได้มีอะไรบ้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ดีมีประโยชน์อย่างไร การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคนในองค์กรสร้างขึ้นมาด้วย แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากผลที่ได้กลับคุ้มค่าอย่างมากทีเดียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร การมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีจะต้องมีการทำงานประสานกันและยังมีวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน ทั้งยังมองเห็นและเข้าใจคุณค่าของการทำงานส่งผลให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีช่วยสร้างรูปแบบการทำงานที่ช่วยให้พนักงานมีความสุขสามารถแสดงศักยภาพของตนออกมาได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย ช่วยดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถเข้ามาสนใจองค์กร วัฒนธรรมองค์กรสามารถแสดงถึงรูปแบบการทำงานและความเป็นอยู่ภายในองค์กรได้หากองค์กรมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีแล้วจะทำให้คนที่มีศักยภาพและต้องการทำงานด้วยวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายเดียวกันเข้ามาสนใจ ดังนั้นยิ่งวัฒนธรรมองค์กรมีความแข็งแรงมากเท่าไหร่ การได้พนักงานที่ตรงตามความต้องการและมีความสามารถก็มีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น ช่วยให้พนักงานอยู่กับองค์กรนานขึ้น เมื่อองค์กรสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีได้แล้วจะช่วยให้พนักงานสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่าองค์กรนี้เหมาะกับการทำงานของตนหรือไม่ ขณะเดียวกันก็สามารถคัดเลือกเอาพนักงานที่มีสไตล์การทำงานตรงกับวัฒนธรรมองค์กรได้ด้วย ส่งผลให้พนักงานอยู่กับองค์กรได้นานมากขึ้น วิธีการวางแผนสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ได้รู้ประโยชน์ของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีกันแล้ว แต่ว่าเราจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง ไปดูกัน สร้างเป้าหมายกำหนดรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรที่อยากให้เป็น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามเราควรมีการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนเช่นเดียวกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เราต้องมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายให้ชัดเจนที่สุดเพื่อพาองค์กรไปในทางเดียวกันเพราะการสร้างวัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาจึงต้องชัดเจนที่สุด วางกลยุทธ์โดยทั้งองค์กรต้องมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน การสร้างวัฒนธรรมองค์กรมีองค์ประกอบอยู่หลายด้านทีเดียวจึงต้องมีการวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกันและขณะเดียวกันก็ต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการสร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายของวัฒนธรรมองค์กรร่วมกัน ไม่อย่างนั้นวัฒนธรรมองค์กรที่ออกมาอาจไม่ดีพอที่จะไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ใช้พื้นที่โซเชียลมีเดียให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ในปัจจุบัน Work from home มีเพิ่มมากขึ้นทำให้การพบปะพูดคุยหรือการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานลดลง ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนสร้างวัฒนธรรมองค์กรโดยให้ตัวช่วยอย่างโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นสื่อกลางในการสื่อสารด้วย สร้างแบบอย่างที่ดีเพื่อให้เป็นค่านิยม การมีแบบอย่างหรือบุคคลต้นแบบจะทำให้ภาพเป้าหมายของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรชัดเจนมากขึ้น ทั้งยังเป็นตัวอย่างที่นับว่ามีอิทธิพลอย่างมากทีเดียวและยังสามารถช่วยให้วัฒนธรรมองค์กรแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย วัฒนธรรมองค์กรต้องเหมาะกับยุคสมัยและสไตล์การทำงานของคนในองค์กร รูปแบบและความหมายของการทำงานในอดีตต่างจากปัจจุบันค่อนข้างมากแล้ว ทำให้วัฒนธรรมองค์กรในรูปแบบเดิมอาจไม่ดึงดูดหรือสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างที่ต้องการ จึงควรมีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้ยืดหยุ่นเข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอเช่น การกำหนดเวลาเข้างาน การตรวจวัดผลการทำงาน เป็นต้น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรสามารถกำหนดและสร้างเองได้แต่หากอยากได้ประสิทธิภาพที่รวดเร็วมากขึ้นสามารถจ้างองค์กรข้างนอกมาช่วยพัฒนาก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องวัฒนธรรมองค์กรก็ยังเป็นเรื่องของเวลาที่ต้องบ่มเพาะไปพร้อมกับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในองค์กรด้วย Jobcan Attendance ระบบเข้าออกงานพนักงาน ตอกบัตรออนไลน์สนใจระบบ […]