จ้าง HR Outsource ดีกว่าจริงเหรอ?
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือบริษัทขนาดเล็กก็ตาม การมีฝ่าย HR คอยพัฒนาและดูแลทรัพยากรบุคคลจะเป็นส่วนช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ในบริษัทขนาดเล็กนั้นการจ้างงานฝ่าย HR ให้สามารถดูแลบุคลากรทั้งหมดได้อย่างครอบคลุมทั้งการบันทึกเวลาเข้างาน การประเมินงาน การดูแลเอกสารและการคำนวณเงินเดือนนั้นนับเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูงทีเดียว หลายองค์กรจึงเลือกที่จะจ้าง HR Outsource เข้ามาช่วยดูแลแทน ทำความรู้จักกับ HR Outsource HR Outsource คือ การจ้างบริษัทที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับงานบริหารทรัพยากรฝ่ายบุคคลเข้ามาดูแลบุคลากรภายในองค์กรตามขอบเขตที่ได้ตกลงกันไว้ เช่น จ้างดูแลเฉพาะส่วนการสรรหาบุคลากร จ้างดูแลการคำนวณเงินเดือนหรือเวลาเข้างานเท่านั้น เป็นต้น โดยการจ้างงาน HR Outsource นี้จะมีหลากหลายประเภทให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามขอบเขตที่ต้องการ ทั้งยังได้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแล หลายองค์กรจึงสนใจทางเลือกนี้มากกว่าการจ้างฝ่ายบุคคลเป็นของตนเอง ประโยชน์ของการจ้าง HR Outsource เรามาดูปรธโยชน์ของการจ้าง HR Outsource กันให้ชัดเจนอีกสักครั้งซึ่ง JOBCAN ได้รวบรวมไว้ทั้งหมด 3 ข้อหลัก ดังนี้ ได้การทำงานระดับผู้เชี่ยวชาญ การจ้าง HR Outsource นั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความผิดพลาดในการบริหารงานมากนักเพราะบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ HR Outsource มักมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารงานเป็นอย่างมากอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถวางใจในผลงานได้ระดับหนึ่งว่าจะตรงตามความต้องการอย่างแน่นอน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ สำหรับการจ้าง HR Outsource ในบางบริษัทหรือองค์กรอาจเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กรให้ดีขึ้นเช่นการจ้าง […]
อย่าเพิ่งเปลี่ยนงาน….ถ้ายังไม่ได้อ่านบทความนี้!
เมื่องานที่ทำมันไม่ใช่ หลายคนก็เริ่มตัดสินที่จะเปลี่ยนงาน มองหางานใหม่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดที่ตนเองต้องการ แต่กว่าจะได้งานในรูปแบบที่ตรงใจนั้นกลับเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเสียอย่างนั้น ดังนั้นวันนี้ JOBCAN จึงนำเสนอเรื่องราวรายละเอียดที่ต้องรู้ก่อนจะลาออกเพื่อเปลี่ยนงาน เพื่อให้ช่วงเวลาหลังลาออกของคุณไม่ผิดหวังหรือพบปัญหาจนทำให้ได้งานที่ไม่ตรงใจอีกครั้ง จะมีอะไรที่ต้องรู้บ้าง เราไปดูกันเลย เราเปลี่ยนงานเพราะอะไร แม้ความรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่อยากทำงานจะชัดเจน แต่เราควรรู้ในแน่ชัดก่อนว่าสาเหตุของการไม่ชอบใจ ไม่อยากทำงาน ต้องการเปลี่ยนงานนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ เนื่องจากบางครั้งสาเหตุเหล่านั้นสามารถแก้ไขได้โดยการประสานงานกับหัวหน้าหรือฝ่ายบุคคล แต่หากสาเหตุที่เราอยากเปลี่ยนงานนั้นแก้ไขไม่ได้ ให้เราลองลิสต์สาเหตุออกมาให้ชัดเจนก่อนเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ตัวเลือกในการสมัครงานของเรานั้นแคบลง เช่น ต้องการเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น ต้องการเปลี่ยนสายงาน หรือต้องการเรียนรู้ทักษะบางอย่างที่ที่ทำงานเก่าไม่สามารถสอนได้ เป็นต้น แบบนี้จะทำให้เรามีเป้าหมายในการสมัครงานที่ใหม่ที่ตรงใจมากขึ้น หรือหากเกิดปัญหาจากเพื่อนร่วมงาน วัฒนธรรมองค์กรไม่ตรงใจ ก็สามารถลิสต์เอาไว้ได้เพื่อสอบถามในที่ถัดไป แผนสำรองในการเปลี่ยนงาน การเปลี่ยนงานเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ระหว่างการใช้เวลานั้นกลับยังต้องใช้เงินอยู่เหมือนเดิม ทำให้คำแนะนำส่วนใหญ่เมื่อต้องการเปลี่ยนงานคือการหางานใหม่สำรองไว้ก่อนเลยเพื่อให้เริ่มงานได้ทันที แต่การเปลี่ยนที่ใหม่ไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องแน่นอนที่เรามีงานรองรับ เพราะบางครั้งที่ใหม่อาจไม่ตรงใจเรา หรือเราไม่ตรงใจเขา และอาจเป็นทั้งสองไม่ตรงใจกันก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นแล้วก็มีเงินทุนสำรองหรืองานสำรองที่สามารถสร้างเงินได้อย่างงานฟรีแลนซ์ งานพิเศษ เป็นแหล่งให้เงินสำรองไว้ก่อนเพื่อให้เรามีเวลาในการเลือกงานที่ต้องการได้อย่างไม่ร้อนรน รีบเร่งจนต้องบีบให้ตนเองรับงานที่ไม่ต้องการ เงินทุนสำรอง อย่างที่ได้บอกไปว่าการใช้เงินนั้นไม่หยุดตามเวลางาน การมีเงินทุนสำรองอย่างต่ำ 6 เดือนก่อนลาออกเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญอย่างมากหรือจะให้ดีคือการเตรียมพร้อมไว้สำหรับ 1 ปี เพราะหลังจากการลาออกแล้วชีวิตการทำงานของเราจะนับว่ายังไม่แน่นอนจนกว่าจะเริ่มงานที่ใหม่จนผ่านช่วงทดลองงานไปได้ ซึ่งเท่ากับว่ารายได้ของเราจะยังไม่มั่นคงจนกว่างานที่ใหม่จะตรงใจเรานั่นเอง เป้าหมายสำหรับงานต่อไป ก่อนการลาออกนั้นการคิดถึงการเปลี่ยนงานอย่างชัดเจนที่สุดเป็นเรื่องสำคัญมาก เราควรมีรายละเอียดอย่างที่สามารถเขียนหรือพูดออกมาได้เลยว่างานต่อไปของเราจะต้องเป็นอย่างไรบ้าง มีข้อกำหนดตรงไหนที่จะต้องมีเพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์และการทำงานที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเนื้องานหรือวัฒนธรรมภายในองค์กร […]
อย่าพลาด! พบกับการสัมมนา “ปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยระบบ Workflow” สำหรับ HR ทุกท่าน โดย JOBCAN
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีหลายองค์กรที่ต้องเผชิญกับปัญหาการจัดการทรัพยากรบุคคล หรือพนักงาน เมื่อเข้าสู่ภาวะวิกฤต COVID-19 เมื่อพนักงานส่วนใหญ่ต้อง lockdown หรือหยุดงาน อาทิ การจัดการปัญหาเรื่องเอกสาร ปัญหาการดำเนินการล่าช้า ฯลฯ หากองค์กรของคุณกำลังมีปัญหาเหล่านี้ ทาง JOBCAN ขอเชิญชวนให้เข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อ “ปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยระบบ Workflow” ซึ่งการสัมมนา hr จะถูกจัดขึ้นในวันเวลาและช่องทางดังกล่าว วัน : พุธ 18 พฤษภาคม 2565 เวลา : 14:00-15:00 PM ช่องทาง : ผ่าน Google Meet*โดยจะส่งลิงค์ตามไปให้หลังจากท่านลงทะเบียนเรียบร้อย ค่าใช้จ่าย : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หัวข้อที่จะบรรยาย มีดังนี้ การทำงานในยุค New Normal ทักษะที่จำเป็นต่อองค์กรในยุค New Normal เทคโนโลยี Workflow คืออะไร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไร วิธีใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด […]
ระบบอนุมัติเอกสารออนไลน์ ตัวช่วยง่ายๆ ที่จะลดเวลาการทำงานของ HR
ภายในองค์กรมักจะต้องมีการอนุมัติเอกสารมากมายเพื่อให้งานสามารถเดินหน้าไปได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพียงแต่ในช่วงเวลาของการเดินเอกสารนั้นเป็นช่วงเวลาที่นับว่าใช้ทรัพยากรทั้งเวลา บุคคลและยังมีต้นทุนของอุปกรณ์เครื่องใช้อย่างกระดาษ หมึกพิมพ์และอื่นๆ อีกด้วย ยิ่งในช่วงเวลาที่มีโรคระบาดอย่างโควิด-19 ด้วยแล้วเรียกว่าต้นทุนของการอนุมัติเอกสารออฟไลน์นั้นเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เรามาดูกันว่าปัญหาในการอนุมัติเอกสารแบบเก่านั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง ปัญหาในการอนุมัติเอกสาร รูปแบบของการอนุมัติเอกสารแบบเก่าคือการพิมพ์ลงกระดาษและใช้วิธีการอนุมัติโดยปากกา สิ่งที่น่าอุ่นใจได้คือการอนุมัตินี้ยากต่อการปลอมแปลงระดับหนึ่ง แต่ในทางกลับกันก็ยากต่อการดำเนินการและรักษาด้วยเช่นกัน เรามาดูปัญหา 3 ข้อที่เห็นได้ชัดกันเลย ระยะเวลาในการดำเนินการ การอนุมัติเอกสารแบบออฟไลน์นั้นจะต้องได้พบตัวผู้อนุมัติเท่านั้นจึงจะได้รับการอนุมัติและนำไปดำเนินการต่อได้ซึ่งในช่วงเวลาที่ทุกอย่างต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วฉับไวนั้น วิธีการนี้ย่อมช้าเกินไป หากมีการ Work at home จะยิ่งลำบากในการส่งต่อเอกสารมากขึ้นไปอีกส่งผลให้การทำงานอาจล่าช้าออกไป การติดต่อสื่อสาร แม้ว่าการติดต่อสื่อสารในยุคปัจจุบันนี้นับว่าสะดวกขึ้นอย่างมากแต่สำหรับการส่งต่อเอกสารที่ต้องได้รับอนุมัตินั้นยังมีอุปสรรคอยู่บ้างเพราะหากต้องการความรวดเร็วต้นทุนค่าใช้จ่ายก็จะสูงมากแต่หากต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือเวลาในการเดินเอกสารที่มากขึ้น การสัมผัสใกล้ชิด การเว้นระยะห่างระหว่างกันในช่วงเวลานี้นั้นหมายถึงการลดความเสี่ยงทางสุขภาพในระยะยาว แต่กับการอนุมัติเอกสารซึ่งเป็นกระดาษต้องมีการสัมผัสพื้นผิวบนวัสดุเดียวกันทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสกับเชื้อโรคได้มากขึ้น นับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงและเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูงมากทีเดียว ตัวช่วยดีๆ อย่าง Jobcan Workflow สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไรได้บ้าง การเดินอนุมัติเอกสารในช่วงเวลานี้อาจเป็นความยุ่งยากอย่างหนึ่งที่ HR ต้องแก้ไขอย่างรวดเร็วเพื่อการทำงานในช่วงเวลาที่โควิด-19 ยังระบาดอยู่นี้ เรามาดูประโยชน์ที่ตัวช่วยดีๆ อย่าง Jobcan Workflow สามารถช่วยคุณได้กัน ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา Jobcan Workflow เป็นระบบการอนุมัติเอกสารที่อยู่บน Cloud ทำให้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้านหรือการทำงานนอกสถานที่ก็สามารถเข้าถึงเอกสารที่ต้องอนุมัติได้เสมอ ไม่ต้องรอระบบหรือสถานที่แต่อย่างใด ทำให้ระยะเวลาในการดำเนินการอนุมัติเอกสารสั้นลงได้อย่างมากทีเดียว หลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการสัมผัสสิ่งของร่วมกัน เชื้อไวรัสเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นและควบคุมไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงในการติดโรคสามารถเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ที่เราเข้าใกล้หรือสัมผัสกับสิ่งของร่วมกับผู้อื่น […]
การทำงานเป็นกะ (Shift Work) เรื่องสำคัญที่ HR ต้องดูแลจัดการ
องค์กรหรือบริษัทหลายแห่งมีความจำเป็นอย่างมากในการให้บริการหรือดูแลการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทำให้การเข้างานตามปกตินั้นไม่สามารถใช้ได้กับการทำงานในรูปแบบนี้ จึงมีการเข้างานในรูปแบบกะเกิดขึ้นเพื่อให้บริษัทสามารถก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น แต่การทำงานรูปแบบกะยังมีรายละเอียดและข้อควรระวังในการบริหารบุคคลมากกว่านั้น วันนี้ JOBCAN จึงได้รวบรวมเอาการทำงานรูปแบบกะมานำเสนอแล้ว ไปดูกันเลย Shift Work หรือการทำงานเป็นกะ คือ? การทำงานเป็นกะหรือ Shift Work นั้นคือการเข้างานเป็นรอบเวลา เพื่อสลับกันดูแลรับผิดชอบงานอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงหรือเรียกได้ว่าตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งในทางกฎหมายแรงงานได้กำหนดเอาไว้ว่าลูกจ้างจะมีเวลาทำงานต่อวันไม่เกิน 8 ชั่วโมงโดยไม่รวมเวลาพัก ทำให้การทำงานเป็นกะโดยส่วนมากมักมีกำหนดเวลาต่อรอบต่อคนไม่เกิน 8-9 ชั่วโมง หมุนเวียนกันไป โดยรูปแบบของการทำงานเป็นกะนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ทางนี้เลย รูปแบบของการทำงานเป็นกะ การทำงานเป็นกะยังมีรูปแบบที่ต่างกันออกไปตามแต่ละองค์กรจะกำหนดขึ้นเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะมีการแบ่งรูปแบบของการทำงานเป็นกะได้ดังนี้ ระบบการทำงานเป็นกะแบบถาวร เป็นการกำหนดเวลาการทำงานให้รับผิดชอบแบบถาวร ไม่เปลี่ยนรอบเวลา เช่นการเข้าทำงานกะกลางคืน เป็นต้น โดยระบบการทำงานเป็นกะแบบถาวรนี้จะช่วยให้ร่างกายของพนักงานสามารถคุ้นชินกับรอบเวลาได้ง่าย แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ได้เช่นกัน ระบบการทำงานเป็นกะแบบหมุนเวียนเร็ว เป็นการหมุนเวียนรอบเวลาการทำงานไปเรื่อยๆ ทำให้พนักงานแต่ละคนอาจได้รอบทำงานรับผิดชอบที่ต่างกันออกไปเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ได้อย่างสมดุลมากขึ้น แต่อาจส่งผลเสียต่อการปรับเวลาของร่างกายได้ ระบบการทำงานเป็นกะแบบหมุนเวียนช้า เป็นการปรับการหมุนเวียนรอบเวลาการทำงานเป็นกะให้ช้าลง เช่นการเปลี่ยนกะทำงานทุกไตรมาสหรือครึ่งปี ซึ่งนับเป็นการให้เวลาร่างกายพนักงานได้ปรับความคุ้นชินกับช่วงเวลาทำงาน และยังรักษาความต่อเนื่องของการทำงานได้ด้วย ข้อควรระวังสำหรับการทำงานเป็นกะ เราอาจได้เห็นข้อควรระวังบางอย่างของการทำงานเป็นกะกันไปบ้างแล้ว ซึ่งปัญหาเหล่านี้นั้นเป็นหนึ่งในงานที่ HR จะต้องคอยมองหาวิธีการแก้ไขให้เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานเพื่อให้รูปแบบการทำงานอย่างต่อเนื่องนี้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพให้ผลลัพธ์ที่ต้องการทั้งกับพนักงานและองค์กรด้วยเช่นกัน […]
ทำความรู้จักกับ HRIS มันคืออะไรกันแน่
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตประจำวันมากมายโดยเฉพาะกับการทำงานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะกับงานระบบอย่างงาน HR ที่มีความเป็นระบบทั้งยังเป็นงานสำคัญที่ต้องทำทุกเดือนอีกด้วย งานที่สำคัญและเป็นระบบนี้จึงสามารถสร้างตัวช่วยอย่างการใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำให้เกิดประโยชน์มากมาย หรือเรียกรวมๆ ว่า hr tech ดังนั้นจึงมีการสร้าง HRIS ขึ้นมา เรามาทำความรู้จักกับ HRIS กันเลย HRIS คือ HRIS ย่อมาจาก Human Resource Information System เป็นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล เป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนงานของ HR โดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นระบบการบันทึกเวลาการทำงาน การวางแผนโครงสร้างบุคคลในองค์กร การเดินเอกสาร การสร้างเอกสารอนุมัติต่างๆ เป็นต้น เรียกได้ว่า HRIS นี้มีความสำคัญกับบริษัทอย่างมากทีเดียว เพราะส่วนใหญ่เป็นงานสำคัญที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการสามารถใช้งาน HRIS ที่ให้ความสะดวกมากกว่าได้ทันที HRIS ที่ดีของแต่ละองค์กรนั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละองค์กร ซึ่งหากเลือกได้อย่างเหมาะสมจะสามารถช่วยให้องค์กรก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพอย่างมากทีเดียว เรามาดูประโยชน์ของ HRIS กันให้ชัดเจนกันดีกว่า ประโยชน์ของ HRIS HRIS เป็นระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคลที่มีประโยชน์อย่างมากในการใช้งานในองค์กร ซึ่งเราได้ยกมาเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน 5 ข้อด้วยกันดังนี้ ระบบสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนงานของ HR งานของ HR คือการบริหารดูแลทรัพยากรภายในองค์กรไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรอย่างกระดาษ […]
ทำความรู้จักกับ E-document ช่วยลดต้นทุนขององค์กร
กระดาษเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในหลายองค์กรแต่ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งสามารถสร้างปัญหาได้อย่างมากมายเช่นกัน เพราะงานส่วนใหญ่มักจะมีระยะเวลาในการดำเนินการ เมื่อสิ้นสุดการทำงานนั้นๆ แล้ว กระดาษจึงกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องกำจัดทิ้ง แต่การจัดการเอกสารบางอย่างไม่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย จะต้องมีการทำลายเนื้อหาด้านในทิ้งเสียก่อน ซึ่งทำให้องค์กรต้องเสียเวลาและจ่ายต้นทุนในการทำลายทิ้งไปด้วย แน่นอนว่านอกจากการทำลายกระดาษแล้วยังมีปัญหาอีกมากมายที่เกิดขึ้นจากกระดาษภายในองค์กรวันนี้ JOBCAN จึงขอนำเสนอตัวช่วยอย่าง E-document ซึ่งจะสามารถทำให้ปัญหาเกี่ยวกับกระดาษหมดไปได้ ทำความรู้จักกับ E-document E-document คือเอกสารในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสามารถดูและดำเนินการต่างๆ ได้บนซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงได้เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน จึงทำให้สามารถทำงานได้ง่ายมากขึ้น และยังช่วยลดความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุต่างๆ ในการดูแลเอกสารข้อมูลได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นการใช้ E-document แทนกระดาษยังทำให้กระบวนการการทำงานรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้นด้วย เราลองมาดูประโยชน์ของ E-document กันให้ชัดเจนอีกครั้ง ดังนี้ ประโยชน์ของ E-document ประหยัดต้นทุนทรัพยากรในระยะยาว การเปลี่ยนจากการใช้กระดาษมาเป็นการใช้ E-document นั้นสามารถลดต้นทุนในส่วนของอุปกรณ์สำนักงานอย่างเครื่องพิมพ์ กระดาษ หมึกพิมพ์ เครื่องทำลายเอกสาร และอีกมากมาย ซึ่งต้นทุนของทรัพยากรเหล่านี้นั้นนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้การเลือกใช้ E-document แทนกระดาษจะช่วยให้องค์กรสามารถนำต้นทุนทรัพยากรไปลงทุนในด้านอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าได้ การเดินทางเอกสารและประสานงานรวดเร็วขึ้น ข้อดีอย่างหนึ่งนั้นคือการเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เข้ากับยุคสมัยที่การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น หลายองค์กรมีการปรับช่วงเวลาการทำงานให้หลากหลายและไม่จำกัดสถานที่ ซึ่งการเอกสารที่มีลักษณะเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์สามารถส่งต่อไปสู่ที่ต่างๆ ได้ง่าย ยิ่งมีการใช้ E-signature ที่สามารถอนุมัติเอกสารผ่านไฟล์ E-document […]
เขียน Job Description อย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด? เรื่องพื้นฐานที่ HR ควรรู้
ในการเปิดรับพนักงานใหม่นั้นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีอย่างยิ่งคือ job description หรือการอธิบายเกี่ยวกับหน้าที่ตำแหน่งการทำงาน ว่าตำแหน่งที่ต้องการนั้นทำอะไรบ้าง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งในการคัดเลือกพนักงานทำให้เป็นส่วนสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ เพราะ job description สามารถช่วยคัดกรองพนักงานที่ดีเข้ามาให้เราได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นมันจึงเป็นจุดเริ่มที่องค์กรต้องให้ความสำคัญในการคัดสรรบุคลากรเข้ามา วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาเรื่องราวเกี่ยวกับ Job description (JD) มานำเสนอกันซึ่งจะมีทั้งรายละเอียด ประโยชน์และลักษณะที่ดีในการเขียนนั้นจะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน รายละเอียดที่ต้องมีของ Job description อย่างที่ทราบกันดีว่า job description คือการอธิบายตำแหน่งหน้าที่การทำงาน แล้วเราควรจะเขียนอธิบายอะไรลงไปบ้างนั้น มาทางนี้เลย โครงสร้างตำแหน่งและทักษะที่ต้องการ สำหรับ job description นั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องบอกถึงทักษะที่ต้องการและตำแหน่งที่ผู้สมัครจะได้เข้ามา เพราะจะช่วยให้เข้าใจภาพรวมของการเข้าไปเติมเต็มองค์กร และที่สำคัญยังเป็นการพิจารณาถึงโครงสร้างตำแหน่งจึงช่วยให้ผู้สมัครได้เข้าใจถึงบทบาทหน้าที่การทำงานมากขึ้นด้วย บทบาทหน้าที่การทำงาน การเขียน job description ต้องการอธิบายบทบาทหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจนเพราะจะเป็นการทบทวนถึงความสามารถและทักษะทั้งในรูปแบบความสามารถและความอดทนว่าจะสามารถรับหน้าที่นี้ได้หรือไม่ ดังนั้นจึงควรเขียนให้ครบถ้วนเพื่อทำความเข้าใจกับผู้สมัครตั้งแต่เริ่มต้น อัตราจ้างหรือค่าตอบแทน ค่าตอบแทนนับเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานเลยทีเดียวจึงไม่ควรละเลยในการเขียน job description ในส่วนนี้เพื่อเป็นการทำความเข้าใจและประเมินค่าตอบแทนในการทำงานของพนักงานที่มีต่อตำแหน่งหน้าที่งานนั้นๆ โดยอิงจากโครงสร้างเงินเดือนของแต่ละบริษัท ประโยชน์ของการเขียน Job description ที่ดี การเขียน job description นับเป็นจุดเริ่มต้นในการตามหาบุคลากรที่บริษัทต้องการแล้ว […]
ทัศนคติดีๆ ที่น่าเอาอย่าง เพียงมี 5 ข้อนี้ จะไปทำงานที่ไหนก็ย่อมได้!
ทัศนคติเป็นส่วนหนึ่งที่บริษัทมักให้ความสำคัญในขณะที่ทำการสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกพนักงานเพราะทัศนคติหรือแนวความคิดในการทำงานนั้นสามารถส่งผลได้หลายรูปแบบทีเดียว วันนี้ JOBCAN จึงได้รวมเอาทัศนคติที่ดีต่อการทำงานที่บริษัทที่ไหนก็ต้องการ 5 ข้อ มาดูกันว่าทัศนคติแบบใดบ้างที่พนักงานควรมี แต่ก่อนอื่นเราจะไปดูเหตุผลที่ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานกันก่อน ทำไมทัศนคติในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทัศนคติหรือแนวความคิดนั้นสามารถสร้างผลกระทบได้มากมายตั้งแต่การทำงาน การแก้ปัญหา การประสานงานหรือกระทั่งการร่วมงาน ผ่านการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีโดยทัศนคติที่ดีสามารถทำให้งานออกมาประสบความสำเร็จได้ง่ายและการร่วมงานระหว่างเพื่อนร่วมงานก็ทำได้อย่างสนุกสนาน ขณะที่การมีทัศนคติที่แย่นั้นจะทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปได้ยากจึงทำให้สำเร็จได้ยากตามไปด้วย สามารถกล่าวได้ว่าทัศนคตินั้นมีผลต่อบรรยากาศการทำงานมากกว่าผลงานเลยทีเดียว ดังนั้นหลายบริษัทจึงไม่คัดเลือกเพียงความสามารถแต่ยังมองถึงทัศนคติที่มีต่อการทำงานด้วย ทัศนคติ 5 ข้อที่ควรมีในการทำงาน สำหรับทัศนคติที่เป็นที่ต้องการของหลายบริษัทนั้นมักจะไปในทางเดียวกัน ซึ่ง JOBCAN ได้รวบรวมมาแล้วดังนี้ รักในงานที่ทำ การเริ่มต้นทำงานด้วยความรู้สึกที่ดีต่องานนั้นเป็นทัศนคติแรกที่บริษัทจะพิจารณาเพราะเมื่อมีความคิดความรู้สึกดีๆ ต่อการทำงานแล้วย่อมสามารถสร้างผลงานที่ดีออกมาได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่องานที่ทำเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของชีวิตยิ่งทำให้พนักงานมีจิตใจทุ่มเทให้กับการทำงานมากขึ้นอย่างแน่นอน นี่จึงเป็นทัศนคติที่สำคัญอย่างมาก เคารพและให้เกียรติผู้อื่น ทัศนคติที่มีต่อคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันเพราะการรับมือกับความแตกต่างเป็นทักษะที่ส่งผลต่อบรรยากาศการทำงาน หากพนักงานมีทัศนคติไม่ดีอาจทำให้ผลงานที่ทำออกมาไม่ดีเท่าที่ควรและอาจส่งผลให้เกิดการลาออกของพนักงานคนอื่นๆ ด้วยจึงทำให้ในการสัมภาษณ์งานมักมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับการรับมือปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากบุคคลขึ้นมาทดสอบด้วยนั่นเอง มองโลกในแง่ดี ในการทำงานจะต้องเผชิญกับปัญหามากมายเป็นประจำ ดังนั้นการมองโลกในแง่ดีจึงช่วยให้มีความสุขกับการทำงานมากขึ้นและยังเป็นการมอบพลังบวกให้กับเพื่อนร่วมงานและคนรอบตัวได้ด้วย นอกจากนี้การมองโลกในแง่ดียังช่วยส่งเสริมให้ประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีมากยิ่งขึ้นเพราะการมองโลกในง่ดีสามารถสร้างพลังให้กับตัวเราเองได้ด้วยเช่นกัน รักในการพัฒนาตนเอง ไม่มีบริษัทหรือองค์กรใดที่ต้องให้พนักงานเข้ามาแล้วทำเพียงสิ่งเดียวโดยไม่มีการพัฒนาอย่างแน่นอน เพราะการพัฒนาตนเองของพนักงานย่อมเท่ากับเป็นการพัฒนาองค์กรไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นทัศนคติที่รักในการพัฒนาตนเองย่อมกลายเป็นสิ่งที่ HR มองหา นอกจากนี้การพัฒนาตนเองอยู่เสมอของพนักงานสามารถกระตุ้นให้เพื่อร่วมงานต้องการจะพัฒนาตนเองไปด้วยกันได้ ตั้งรับปัญหาด้วยรอยยิ้ม ในการทำงานย่อมต้องเผชิญปัญหามากมายหากพนักงานท้อแท้ง่ายหรือไม่สู้กับปัญหาย่อมสร้างความเสียหายให้กับบริษัทได้ในที่สุด ดังนั้นทัศนคติในการทำงานที่ต้องมีคือการไม่กลัวต่อปัญหาที่จะได้พบและแก้ไขมันด้วยความคิดในแง่บวกย่อมทำให้สนุกไปกับการทำงานและทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในที่สุด ซึ่งนี่เป็นทัศนคติที่ HR ต่างมองหาแต่ไม่สามารถตามหาได้ง่ายเพราะเป็นทัศนคติที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ แน่นอนว่าความสามารถในการทำงานเป็นเรื่องสำคัญแต่ขณะเดียวกันการคัดเลือกทัศนคติที่ดีก็เป็นเรื่องที่ HR ให้ความสำคัญมากด้วยเช่นกัน เพราะความสามารถเป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาได้และทำให้ง่ายขึ้นหากพนักงานมีทัศนคติที่ดี นอกจากนี้ยังพัฒนาให้องค์กรกลายเป็นที่ทำงานให้มีบรรยากาศการทำงานดีขึ้นด้วย […]
สลิปเงินเดือนคืออะไร? ต่างจากหนังสือรับรองเงินเดือนอย่างไร?
สำหรับมนุษย์เงินเดือนทุกคนแล้วคงต้องคุ้นเคยกับการได้รับสลิปเงินเดือนกันอย่างแน่นอน เพราะเมื่อได้รับเงินเดือนแล้วมักจะได้รับสลิปนี้ตามกลับมาด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นสลิปที่เรียกความสุขให้เราได้มากที่สุดแล้ว แต่ความจริงแล้วนั้นใบสลิปเงินเดือนที่แจ้งรายการเงินเข้าเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเราอย่างไร ทำไมองค์กรหรือบริษัทจะต้องมอบให้พนักงานที่ได้รับเงินเดือน วันนี้ JOBCAN ได้นำเอาคำตอบถึงความสำคัญของสลิปเงินเดือนนี้มาให้แล้ว ทำไมต้องมีสลิปเงินเดือน สลิปเงินเดือนคือใบเสร็จที่แสดงรายการเงินได้ของเดือนเดือนหนึ่งให้กับพนักงานไม่ว่าจะเป็นรายการที่ได้เงินพิเศษหรือหักลบเงินออกทั้งหมดจะแสดงให้พนักงานได้เห็นชัดถึงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนตามข้อตกลงที่พนักงานและบริษัทมีร่วมกัน ช่วยให้พนักงานรับรู้ที่มาของเงินเดือนได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถตรวจสอบเงินได้ต่อเดือนได้เสมอ ในสลิปเงินเดือนจะบอกอะไรเราบ้าง ในสลิปเงินเดือนเราจะได้เห็นข้อมูลดังนี้ ชื่อ-นามสกุลและตำแหน่งของพนักงาน ชื่อบริษัทและเลขประจำตัวผู้เสียภาษี วัน เดือน ปีที่จ่ายเงิน รายละเอียดรายได้เช่น ค่าล่วงเวลา เงินเดือน เงินพิเศษ การหักภาษีหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ สรุปรายได้สุทธิที่พนักงานได้ในเดือนนั้นๆ สลิปเงินเดือนสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง สลิปเงินเดือนนับเป็นหลักฐานการรับเงินอย่างหนึ่งที่บริษัทได้ออกให้กับพนักงานจึงสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันกับที่อื่นๆ ได้ ดังนี้ สลิปเงินเดือนเพื่อทำธุรกรรมกับธนาคาร สลิปเงินเดือนนับเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถืออย่างหนึ่งในการยืนยันว่ามีเงินได้ที่มั่นคง พร้อมยังสามารถยืนยันสถานที่ทำงานซึ่งช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความสามารถทางการเงินของเราได้ ดังนั้นเราจึงสามารถใช้สลิปเงินเดือนซึ่งแสดงข้อมูลของเราและบริษัทเป็นหลักฐานการรับเงินได้ด้วย สลิปเงินเดือนเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการยื่นภาษี ในสลิปเงินเดือนจะมีหลักฐานการหักภาษีต่างๆ ในแต่ละเดือนของเราอยู่ด้วย และยังเป็นหลักฐานเงินได้ตามกฎหมายที่ผู้มีเงินได้ต้องเสียภาษี สลิปเงินเดือนส่วนนี้จึงสามารถใช้เป็นหลักฐานของเงินได้ได้ด้วยเช่นกัน ในการยื่นภาษี สลิปเงินเดือนเพื่อการสมัครงาน ในการสมัครงานบางแห่งจะมีการเรียกดูสลิปเงินเดือนเพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาปรับเงินเดือนเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่กรอกตรงกับเงินได้ที่แท้จริง แต่จะมอบให้หรือไม่นั้นยังคงเป็นสิทธิ์ของผู้สมัครเช่นกัน สลิปเงินเดือนต่างหนังสือรับรองเงินเดือนอย่างไร อีกหนึ่งหลักฐานการได้รับเงินที่เป็นทางการมากกว่าสลิปเงินเดือนก็คือหนังสือรับรองเงินเดือนที่จะมีเพียงฝ่ายบุคคล หัวหน้างานหรือเจ้าของกิจการออกให้เท่านั้น โดยจะแสดงหลักฐานการทำงานตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน มีอายุการทำงานมากี่ปีแล้ว เงินเดือนที่ได้รับแต่จะไม่มีการแสดงรายการที่มาการหักเงินหรือการรับเงินเพิ่มแต่อย่างใด จากบทความนี้คงได้รู้ถึงความสำคัญของสลิปเงินเดือนกันแล้ว ดังนั้นเมื่อได้รับสลิปเงินเดือนในแต่ละเดือนจึงควรเก็บไว้ให้ดี แต่หากใครที่ทำหายหรือสลิปเงินเดือนเกิดความเสียหายสามารถขอจากฝ่ายบุคคลย้อนหลังได้เช่นกัน Jobcan Payroll ออกสลิป คำนวณภาษี […]
ก้าวสู่ยุคดิจิตอลด้วย HR Tech เทคโนโลยีช่วยจัดการทรัพยากรบุคคล
สิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าได้นั้นย่อมเป็นพนักงานหรือทรัพยากรมนุษย์ทุกคนที่สร้างผลงานขึ้นมา แน่นอนว่ายิ่งองค์กรใหญ่มากเท่าใด การดูแลทรัพยากรมนุษย์ก็ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญและมีเรื่องราวให้จัดการมากเท่านั้นทำให้ในยุคที่การสร้างผลลัพธ์ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างนี้ HR ต้องรับศึกหนักทีเดียว หากไม่มีตัวช่วยดีๆ คงเป็นเรื่องยากที่ HR จะสร้างผลลัพธ์ดีๆ ให้พนักงานในองค์กรสามารถมีความสุขกับการทำงานได้ วันนี้ JOBCAN จึงพาทุกคนมารู้จักกับ HR Tech ตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้องค์กรสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและรวดเร็วมากขึ้น เป็นอย่างไรบ้างไปดูกัน ทำความรู้จักกับ HR Tech HR Tech เป็นคำที่ย่อมาจาก HR Technology ซึ่งการการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ HR ให้กระบวนการทั้งหมดเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น มั่นคงมากขึ้นและมีความผิดพลาดน้อยลงด้วยการใช้ระบบดิจิตอลเข้ามาช่วย ทำให้กระบวนการการประสานงานในองค์กรสามารถทำได้อย่างไร้รอยต่อ ตั้งแต่การดูแลพนักงานเข้าใหม่ เวลาการทำงาน การจัดทำเอกสารและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งปัจจุบันนี้มี HR Tech มากมายที่สร้างขึ้นเพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารถได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในองค์กรของตนส่งผลให้การทำงานมีความสุขมากขึ้นและยังเพิ่มเวลาการทำงานในส่วนอื่นที่สำคัญของ HR ได้ด้วย เหตุผลที่ HR Tech กลายเป็นสิ่งจำเป็นในองค์กร เรามาดูประโยชน์ที่องค์กรจะได้หากมีการใช้งาน HR Tech และยังเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายองค์กรเลือกใช้ HR Tech ในการบริหารงานทรัพยากรต่างๆ ในองค์กรด้วย ซึ่งเราได้รวบรวมไว้ 5 ข้อหลักดังนี้ […]
พบกับการสัมมนาสำหรับเหล่า HR PAYROLL! “กลยุทธ์การบริหารเงินเดือนและค่าตอบแทนพนักงานในยุค COVID-19” โดย JOBCAN
ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 หลายบริษัทมีการปรับเปลี่ยนพนักงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจำใจปลดพนักงานเก่าด้วยความจำเป็น หรือการรับพนักงานใหม่เข้ามาแทนที่ในตำแหน่งที่ขาดแคลน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับทุกๆ บริษัทคงหนีไม่พ้นเรื่องของเงินเดือน ที่ต้องปรับเปลี่ยนตามแผนกิจการและกำไรที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของ COVID-19 แล้วทางบริษัท… จะออกแบบระบบบริหารค่าตอบแทนพนักงานอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด ? จะจัดทำโครงสร้างเงินเดือนอย่างไรให้เหมาะสม? จะประเมินค่างานพนักงานยังไงให้เชื่อมโยงกับเงินเดือนที่ควรได้รับ? หากคุณเป็นหนึ่งในเจ้าของกิจการ หรือ HR ที่ต้องการไขข้อสงสัยเหล่านี้ และแก้ไขปัญหาเรื่องเงินเดือนให้กับกิจการของคุณ ทาง JOBCAN ขอเชิญชวนให้เข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อ “กลยุทธ์การบริหารเงินเดือนและค่าตอบแทนพนักงานในยุค COVID-19” รายละเอียดการสัมมนา HR มีดังนี้ วัน : พฤหัสบดี 28 เมษายน 2565 เวลา : 10:00-11:00 AM ช่องทาง : ผ่าน Google Meet*โดยจะส่งลิงค์ตามไปให้หลังจากท่านลงทะเบียนเรียบร้อย ค่าใช้จ่าย : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนา 20 ท่าน/รอบ หัวข้อที่จะบรรยายมีดังนี้ การกำหนดค่าตอบแทนพนักงาน ปัจจัยการกำหนดค่าตอบแทนพนักงาน แนวคิดและเทคนิคการออกแบบระบบบริหารค่าตอบแทน การกำหนดนโยบายค่าตอบแทน […]