เปิดสายอาชีพ WFH สุดฮิต 2022 อยู่ที่ไหนบนโลกก็ทำได้

เปิดสายอาชีพ WFH สุดฮิต 2022 อยู่ที่ไหนบนโลกก็ทำได้

เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกับการใช้ชีวิตของเรามากขึ้น โลกแห่งการทำงานก็เรียกได้ว่าไร้พรมแดน ยิ่งมีโรคระบาดเข้ามาตอกย้ำทำให้การทำงานร่วมกับเทคโนโลยีไร้พรมแดนยิ่งมีความท้าทายมากขึ้นไปอีกและยิ่งมีการพัฒนาให้สามารถทำงานได้จากทุกที่และทุกเวลาอย่างแท้จริง แต่หากกล่าวถึงอาชีพ WFH ที่สามารถทำงานออนไลน์ได้อย่าง 100% แล้วนับว่ายังมีไม่มากนัก  วันนี้ JOBCAN จึงมายกตัวอย่าง 10 อาชีพ WFH หรือทำงานที่ใดก็ได้บนโลกได้อย่างแท้จริง เรามาเริ่มกันเลย ติวเตอร์ อาชีพติวเตอร์กลายเป็นได้ทั้ง Active income ที่สามารถไลฟ์สดหรือวีดิโอคอลผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อทำการสอนตัวต่อตัว หรือจะเป็น Passive income ที่ทุกคนใฝ่ฝันต้องการด้วยการทำคลิปสอนขายคอร์สก็ได้เช่นกัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งอาชีพ WFH ที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางหรือประสบการณ์บางอย่างมาแบ่งปันให้กับผู้อื่น  นักเขียน อาชีพนักเขียนเป็นหนึ่งในอาชีพ WFH ที่มีความต้องการอย่างมากเพราะแตกออกได้หลากหลายแขนงไม่ว่าจะเป็น นักเขียนเพื่อการตลาด นักเขียนนวนิยาย หรือนักเขียนข่าว เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่มีส่วนในการขับเคลื่อนโลกอย่างมากทีเดียวเพราะไม่ว่าจะหันไปที่ใดเราจะต้องพบงานของนักเขียนอยู่เสมอ นอกจากนี้ด้วยความยืดหยุ่นในการสร้างผลงาน อาชีพนักเขียนจึงไม่มีความจำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่เลย เรียกว่าทำงานที่ใดก็ได้ ขอเพียงมีอินเตอร์เน็ตหรือปากกากับกระดาษก็พอแล้ว กราฟิคดีไซน์ กราฟิกดีไซน์เป็นอาชีพของนักสร้างสรรค์ที่ต้องการเพียงคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปสักเครื่องในการทำงานเท่านั้นก็สามารถออกแบบโลโก้ รูปภาพสำหรับการสื่อสารต่างๆ ได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่แต่อย่างใด โดยในปัจจุบันอาชีพ WFH นี้เรียกได้ว่าได้รับความนิยมค่อนข้างสูงทีเดียวเพราะสามารถฝึกได้เองไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม ใครที่ชอบงานศิลปะ วาดรูปต้องการสื่อสารเป็นภาพ สามารถเลือกอาชีพนี้แล้วเริ่มฝึกได้เลย บล็อกเกอร์หรือยูทูปเบอร์ บล็อกเกอร์หรือยูทูปเบอร์เป็นอาชีพสร้างคอนเทนต์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะหากคุณมีไอเดียต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือแบ่งปันประสบการณ์ออกมาให้คนรับชมก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม เพราะด้วยช่องทางการรับชมเริ่มมีเพิ่มขึ้น […]

Warning Signs Checklist! ถึงเวลาหรือยังที่ควรลาออก?

Warning Signs Checklist! ถึงเวลาหรือยังที่ควรลาออก?

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนคงกำลังเผชิญกับปัญหาการทำงานหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป และเนื่องจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงของประเทศจึงทำให้สถานะทางการเงินของหลาย ๆ บริษัทเกิดความไม่มั่นคง มีการจ้างให้ลาออกจากงาน ลดจำนวนพนักงาน ลดเงินเดือน อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารเพื่อประคับประคองบริษัทให้อยู่รอด อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นส่งผลให้พนักงานที่ยังเหลือรอดในบริษัทต่างก็พยายามเอาตัวรอดและทนทรมานกับการทำงานแม้จะเป็นงานที่ทำแล้วไม่มีความสุขก็ตาม บ้างก็เพราะไม่อยากตกงาน บ้างก็ไม่อยากออกจาก comfort zone เพราะกลัวจะขาดรายได้ และไม่มีงานใหม่รองรับ ทว่าความคิดเหล่านั้นอาจส่งผลเสียต่อชีวิตการทำงานของคุณในระยะยาวได้เช่นกัน แน่นอนว่าโมเมนต์การตัดสินใจลาออกจากงานนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กว่าจะมาถึงจุดที่รู้สึกว่า ‘ฉันจะไม่ทน’ ทุกคนต้องผ่านการกัดฟันฝืนทนและบอกตัวเองมากี่ครั้งว่า ‘ช่างมัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป’ แต่การยอมทนเช่นนั้นหากนับวันมันยิ่งทำให้คุณรู้สึกว่าแค่ตื่นมาในตอนเช้าวันจันทร์ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยและไม่อยากตื่นไปทำงานแล้ว บางทีการตัดสินใจลาออกจากงานเดิม ๆ อาจช่วยให้คุณพบเจอกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า วันนี้ JOBCAN จึงอยากชวนมนุษย์เงินเดือนที่กำลังเผชิญกับความสับสนและลังเลที่จะลาออกให้มาลองอ่านและสำรวจตัวเองเกี่ยวกับสถานการณ์การทำงาน ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นลาออกจากงานด้วย.. 10 สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ควรลาออก! 1. เลเวลเต็ม max ปลดล็อกแล้วทุก skills ‘ชอบพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ’ คำพูดนี้คงเป็นคำตอบของใครหลาย ๆ คนที่ใช้ตอบคำถาม HR ในการสัมภาษณ์งาน เพราะทักษะการทำงานที่ดีคือการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือแม้แต่การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองแล้วนำมาปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น […]

เชิญเข้าร่วมการสัมมนา “Future of HR 2030 รู้ก่อนใคร! เตรียมตัวเข้าสู่ HR ยุคอนาคต 2030”  โดยทีมงาน JOBCAN

เชิญเข้าร่วมการสัมมนา “Future of HR 2030 รู้ก่อนใคร! เตรียมตัวเข้าสู่ HR ยุคอนาคต 2030” โดยทีมงาน JOBCAN

ในช่วงเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ COVID-19 เริ่มต้นขึ้น องค์กรก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เช่น การลดพนักงาน เป็นต้น แวดวง HR หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็เช่นเดียวกัน ทุกคนจะต้องเจอกับ Challenge ใหม่ในสภาวะ Lockdown โดยเฉพาะในหลายๆ ที่เริ่มมีการนำ HR Tech มาใช้ในการช่วยจัดการดูแลพนักงานในระหว่างที่ Work From Home เป็นต้น ทว่าแม้สถานการณ์จะดีขึ้นแล้ว แนวโน้ม HR Tech ก็ยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลมาจากการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน หากรู้ก่อนนั้น ก็จะเป็นประโยชน์มากเลยทีเดียว ทาง JOBCAN ขอเชิญชวนให้เข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อ “Future of HR 2030 รู้ก่อนใคร! เตรียมตัวเข้าสู่ HR ยุคอนาคต 2030” รายละเอียดการสัมมนา HR มีดังนี้ วัน : พฤ 16 มิถุนายน 2565 เวลา : 14:00-15:00 […]

รู้ไว้! บริษัทต้องจ่ายเท่าไหร่ ถ้าจ้างพนักงานทำงานวันหยุด/OT

รู้ไว้! บริษัทต้องจ่ายเท่าไหร่ ถ้าจ้างพนักงานทำงานวันหยุด/OT

หากกล่าวกันถึงรายได้ของพนักงานประจำ ลูกจ้างในรูปแบบต่างๆ ทุกคนต้องรู้จักกับเงินเดือนและเงินล่วงเวลาหรือที่เรามักเรียกกันว่า OT พนักงาน ซึ่งหลายคนก็เฝ้าหวังว่าจะหารายได้เพิ่มจากทางนี้ทำให้อาจเกิดเป็นคำถามได้ว่า OT พนักงาน นี่จะต้องคิดคำนวณอย่างไรจึงจะถูกต้อง ซึ่งเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัทหรือ HR ผู้คำนวณเงินเดือนก็ต้องการความถูกต้องแม่นยำที่สุดในเรื่องนี้ วันนี้ JOBCAN จึงได้รวบรวมเอาวิธีการคิดคำนวณ OT พนักงาน ที่ถูกต้องว่าหากมีการทำงานวันหยุด ทำงานล่วงเวลาควรจะคิดคำนวณต่างกันอย่างไรบ้าง การทำงานล่วงเวลาหรือ OT พนักงาน คือ? เริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับ OT พนักงาน หรือค่าจ้างจากการทำงานล่วงเวลาให้แน่ชัดเสียก่อนว่า การทำงานล่วงเวลานั้นเป็นอย่างไรบ้าง ตามที่กฎหมายแรงงานได้กำหนดไว้นั้น มนุษย์เงินเดือนหรือลูกจ้างจะต้องทำงานในวันหนึ่งไม่เกิน 8 ชั่วโมง และไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์โดยจะต้องทำงานติดต่อกันไม่เกิน 5 ชั่วโมง และต้องมีเวลาพักไม่น้อยว่า 1 ชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยและการบริหารเวลาที่ดีต่อการใช้ชีวิต ดังนั้น เมื่อมีการทำงานล่วงเวลาหรือเกินจากเวลาที่กำหนดขึ้นจะถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลานั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีการทำงานในวันหยุดซึ่งโดยปกติลูกจ้างจะได้รับสิทธิ์ในการมีวันหยุดอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์และในกรณีที่ทำงานติดต่อกันมา 1 ปีจะต้องได้รับวันหยุดพักร้อนอย่างน้อยปีละ 6 วันขึ้นไป และหากมีการทำงานในวันหยุดเหล่านี้ก็จะต้องมีค่า OT พนักงานให้ด้วยเช่นกันโดยจะมีการคำนวณต่างกันออกไป ตามประเภทของวันหยุดด้วย และการทำ […]

จะ offer เงินเดือนให้พนักงานทั้งที ต้องดูจากอะไรบ้าง? HR ควรอ่าน!

จะ offer เงินเดือนให้พนักงานทั้งที ต้องดูจากอะไรบ้าง? HR ควรอ่าน!

การจ้างบุคลากรเข้ามาในองค์กรนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดพิจารณาให้รอบคอบเพราะนับเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งโดยเฉพาะในเรื่องการ Offer เงินเดือนให้กับพนักงานใหม่ ที่จะต้องดูปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เนื่องจากการจ้างพนักงานเป็นค่าใช้จ่ายระยะยาวและยังเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงทั้งด้านเวลาและทรัพยากรต่างๆ เราจึงไม่สามารถตอบรับการเรียกเงินเดือนจากพนักงานใหม่ได้ในทันที แต่ต้องมีหลักในการพิจารณาเงินเดือนมาอ้างอิงเพื่อให้ต้นทุนในการ Offer เงินเดือนไม่สูงจนองค์กรอยู่ในความเสี่ยง วันนี้ JOBCAN จึงได้รวบรวมเอาหลักพิจารณาในการ Offer เงินเดือนให้แก่พนักงานใหม่หรือพนักงานเดิมเพื่อให้องค์กรมีแนวทางในการคิดเงินเดือนได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย Offer เงินเดือนจากโครงสร้างเงินเดือน นี่เป็นหลักพิจารณาเงินเดือนยอดนิยมสำหรับการ Offer เงินเดือนให้แก่พนักงานเลยทีเดียวเพราะแต่ละองค์กรจะมีการวางโครงสร้างเงินเดือนซึ่งออกแบบมาให้เหมาะสมกับองค์กรด้วยการออกแบบโครงสร้างเงินเดือนให้เหมาะสมกับตลาดแรงงานของแต่ละตำแหน่งงานและยังสอดคล้องกับรูปแบบขององค์กร จึงสามารถใช้เป็นหลักในการ Offer เงินเดือนให้แก่พนักงานได้เลย อีกหนึ่งเหตุผลของการ Offer เงินเดือนจากโครงสร้างเงินเดือนขององค์กรย่อมเป็นเพราะปัจจัยในการสร้างคน กว่าที่คนคนหนึ่งจะได้รับการพัฒนาบ่มเพาะมาถึงจุดที่ทำงานได้อย่างคล่องแคล่วจนเรียกว่าสร้างผลกำไรให้กับองค์กรได้นั้นต้องใช้เวลาและทรัพยากรขององค์กรมากมายทีเดียว ดังนั้น หลายครั้งที่มีการลาออกและต้องจ้างคนใหม่เขามาแทนกลายเป็นช่วงเวลาที่ขาดทุนขององค์กรไป การพิจารณา Offer เงินเดือนจากโครงสร้างเงินเดือนให้กับพนักงานเป็นวิธีที่หลายองค์กรเลือกใช้เพราะควบคุมงบประมาณได้ง่าย แต่หลายครั้งการพิจารณาจากโครงสร้างเงินเดือนก็ไม่สามารถใช้ได้เช่นกัน จึงมีการพิจารณา Offer เงินเดือนจากแนวทางอื่น Offer เงินเดือนจากกฎหมายแรงงาน เนื่องจากการปกป้องสิทธิประโยชน์ทั้งสำหรับลูกจ้างอย่างพนักงานและนายจ้างทำให้มีการออกกฎหมายแรงงานขึ้นมา และแน่นอนว่ายังรายละเอียดในส่วนของเงินเดือนค่าจ้างด้วยเช่นกัน ทำให้สามารถนำมาใช้อ้างอิงในการ Offer เงินเดือนได้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกับองค์กรที่ยังมีการคิดโครงสร้างเงินเดือนไม่ครอบคลุม บางส่วนงานสามารถนำไปใช้อ้างอิงก่อนได้ โดยในปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดจะมีอัตราที่ไม่เท่ากันโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 320 บาทต่อวัน วิธีคิดเงินเดือนคือการนำเอาค่าแรงขั้นต่ำไปคูณกับจำนวนชั่วโมงที่ทำงาน หากมีการจ่ายเป็นรายเดือนก็ทำการคำนวณเป็นรายเดือน ออกมาเป็นค่าจ้างรายเดือนนั่นเอง วิธีการพิจารณา Offer เงินเดือนด้วยการอ้างอิงจากกฎหมายแรงงานนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ง่ายที่สุดและสะดวกที่สุดเพราะอ้างอิงตามกฎหมายแรงงานแต่อาจทำให้พนักงานไม่รู้สึกดึงดูดในการมีส่วนร่วมกับองค์กรมากนัก โดยเฉพาะบุคลากรที่มีความสามารถ […]

เด็กจบใหม่มีดีกว่าที่คิด! วิธีดึงดูดเด็กจบใหม่ให้เข้ามาทำงานร่วมกับองค์กร

เด็กจบใหม่มีดีกว่าที่คิด! วิธีดึงดูดเด็กจบใหม่ให้เข้ามาทำงานร่วมกับองค์กร

ในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวอย่างในปัจจุบันนี้หลายบริษัทจึงต้องการมองหาตัวช่วยที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะการมองหาตัวเลือกใหม่เพื่อมุมมองใหม่กันอยู่บ้าง แต่ความสดใหม่เหล่านี้เรียกว่าหาได้ยากจากผู้มีประสบการณ์ ทั้งยังมีความเสี่ยงอย่างมาก หากจะเลือกตัวเลือกเดิมเพื่อเข้ามาเอาชนะความท้าทายใหม่ๆ หลายบริษัทจะเริ่มพิจารณาเด็กจบใหม่ซึ่งเป็นตัวเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยและมีศักยภาพสูงในการพัฒนาต่อยอด วันนี้ JOBCAN จึงได้รวบรวมเอาเหตุผลที่เราควรเลือกตัวเลือกดีๆ อย่างเด็กจบใหม่สำหรับคนที่กำลังพิจารณาจะได้สามารถเห็นข้อดีได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงวิธีการดึงดูดเด็บจบใหม่ให้ต้องการมาร่วมงานกับเราด้วย เหตุผลที่ควรดึงดูดเด็กจบใหม่มาร่วมงาน แม้ว่าเด็กจบใหม่จะขาดประสบการณ์การทำงานไปบ้าง และมีหลายเรื่องที่ยังต้องคอยสอนอย่างใกล้ชิดแต่ก็มีข้อดีของการเป็นเด็กจบใหม่ด้วยเช่นกัน ไปดูกันเลย เพื่อมุมมองการทำงานที่สดใหม่ เพราะไม่เคยร่วมงานหรือทำงานกับใครมาก่อน ความคิดของเด็กจบจึงไม่มีกรอบกำหนดมากนัก เพียงมอบความกล้าและอิสระในการแสดงความคิดเห็นก็สามารถได้เห็นทางเลือกใหม่อีกมากมายที่เราไม่ทันได้คิดหรือมองเห็นออกมา ทำให้ได้ความสดใหม่ในการทำงานมากขึ้น ยิ่งองค์กรใดที่ต้องการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้นกลายเป็นองค์กรสำหรับคนยุคใหม่มากขึ้นด้วยแล้ว การรับเด็กจบใหม่เข้ามายิ่งสามารถช่วยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดได้ไวขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้อิสระในการแสดงออกถึงความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์อื่นๆ ด้วย เด็กจบใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เด็กจบใหม่มักมีการเรียนรู้ถึงตัวช่วยซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ด้วยกัน สิ่งที่มาแรง สิ่งที่ติดเทรนด์พวกเขามักรู้ก่อนเสมอ นี่นับเป็นข้อได้เปรียบที่ดีที่สุดสำหรับเด็กจบใหม่ด้วย เพราะหากองค์กรใดต้องการบุคลากรที่เก่งเรื่องเทคโนโลยี สามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างรวดเร็วเด็กจบใหม่ก็นับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะพวกเขาเกิดในยุค Digital Transformation นั่นเอง เด็กจบใหม่ไฟแรง แรงใจเยอะ เด็กจบใหม่เป็นกลุ่มคนที่ก้าวเข้ามาเผชิญกับโลกการทำงานเป็นครั้งแรก ทำให้พวกเขามีความพยายามในการเรียนรู้สูง ทั้งยังสามารถพัฒนาต่อยอดได้ง่าย นอกจากความพยายามในการเรียนรู้แล้ว ยังมีความกระตือรือร้นในการทำงานสร้างผลงานอย่างมาก โดยพลังงานเหล่านี้สามารถปลุกเร้าให้กับคนในองค์กรไปด้วยได้เช่นกัน หลายองค์กรจึงเลือกว่าจ้างเด็กจบใหม่เพื่อเข้ามาปลุกบรรยากาศทำงานเป็นอีกเหตุผลหนึ่งด้วย วิธีการดึงดูดเด็กจบใหม่มาร่วมงาน เมื่อการรับเด็กจบใหม่มีข้อดีขนาดนี้แล้วหลายบริษัทอาจจะต้องการวิธีดึงดูดเด็กจบใหม่ให้เข้ามาให้ความสนใจกับบริษัทมากขึ้น แต่จะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกัน ปรากฎตัวในที่ที่เด็กจบใหม่จะมองเห็นได้ การทำให้เด็กจบใหม่รู้จักบริษัทหรือองค์กรของเรานับเป็นก้าวแรกที่จะสร้างความสนใจให้กับเด็กจบใหม่ได้ โดยวิธีการนั้นอาจมีทั้งการโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือบริการให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ หรืออาจมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์องค์กรในโลกโซเชี่ยลด้วยช่องทางต่างๆ มากมายก็สามารถใช้ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีวิธีการออฟไลน์อย่างการจัดอบรม หรือปรากฎตัวตามมหาวิทยาลัยก็สามารถทำให้บริษัทหรือองค์กรเป็นที่รู้จักมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน มอบสวัสดิการที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ […]

หากไม่ดูแลระบบการบันทึกเวลางานให้ดี ระวังจะส่งผลเสีย!

หากไม่ดูแลระบบการบันทึกเวลางานให้ดี ระวังจะส่งผลเสีย!

การบันทึกเวลาการทำงานเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นการเข้าทำงานทำให้มีความสำคัญเป็นอย่างมากทีเดียวเพราะเกี่ยวเนื่องถึงการประเมินงาน การคำนวณเงินเดือนและอีกมากมายทำให้ความสำคัญนี้ต้องการความแม่นยำและสามารถพิสูจน์ยืนยันได้อย่างแท้จริง ซึ่งหากบันทึกเวลาการทำงานมีความผิดพลาดอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้จึงควรได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอผลเสียที่อาจเกิดขึ้น หากบันทึกเวลาทำงานมีความผิดพลาด แต่อย่างแรกเราต้องรู้ก่อนว่าบันทึกเวลาทำงานนั้นมีประเภทใดบ้าง ประเภทการลงเวลา บันทึกเวลาเริ่มต้นเข้าทำงาน-สิ้นสุดการทำงาน จำนวนชั่วโมงการทำงาน บันทึกเวลาพัก บันทึกเวลาการทำงานล่วงเวลา บันทึกชั่วโมงทำงานเวลาดึก บันทึกชั่วโมงทำงานวันหยุด บันทึกจำนวนวันที่เข้าทำงาน บันทึกจำนวนวันที่ขาดการทำงาน บันทึกจำนวนที่ลาหยุด บันทึกจำนวนวันหยุดที่เข้าทำงาน บันทึกจำนวนเวลาหรือครั้งเมื่อมีการเข้างานก่อนและเข้างานสาย บันทึกจำนวนวันที่เหลือจ่ายและวันที่เหลือ ผลกระทบหากมีการบันทึกเวลาการทำงานที่ไม่ดี หากระบบบันทึกเวลาทำงานมีปัญหาสามารถทำให้เกิดปัญหาได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมเพราะหากบริษัทใช้บันทึกเวลาเป็นหนึ่งในตรวจวัดการทำงาน คำนวณเงินเดือนแล้วความผิดพลาดนี้จะยิ่งส่งผลเสียได้มากขึ้นไปอีก โดยเราได้รวบรวมผลเสียที่อาจเกิดขึ้นมาเป็นตัวอย่างแล้วดังนี้ คำนวณเงินเดือนผิดพลาด การบันทึกเวลาทำงานโดยส่วนใหญ่แล้วจะเอาไว้สำหรับการคำนวณเงินเดือนของพนักงานคนนั้นนั้น ซึ่งเมื่อบันทึกเวลามีความผิดพลาดจะส่งผลให้ไม่สามารถคำนวณเงินเดือนที่ถูกต้องออกมาได้ ดังนั้น ความผิดพลาดนี้จึงสามารถส่งผลเสียได้ทั้งกับพนักงานและบริษัทเองด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นนี้หลายบริษัทจึงเลือกใช้ซอฟท์แวร์บันทึกเวลาที่พนักงานสามารถดูแลบันทึกเวลาการทำงานได้เองทำให้สามารถป้องกันความผิดพลาดได้มากขึ้นเพราะมีการดูแลทั้งจากบริษัทหรือฝ่าย HR และตัวพนักงานเอง ไม่สามารถประเมินวินัยการทำงานได้ตามความจริง บันทึกเวลาการทำงานตามจริงนั้น สามารถใช้เพื่อประเมินวินัยการทำงานซึ่งหลายบริษัทใช้เพื่อเป็นการประเมินมอบสวัสดิการเพิ่มเติมเช่น เบี้ยขยัน หรือการให้รางวัลพนักงานดีเด่นโดยประเมินจากบันทึกเวลาการเข้าทำงานว่ามีการขาด ลา มาสายหรือไม่ แต่หากไม่สามารถประเมินได้ตามจริงแล้วการประเมินรางวัลสวัสดิการเหล่านี้อาจไม่โปร่งใสได้ ยิ่งไปกว่านั้นในการประเมินขึ้นเงินเดือนของหลายบริษัท ยังมีการนำบันทึกเวลาการทำงานมาร่วมประเมินด้วย ทำให้เมื่อไม่มีความผิดพลาดของระบบบันทึกเวลานั้น สร้างผลเสียจนอาจไม่สามารถนำมาร่วมประเมินได้ อาจมีปัญหาเรื่องของกฏหมายแรงงาน เมื่อมีความผิดพลาดในการบันทึกเวลาการทำงานแล้วย่อมส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการคำนวณเงินเดือนและการประเมินการทำงานซึ่งทำให้การจ่ายค่าตอบแทนมีความผิดพลาด การจ่ายเงินไม่สามารถจ่ายตามจริงได้ ทำให้อาจกลายเป็นการละเมิดกฏหมายคุ้มครองแรงงานได้เช่นกันซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับเป็นเงินด้วย ซึ่งเป็นความเสียหายของบริษัทเป็นอย่างยิ่ง อาจเกิดความขัดแย้งจากความไม่เท่าเทียมระหว่างพนักงานได้ ความผิดพลาดในการบันทึกเวลาทำงาน นอกจากจะส่งผลต่อการคำนวณเงินเดือนแล้ว ความผิดพลาดนี้ ยังสามารถสร้างความขัดแย้งระหว่างพนักงานได้ด้วยเช่นกัน […]

อยากอัพเงินเดือนหรือเปล่า? พบกับ 5 ข้อควรรู้… ต่อรองเงินเดือนยังไงให้สำเร็จ

อยากอัพเงินเดือนหรือเปล่า? พบกับ 5 ข้อควรรู้… ต่อรองเงินเดือนยังไงให้สำเร็จ

การได้เข้าทำงานในที่ใหม่ส่วนใหญ่มักมีการตกลงเงินเดือนกันตั้งแต่แรกทำให้อาจไม่ใช่เรื่องยากหรือท้าทายเท่ากับการต่อรองเพื่อขึ้นเงินเดือน เพราะหลายคนอาจไม่รู้ว่าควรจะเริ่มหรือเตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมสำหรับการต่อรอง ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้สามารถต่อรองได้ในสิ่งที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนหรือสวัสดิการอื่นๆ ก็ตาม วันนี้ JOBCAN จึงได้รวบรวมเอาเรื่องควรรู้สำหรับการต่อรองเงินเดือนที่คุณสามารถเตรียมการก่อนได้ด้วยตัวเอง โดยทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยให้คุณสามารถต่อรองได้สิ่งที่ต้องการทั้งยังไม่ยากเกินไปด้วย ต้องรู้ก่อนว่าเงินเดือนของเราควรขึ้นเพราะอะไร นี่เป็นคำถามที่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน เพราะมันคือเหตุผลหลักที่เราเตรียมความพร้อมในการต่อรองขึ้นเงินเดือน และยังเป็นคำถามที่ทางบริษัทจะต้องถามอย่างแน่นอน และคำตอบเกี่ยวกับที่มาของตัวเองของนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ เช่น ผลงานความสามารถที่สร้างประโยชน์ให้กับบริษัทมากขึ้น หรือผลการอบรมเรียนรู้ที่เราสามารถทำมาพัฒนาต่อยอดกับบริษัทได้ เป็นต้น ดังนั้นสำหรับขั้นแรกในการเตรียมใจความหลักคือเราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าคุณค่าของตัวเราคืออะไร ยิ่งเราสามารถรู้ได้ชัดเจนอย่างมีหลักฐานอ้างอิงเช่นใบ certificate หรือสถิติตัวเลขรับรองจะยิ่งทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในความสามารถของเรามากยิ่งขึ้น ตอบคำถามให้บริษัทได้ว่าเขาจะได้อะไร สิ่งที่เราต้องรู้ต่อมาในการต่อรองเงินเดือนคือประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากการจ่ายต้นทุนในการว่าจ้างเพิ่มเติม เพราะการที่บริษัทว่าจ้างเราเข้ามาก็เพื่อการสร้างประโยชน์และผลกำไร หากว่าการจ่ายต้นทุนเพิ่มเป็นสิ่งที่คุ้มค่าย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเพราะการว่าจ้างพนักงานใหม่ให้เข้ามาแทนพนักงานที่มีศักยภาพเป็นต้นทุนที่สูงและเสี่ยงมากเช่นกัน ดังนั้นการตอบคำถามนี้จึงเป็นหลักสำคัญในการต่อรองเงินเดือนเลยทีเดียว โดยการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้นั้นจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเราว่า สามารถสร้างผลประกอบการให้แก่บริษัทได้อย่างไรบ้าง และผลประกอบการนี้สามารถเพิ่มขึ้นอย่างไรได้บ้าง กำหนดกรอบความต้องการอย่างสมเหตุสมผล หลังจากที่เราตอบคำถามสำคัญสองข้อกันไปแล้วก็มาถึงหลักใหญ่ใจความสำคัญอย่างจำนวนเงินที่เราต้องการเพิ่มเติม หรือสวัสดิการที่ต้องการอย่างชัดเจน ว่ามีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าใด ทั้งในระดับสูงสุดและต่ำสุดเพื่อให้สามารถต่อรองเงินเดือนได้อย่างชัดเจน โดยกรอบเงินเดือนหรือสวัสดิการที่ต้องการเพิ่มขึ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทและการอ้างอิงจากตลาดแรงงานในตำแหน่งหน้าที่เดียวกัน ว่ามีผลตอบแทนเป็นอย่างไร โดยการคำนวณนั้นอาจขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าใช้จ่ายประจำวัน ต้นทุนการเดินทางสำหรับการทำงานและต้นทุนด้านเวลาและโอกาสต่างๆ ด้วย คิดแผนสำรองเพื่อเตรียมความพร้อม เรียกว่าเป็นการเจรจาต่อรองเงินเดือนย่อมมีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธด้วยเช่นกัน การเตรียมแผนสำรองเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่ล้มเหลว ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการต่อรองเพื่อให้เราได้รู้ตัวเองว่ายังมีทางเลือกอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดขั้นต่ำในการต่อรองหรือเป็นการเปลี่ยนย้ายงาน ก็ควรเตรียมไว้ก่อนเพื่อเพิ่มความมั่นใจ โดยสำหรับใครที่คิดว่าหากเจรจาล้มเหลวไม่ได้สิ่งต้องการ แล้วคิดจะเปลี่ยนย้ายงานควรมีการเตรียมพร้อม เช่นการเตรียมเงินสำรองเพื่อใช้จ่ายในเวลาหางานเอาไว้ก่อน หรืออาจมีการหางานใหม่เตรียมรองรับไว้อยู่แล้วเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ตัวเอง เตรียมจิตใจให้พร้อมสู่การเจรจา หลังจากที่เราเตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เหลือเพียงการเตรียมพร้อมจิตใจให้สามารถเจรจาได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ ไม่ตื่นเต้นหรือแข็งกร้าวจนดูไม่มั่นใจ […]

5 วิธีเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

5 วิธีเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

สภาพแวดล้อมในการทำงานนับเป็นเรื่องหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของ HR ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างผลงานและหากสภาพแวดล้อมในการทำงานดีพนักงานก็สามารถสร้างงานที่มีประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นได้ เพราะการใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอยู่ในที่ทำงานนั้นควรเป็นพื้นที่ที่มีความสุขได้เสมอจึงจะทำให้ต้องการมาทำงานใช้เวลาร่วมกันอยู่ที่ทำงาน วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอวิธีการสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าการสร้างบรรยากาศที่ดีนั้นจะให้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง การสร้างบรรยากาศที่ดีนั้นมีประโยชน์อย่างไร บรรยากาศในการทำงานนั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานโดยตรงเลยทีเดียวเพราะสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมจะช่วยให้ความคิดและการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทำได้ดีมากขึ้น ทั้งยังเป็นหนึ่งในแรงจูงใจที่ช่วยให้พนักงานมีความอยากที่จะมาทำงานด้วย จึงส่งผลให้อัตราการลาออกลดลงและสามารถดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาให้ความสนใจต้องการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรหรือบริษัทได้เช่นกัน วิธีการสร้างบรรยากาศการทำงาน การจะมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายอย่างแน่นอนโดยมีฝ่าย HR เป็นผู้นำหลักในการควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ โดยสามารถสร้างได้ด้วยวิธีดังนี้ จัดแต่งที่ทำงานให้สะอาดและสบายตา การมองเห็นนับเป็นการรับรู้หลักของมนุษย์เลยทีเดียวดังนั้นเมื่อมีการออกแบบ ตกแต่งสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม สะอาดและสบายตามากขึ้นย่อมสร้างความสบายใจในการทำงานได้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการจัดพื้นที่การทำงานหรือควบคุมไม่ให้สถานที่ทำงานรกหรือสกปรกจึงเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ HR ต้องหาวิธีทำให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืนให้ได้มากทึ่สุด โดยเริ่มจากความสะอาดเป็นสำคัญเพราะนอกจากจะทำให้มองดูสบายตาแล้วยังถูกสุขลักษณะ นับเป็นการสร้างความปลอดภัยในที่ทำงานอีกด้วย มีพื้นที่ในการพักผ่อนระหว่างการทำงาน ตลอดเวลาเกือบ 10 ชั่วโมงในที่ทำงานนั้นย่อมมีช่วงที่ร่างกายและสมองของพนักงานจะต้องการการพักผ่อนบ้าง เพื่อให้สามารถดึงศักยภาพที่ดีออกมาได้และทำงานได้อย่างมีความสุข ดังนั้นจึงควรจัดสรรพื้นที่พักผ่อนเช่น มุมนั่งเล่น โซนอาหารและของว่างหรือโซนเกมขึ้นมาเพื่อให้พนักงานสามารถผ่อนคลายความเครียดได้โดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปที่อื่นให้เสียเวลาการทำงานมากขึ้นไปอีก สร้างความยุติธรรมและมุมมองที่เป็นมิตรต่อการทำงาน มุมมองต่อการทำงานส่งผลอย่างมากต่อผลงานที่พนักงานรับผิดชอบ หากมีมุมมองการทำงานที่ดี อย่างเช่นได้รับความใส่ใจในการปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาจากหัวหน้าหรือผู้บริหาร ได้รับการประเมินผลงานที่เป็นไปตามหลักความจริงมากกว่าการประเมินจากชั่วโมงการทำงาน มีการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้ทำงานได้ดีมากขึ้น เป็นต้น ซึ่งการกระทำเหล่านี้นั้นสามารถช่วยให้พนักงานเกิดแรงจูงใจในการสร้างผลงานที่ดีและกลายเป็นแรงจูงใจให้พนักงานคนอื่นได้อีกด้วย จึงเกิดเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมกับการทำงานขึ้นมาได้เพราะความยุติธรรมในการประเมินผลงานช่วยให้เกิดมุมมองที่ส่งเสริมการทำงานจะช่วยให้บรรยากาศในที่ทำงานสนุกสนานได้มากขึ้น สร้างกิจกรรมเพื่อความสัมพันธ์ในที่ทำงาน หนึ่งในตัวช่วยที่ดีสำหรับการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานคือการสร้างกิจกรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าลูกน้องหรือกระทั่งผู้บริหารต่อพนักงานคนอื่นๆ เพราะความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยการทำงานมีความสุขและประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในการทำงานเป็นทีมเพราะสามารถช่วยลดปัญหาในการสื่อสารลงได้มากทีเดียว ที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อร่วมงานเหล่านี้ยังเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พนักงานลังเลในการตัดสินใจลาออกได้อีกด้วย สำรวจสภาพจิตใจของพนักงานอยู่เสมอ แม้ว่าเราจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี บรรยากาศที่ดีต่างๆ แต่พนักงานไม่ได้มีชีวิตอยู่เพียงแค่ในที่ทำงานเท่านั้น ทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาในการทำงานที่บรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมไม่อาจช่วยเหลือได้ HR […]

รวมเรื่องที่ HR ต้องรู้ก่อนทำเงินเดือนให้พนักงาน

รวมเรื่องที่ HR ต้องรู้ก่อนทำเงินเดือนให้พนักงาน

สำหรับเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการนั้น การจ่ายเงินเดือนเป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นการจัดการบริหารบัญชีทั้งยังเป็นต้นทุนสำคัญที่จะทำให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ แต่ในการจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานนั้นจะมีเรื่องราวรายละเอียดที่ต้องศึกษาให้ดีเพื่อให้เป็นรายจ่ายและผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาต่างๆ ได้ด้วย  ดังนั้นวันนี้ JOBCAN จึงนำเอาเรื่องต้องรู้สำหรับเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องรู้ก่อนการจ่ายเงินเดือนมานำเสนอ มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน ศึกษากฎหมายแรงงานก่อนเริ่มวางแผนจ่ายเงินเดือน การศึกษากฏหมายแรงงานก่อนการเริ่มต้นแลกเปลี่ยนแรงงานและค่าตอบแทนเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากในการทำเงินเดือนเพราะจะทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจสามารถทราบได้ว่าสิ่งที่พนักงานควรได้รับและต้นทุนในการว่าจ้างนั้นมีอะไรบ้าง อย่างเช่น การคำนวณความคุ้มค่าในการว่าจ้าง หรือการจ้างงานเกินเวลาที่กำหนดจะต้องมีการจ่ายผลตอบแทนอย่างไรบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้เจ้าของกิจการได้เรียนรู้ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานที่พนักงานควรได้รับด้วย ทำให้สามารถปรับปรุงให้เข้ากับธุรกิจหรือองค์กรเพื่อการดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถเข้ามาทำงานได้โดยไม่เป็นการเอาเปรียบทั้งจากฝั่งนายจ้างหรือเจ้าของธุรกิจและลูกจ้างหรือพนักงานได้ ที่สำคัญการศึกษากฏหมายและทำตามที่กรอบกฏหมายกำหนดนี้ยังช่วยป้องกันความเสียหายหรือปัญหาเกี่ยวพนักงานได้อีกด้วย จัดเก็บข้อมูลประวัติของพนักงาน นี่นับเป็นเรื่องพื้นฐานอย่างหนึ่งในการจ้างงานและการทำเงินเดือนเพราะหากเข้ามาเป็นพนักงานแล้วย่อมมีผลประโยชน์บางอย่างร่วมกัน ทำให้การรับรู้ถึงข้อมูลตามกฏหมายที่ถูกต้องเช่นชื่อ นามสกุล อายุ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หรือเอกสารทางกฏหมายที่สามารถยืนยันตัวตนได้นับเป็นสิ่งสำคัญในการทำเงินเดือนจ่ายผลตอบแทนเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นยังสามารถตามหาได้จากตัวตนที่ได้ให้ไว้ โดยการจัดเก็บประวัติของพนักงานควรทำตั้งแต่มีการว่าจ้างงานในวันแรกและมีการอัปเดทข้อมูลอยู่เสมอหากมีการเปลี่ยนแปลง ศึกษาการคำนวณเงินเดือนให้ครบถ้วน การทำเงินเดือนนี้ฟังดูอาจไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากแต่ความจริงแล้วนอกจากการกำหนดฐานเงินเดือนแล้วยังเกี่ยวข้องกับกฏหมายอีกหลายอย่าง เช่น ค่าใช้จ่ายในด้านสวัสดิการอย่างการนำส่งประกันสังคม เงินสมทบเป็นต้น หรือหากมีสวัสดิการอื่นๆ เช่นการออมเงิน ก็จะต้องทำการคำนวณเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของภาษีเงินได้ของพนักงานที่เจ้าของกิจการจะต้องนำส่งให้ตามอัตราที่กฏหมายกำหนดไว้ด้วยเช่นกัน ทำให้ต้องรอบรอบถี่ถ้วนอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ จัดเก็บหลักฐานการจ่ายเงินเดือน การจ่ายเงินเดือนนับเป็นหนึ่งในต้นทุนของบริษัทที่ต้องลงบัญชีอย่างชัดเจนและยังเป็นภาษีของกิจการอีกด้วย ดังนั้น จึงต้องมีการจัดเก็บหลักฐานอย่างชัดเจนซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญทั้งสำหรับเจ้าของกิจการและพนักงานเอง ซึ่งหลักฐานเหล่านี้จะต้องเป็นหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจ่ายเมื่อใด อย่างไรและที่สำคัญผู้รับเป็นใคร ซึ่งจะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจต่อไปด้วย หลักฐานการจ่ายเงินเดือนที่ผู้ประกอบการควรเก็บไว้เป็นหลักฐานจะมีตั้งแต่ สลิปเงินเดือนที่ต้องมอบให้กับพนักงานเป็นหลักฐานการคำนวณเงินเดือนในแต่ละเดือน และหลักฐานการโอนเงิน (ในกรณีโอนเงิน) และทะเบียนการจ่ายเงินเดือน หรือหลักฐานอื่นๆ ที่มีการรับรองทางกฏหมายแล้ว โดยเจ้าของกิจการควรเก็บเป็นหลักฐานไว้ตั้งแต่การทำเงินเดือนเมื่อเริ่มกิจการ สร้างข้อตกลงร่วมกันระหว่างพนักงานกับผู้ประกอบการให้ชัดเจน ในการทำเงินเดือนนี้เจ้าของกิจการควรมีการสร้างข้อตกลงที่ชัดเจนร่วมกับพนักงานด้วยเช่นกัน เพราะแม้ว่าจะมีกฏหมายแรงงานกำหนดมาให้แล้ว […]

อยากเป็น HR มืออาชีพ 2022 ต้องมีทักษะอะไรบ้าง?

อยากเป็น HR มืออาชีพ 2022 ต้องมีทักษะอะไรบ้าง?

หลายคนอาจมองว่างานของ HR นั้นเป็นเรื่องง่ายแต่ความจริงแล้วงานของ HR นั้นต้องมีความละเอียดรอบคอบอย่างมากเพราะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ไม่ว่าจะของบริษัทหรือของพนักงานก็ตามล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของ HR ทั้งสิ้น ทำให้ทักษะ HR จำเป็นอย่างมากและกลายเป็นที่มองหาขององค์กรหรือบริษัทด้วยเช่นกัน ว่าแต่ทักษะ HR ใดบ้างที่ HR ต้องมีอย่างที่เรียกว่าขาดไม่ได้หากต้องแข่งขันและต่อสู้กับตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในทุกวันนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่า ทักษะ HR ที่ต้องมีนั้นมีอะไรกันบ้าง ทักษะการสื่อสารและการประสานงาน โจทย์ของการสื่อสารในทุกวันนี้เรียกว่ามีความท้าทายมากขึ้นทุกวัน แม้ว่าการสื่อสารจะดูสะดวกสบายและรวดเร็วจนดูคล้ายว่าจะง่ายขึ้นมากแต่ในความเป็นจริงแล้วกลับทำให้ปัญหาเกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้นตามไปด้วยเพราะรูปแบบของการสื่อสารบางอย่างทำให้การสื่อความถูกลดทอนและเปลี่ยนความหมายได้ง่าย เช่นการพิมพ์ประสานงานทางข้อความในแอปแชทต่างๆ ซึ่งไม่อาจได้ยินน้ำเสียง อารมณ์ของผู้สื่อสารเป็นต้น การสื่อสารและการประสานงานเพื่อรับรู้บรรยากาศการทำงานจึงเป็นทักษะ HR หนึ่งที่ HR จะต้องมีติดตัวเพื่อการสื่อสารที่ไม่เพียงจะรวดเร็วแต่ยังครบถ้วนทุกกระบวนความโดยไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่อาจส่งผลเสียต่อองค์กรได้ ทักษะการบริหาร ทักษะการบริหารเป็นหนึ่งในทักษะจำเป็นของ HR เพราะเป็นฝ่ายที่จะต้องบริหารทั้งบุคลากรในองค์กรและทรัพยากรภายในองค์กรให้คุ้มค่ามากที่สุดในทุกเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอนเช่นนี้การบริหารต้นทุนให้คุ้มค่ามากที่สุดจึงเป็นสิ่งหนึ่งที่กำลังท้าทายความสามารถและทักษะ HR อย่างยิ่ง นอกจากนี้ทักษะการบริหารของ HR ที่สำคัญยังมีเรื่องของการบริหารเวลาเพื่อให้สามารถสร้างผลงานได้อย่างรวดเร็ว และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ยิ่งไปกว่านั้นการบริหารทรัพยากรบุคคลให้คุ้มค่าก็เป็นเรื่องท้าทายที่ต้องทำให้ยุติธรรมแต่ขณะเดียวกันก็คุ้มค่ากับบริษัทด้วยเช่นกัน เรียกว่าเป็นการบริหารเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทั้งสองทางให้คุ้มค่าที่สุด นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทักษะการวิเคราะห์และการตัดสินใจ การทำงานมักมีปัญหาและอุปสรรคเข้ามาอยู่เสมอทำให้มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นแต่ต้องมองปัญหาให้ออกแต่ยังต้องสามารถวิเคราะห์และมองหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยเพื่อป้องกันปัญหาอื่นๆ ที่อาจตามมาได้อีก โดยเฉพาะกับงานฝ่าย HR ที่ต้องแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคน ความสัมพันธ์ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างชัดเจน และยังสามารถทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องได้ง่าย ทั้งนี้ทักษะ HR […]

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน…จัดอย่างไรให้ปัง!

ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน…จัดอย่างไรให้ปัง!

หากมีอะไรที่ช่วยเสริมให้การทำงานของเราราบรื่นได้มากขึ้นก็อย่ารอช้า เพราะเรื่องโชค เรื่องดวงเราจะละเลยไปไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นในการจัดโต๊ะทำงานในทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานหรือที่บ้านนั้น เราสามารถเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานเข้าไปได้โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น เราได้รวบรวมไว้ในบทความนี้แล้ว ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นเราสามารถนำมาปรับให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งหรือสไตล์การทำงานของเราได้เสมอ โดยนำเอาหลักการมีปรับใช้กันได้ ดังนี้ การเลือกรูปทรงของโต๊ะทำงาน สำหรับฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นเราสามารถเลือกให้เสริมการทำงานได้ต่างกันออกไปตั้งแต่รูปทรงเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบในการทำงานของแต่ละคนด้วย โดยจะมีการเสริมดวงการทำงานในแต่ละรูปทรงของโต๊ะดังนี้ ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานรูปทรงสี่เหลี่ยม ในศาสตร์ของฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานเชื่อว่าโต๊ะรูปทรงสี่เหลี่ยมจะช่วยให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น เหมาะสำหรับการใช้เป็นโต๊ะทำงานประจำตัวของพนักงานหรือใช้เป็นโต๊ะทำงานที่บ้าน ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานแบบโต๊ะกลม ในศาสตร์ของฮวงจุ้ยเชื่อว่าโต๊ะทำงานแบบโต๊ะกลมนั้นจะเหมาะกับการใช้ประชุม ระดมความคิด งานสร้างสรรค์เพราะพลังงานจะไหลเวียนอยู่บนโต๊ะได้ดี ทำให้การออกความคิดเห็นร่วมกันนั้นทำได้อย่างราบรื่น จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานสร้างสรรค์หรือใช้ความคิดอยู่เสมอ  ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานแบบโต๊ะมุมโค้ง สำหรับโต๊ะมุมโค้งในฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นเชื่อว่าจะช่วยให้คนทำงานสามารถสร้างสมาธิหรือรวบรวมสมาธิในการทำงานได้ดีขึ้นเพราะพลังงานที่วิ่งอยู่จะวิ่งชนโค้งแล้วกลับมาหาคนทำงาน การเลือกสีของโต๊ะทำงาน ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสามารถเลือกสีให้เสริมการทำงานได้หลากหลายเรื่องทีเดียวซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้เสริมช่วยในเรื่องอะไร เรามาดูกันดีกว่าว่าจะสามารถเสริมในเรื่องอะไรได้บ้าง ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีขาว โต๊ะทำงานสีขาวนั้นนับเป็นสีพื้นฐานที่หลายคนเลือกใช้เพราะความสว่างและจัดแต่งง่าย ซึ่งทางฮวงจุ้ยนั้นสามารถเสริมการทำงานเกี่ยวกับใช้ความคิดยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ด้วย ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีสว่าง โต๊ะทำงานสีสว่างเป็นอีกหนึ่งโต๊ะทำงานที่หลายคนมักจะเลือกเพราะความสว่างที่ทำให้ห้องดูกว้างแล้วยังดูไม่จืดจางเกินไปอีกด้วย ซึ่งในทางฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานแล้วสามารถช่วยเสริมในเรื่องการมองเห็น ช่วยให้ร่างกายและสมองผ่อนคลายจากการทำงานได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่มักต้องทำงานใช้ความคิด ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีน้ำตาล สำหรับโต๊ะทำงานสีน้ำตาลซึ่งอาจเป็นโต๊ะทำงานไม้โทนสีต่างๆ ที่ให้อารมณ์คลาสสิกนั้นจะเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานในเรื่องความน่าเชื่อถือจึงเหมาะสำหรับคนที่ทำงานที่ต้องติดต่อสื่อสารอยู่เสมอ ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีเขียว โต๊ะทำงานสีเขียวนั้นจะเป็นการเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานในด้านความสมดุลเพราะเป็นสีที่เราเห็นได้จากธรรมชาติ ช่วยให้สบายตา สบายใจมากขึ้นทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดสมดุลมากขึ้น ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีเทา สำหรับโต๊ะทำงานสีเทานั้นจะเป็นสีที่ทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น โดยสีเทานี้จะช่วยเสริมฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ใครที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการใช้ความคิด ออกแบบหรือต้องการความคิดสร้างสรรค์สามารถเลือกโต๊ะทำงานสีเทาได้เลย ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานสีดำ โต๊ะทำงานสีดำเป็นโต๊ะที่ช่วยทำให้สิ่งของบนโต๊ะโดดเด่นมากขึ้น และในด้านฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานนั้นยังช่วยกระตุ้นความคิดและทำให้มีความรอบคอบในการทำงานมากขึ้นด้วย ตำแหน่งการวางโต๊ะทำงาน ฮวงจุ้ยการจัดห้องทำงานก็สามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของคุณไปพร้อมกับฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานได้เช่นกัน โดยตำแหน่งของการวางโต๊ะทำงานนั้นเรียกว่ามีผลอย่างมากแต่อาจเลือกไม่ได้มากนักโดยเฉพาะที่ทำงานหรือคนที่มีพื้นที่จำกัดแต่เราสามารถแก้ไขแก้เคล็ดบางส่วนได้ มาดูรายละเอียดกัน ฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานควรจัดวางไว้ให้เยื้องกับประตู สามารถมองเห็นทางเข้า-ออกได้ […]