หลายคนต่อต้านการเข้าออฟฟิศทุกวัน เพราะมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป หลังจากช่วงเวลาแห่งการ Work From Home ล่วงเลยมาเป็นเวลากว่า 2 ปี ในที่สุดก็ถึงเวลาที่สถานการณ์ของโรคโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และในขณะเดียวกัน นั่นก็หมายถึงการที่ชาวออฟฟิศต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทำงานอีกครั้ง เพราะบริษัทหลายแห่งเริ่มประกาศเรียกตัวพนักงานกลับเข้าออฟฟิศดังปกติ วันนี้ Jobcan จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Return-to-Office Resistance หรือ การต่อต้านนโยบายการเข้าออฟฟิศหลังสถานการณ์โควิด สาเหตุจะเกิดจากอะไรและสถานการณ์เป็นแบบไหน ไปดูกันเลย! Return-to-Office Resistance เกิดจากอะไร? จากการที่สถานการณ์โควิดมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น ประกอบกับประกาศของกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการกับผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยงที่ลดความเข้มงวดลง หลายองค์กรเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน โดยให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศทุกวันดังเช่นสถานการณ์ปกติ ส่งผลให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนต้องปรับตัวกับการทำงานอีกครั้ง เนื่องจากคุ้นชินกับการทำงานแบบ New Normal ไม่ว่าจะเป็น Work From Home, Hybrid Working หรือ Remote Working ไปเสียแล้ว การได้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศแม้จะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับใครหลาย ๆ คนที่เบื่อการอยู่บ้านเต็มทน แต่ยังมีคนจำนวนมากที่รู้สึกไม่พึงพอใจ เพราะรู้สึกว่าการเข้าออฟฟิศทุกวันนั้นไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นอีกต่อไป สถานการณ์การต่อต้านในต่างประเทศ BBC ได้สำรวจความคิดเห็นที่มีต่อการเข้าออฟฟิศและการ Work From Home […]
การรับเด็กฝึกงานเข้ามาทำงานในบริษัทเรียกได้ว่า หากมีข้อตกลงที่ดีย่อมทำให้วิน-วินกันได้ทั้สองฝ่าย แต่ด้วยสถานะพิเศษของการเป็นนักศึกษาหรือผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งนับว่ายังดูแลตัวเองไม่ได้ทำให้การทำข้อตกลงร่วมกันค่อนข้างลำบาก ที่สำคัญกฎหมายที่ออกมาในปัจจุบันไม่ได้คุ้มครองเด็กฝึกงานมากนัก แต่ก็ยังมีเรื่องที่นายจ้างควรทำความเข้าใจอยู่บ้าง วันนี้ JOBCAN จึงเอาข้อกำหนดเกี่ยวกับเด็กฝึกงานหรือนักศึกษาฝึกงานมานำเสนอให้ทุกคนได้เก็บข้อมูลไปด้วยกัน มาดูกันเลย ทำความรู้จักกับเด็กฝึกงาน เด็กฝึกงานหรือนักศึกษาฝึกงานนั้น ตามกฎหมายกำหนดว่าเป็นผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เข้ามาทำงานกับบริษัทหรือองค์กรโดยมีทั้งแบบที่ทำข้อตกลงกันเป็นสัญญามีลายลักษณ์อักษรชัดเจน และแบบที่ไม่มีการทำสัญญาชัดเจน ต่างจากการทำงานพาร์ทไทม์ที่จะต้องมีการทำสัญญาว่าจ้างให้ชัดเจน นอกจากนี้ นักศึกษาฝึกงานหรือเด็กฝึกงานยังมีระยะเวลากำหนดอย่างชัดเจนว่าสามารถฝึกงานได้ไม่ต่ำกว่า 2 เดือน แต่ห้ามเกิน 1 ปีเท่านั้น และยังห้ามทำงานล่วงเวลาอีกด้วย รูปแบบค่าตอบแทนของเด็กฝึกงาน สำหรับค่าตอบแทนของเด็กฝึกงานนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ ตกลงมอบค่าตอบแทนเป็นเงินค่าจ้าง รูปแบบนี้เด็กฝึกงานจะได้ทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน และได้รับค่าตอบแทนหรือที่เรียกว่า “เบี้ยเลี้ยง” เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 50% ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามในแต่ละจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นการฝึกงานที่สถาบันศึกษาไม่ได้บังคับมา เด็กฝึกงานนี้จึงถูกเรียกว่า “ลูกจ้าง” ตามกฎหมาย เพราะได้รับค่าตอบแทน ตกลงมอบค่าตอบแทนเป็นสวัสดิการอื่นๆ หรือไม่มีอะไรให้เลย ในกรณีนี้มักเป็นนักศึกษาฝึกงาน หรือเด็กฝึกงานที่สถาบันศึกษาส่งมาขอฝึกงานด้วย ซึ่งทางบริษัทหรือองค์กรอาจมีการเลี้ยงข้างกลางวันหรือสวัสดิการพนักงานปกติมอบให้บ้าง หรือจะไม่มอบอะไรเลยก็ได้เช่นกัน ข้อควรระวังเมื่อบริษัทรับเด็กฝึกงานเข้าทำงาน หลายองค์กรชื่นชอบการรับเด็กฝึกงานเข้าทำงาน เพราะนอกจากจะเป็นแรงงานที่จ่ายค่าตอบแทนไม่สูงมากนักแล้ว ยังได้ความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างออกไปเข้ามาด้วย รวมถึงประโยชน์อีกหลายๆ อย่างโดยเฉพาะเด็กที่กำลังเรียนใกล้จะจบหรือจบแล้ว […]
Jobcan Workflow เป็นระบบจัดการและอนุมัติเอกสารที่สามารถความสะดวกสบายให้กับทุกคนในองค์กรด้วยการทำงานบนระบบคลาวด์สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา และเพื่อตอกย้ำถึงประโยชน์ระบบ Jobcan Workflow ว่าสามารถใช้ได้กับองค์กรธุรกิจทุกขนาด ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่าว่าหากองค์กรธุรกิจในแต่ละขนาดใช้ Jobcan Workflow จะสามารถช่วยเหลือเรื่องใดได้บ้าง ธุรกิจขนาดเล็กกับ Jobcan Workflow เหล่าธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME นั้นเป็นช่วงเริ่มต้นธุรกิจทำให้มีส่วนที่ต้องลงทุนลงแรงค่อนข้างมาก ดังนั้น Jobcan Workflow จึงเข้ามาเพื่อตอบโจทย์หลัก 3 ข้อดังนี้ ลดต้นทุนการจ้างพนักงานเพื่อดูแลเอกสาร ระบบ Jobcan Workflow สามารถทำได้ทั้งการสร้างเอกสาร การเดินเอกสารและยังดูแลจัดเก็บอย่างเป็นระบบช่วยให้ธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นและมีเอกสารที่ต้องจัดการมากมายสามารถดูแลเอกสารได้โดยไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานมากมายเข้ามาดูแลการจัดเก็บหรือการเดินเอกสารสำคัญ เป็นการประหยัดต้นทุนให้สามารถนำเงินทุนไปลงทุนในเรื่องอื่นๆ ได้ จัดการงานเอกสารอย่างปลอดภัยและเป็นระบบ งานเอกสารเป็นงานสำคัญที่มักจะเก็บความลับทางธุรกิจและเอกสารสำคัญในการอนุมัติต่างๆ ทำให้ต้องได้รับการจัดเก็บอย่างปลอดภัยและเป็นระบบ ซึ่ง Jobcan Workflow จะเก็บเอกสารทุกอย่างเข้าไว้ในระบบสามารถเรียกใช้ได้ง่าย และยังสามารถจำกัดการเข้าถึงช่วยให้เอกสารปลอดภัยอย่างแน่นอน ตรวจสอบเอกสารได้ทุกที่ทุกเวลา ในช่วงของการเริ่มต้นและยังมีพนักงานไม่มากนัก พนักงานทุกคนรวมถึงเจ้าของธุรกิจย่อมมีงานมากมายต้องจัดการ หากจะต้องเดินทางไปมาเพื่อตรวจสอบเอกสารภายในองค์กรก็ดูจะเสียเวลามากเกินไป ดังนั้น หากมี Jobcan Workflow ที่ช่วยให้สามรรถเข้าถึงเอกสารได้อย่างง่ายดายในทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการตรวจสอบ ย่อมสามารถประหยัดเวลาไปได้มาก ทั้งยังช่วยให้งานเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย ธุรกิจขนาดกลางกับ Jobcan Workflow สำหรับธุรกิจขนาดกลางที่ต้องจัดการกับเอกสารมากมายเพื่อให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่น […]
ในสังคมที่เร่งรีบและโลกที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนต้องเร่งจังหวะชีวิตของตัวเองตามไปด้วย ยิ่งในคนวัยทำงานด้วยแล้วยิ่งมักจะทำงานจนลืมดูแลสุขภาพ พอเวลาผ่านเลยไปจึงได้พบว่า ตัวเองได้ของแถมจากการทำงานเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมไปเสียแล้ว ออฟฟิศซินโดรมเป็นอย่างไร ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด เนื่องจากมีการใช้งานกล้ามเนื้อแบบเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยในบริเวณ คอ ไหล่ หลัง บ่า แขนหรือข้อมือ ดังนั้น หากการทำงานของคุณมักอยู่ในรูปแบบนั่งโต๊ะ หรือจัดโต๊ะไม่เหมาะสม จ้องคอมนานและไม่ค่อยลุกไปไหนมากนัก เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวโดยเฉพาะในบริเวณที่กล่าวมา ยินดีด้วยคุณได้รับของขวัญยอดฮิตจากการทำงานแล้ว วิธีการผ่อนคลายจากออฟฟิศซินโดรม สำหรับใครที่มีกิจวัตรการนั่งท่าเดิมหรือยืนท่าเดิมนานๆ ไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทางหรือกิจกรรมสักเท่าใดนัก ซึ่งอาจจะเริ่มมีอาการปวดเมื่อยมาบ้างหรือบางคนที่รู้ตัวว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมอยู่แล้ว สามารถใช้วิธีการเหล่านี้ในการผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายระหว่างการทำงานของคุณได้ โดยเรารวบรวมมาให้ทั้งหมด 7 ข้อด้วยกัน มีอะไรบ้างไปดูกันเลย พักสายตาเป็นระยะ ออฟฟิศซินโดรมอาจสะสมในขณะที่นั่งจ้องจอคอม หรือก้มหน้าอ่านหนังสือ เพราะคนเรามักจะมีการเกร็งกล้ามเนื้อตาโดยอัตโนมัติแถมบางคนอาจจะต้องเพ่งสักเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นบางคนถึงกับตั้งใจมากจนลืมกะพริบตา ทำให้เกิดผลเสียกับตามากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ขณะที่จ้องคอมฯ มักมีการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอไปด้วยทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยที่คอและบ่าได้ จึงควรพักสายตาหันคอไปด้านอื่นๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง ลุกขึ้นเดินระหว่างวันบ้าง การเปลี่ยนท่าทางเป็นวิธีการหนึ่งที่ป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้ดี เพราะการนั่งในท่าทางเดิมนานๆ จะทำให้มีการใช้กล้ามเนื้ออยู่ที่เดิมซ้ำๆ ตามไปด้วย การเดินเล่นไปรอบๆ โต๊ะทำงานหรือเดินไปเพื่อดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายของผ่อนคลายจากความเครียดของงานและท่าทางได้ทั้งยังเป็นวิธีที่ทำให้เราได้เห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ และสภาพแวดล้อมในการทำงานอีกด้วย ปรับท่านั่งให้ถูกวิธี ท่าทางการนั่งมีผลอย่างมากสำหรับการเป็นออฟฟิศซินโดรมเพราะว่าคนวัยทำงานมักจะนั่งอยู่ในท่าเดิมทั้งยังเป็นการนั่งที่ทำร้ายกล้ามเนื้อหลัง คอ บ่าและไหล่อีกด้วย การนั่งที่ถูกวิธีนั้นจะต้องทำให้หน้าจออยู่ในระดับสายตาและมีระยะห่างราว 1 […]
หนึ่งในภาระหน้าที่สำคัญของ HR คือ การบริหารจัดการความเรียบร้อยภายในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเมินพนักงาน เรื่องเงินเดือน เรื่องสวัสดิการ หรือเรื่องการจัดการบุคคลภายในองค์กร ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนต้องใช้ความละเอียดและรอบคอบอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องของการดูแลบุคคลทั้งองค์กร ดังนั้น จะดีแค่ไหนหากมีเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เรื่องยุ่งยากและซับซ้อนเหล่านี้กลายเป็นเรื่องง่าย ๆ อีกทั้งยังช่วยลดขั้นตอนการทำงาน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น วันนี้ Jobcan ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับตัวช่วยการจัดการงานของ HR ทั้ง 3 ระบบให้มากขึ้น ซึ่งมีดังต่อไปนี้ Jobcan Attendance Management, Jobcan Payroll และ Jobcan Workflow การจัดการงานของ HR จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ด้วยตัวช่วยทั้ง 3 ระบบของ Jobcan ที่จะลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาในการทำงานของฝ่ายบุคคล นอกจากนี้ยังช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Jobcan Attendance Managementตัวช่วยจัดการการเข้า-ออกงาน ในโลกที่เทคโนโลยีต่าง ๆ พัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ องค์กรที่ดีต้องรู้จักเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอยู่เสมอเพื่อประโยชน์ของบุคลากรและการเติบโตของบริษัท ด้วยเหตุผลเหล่านี้ Jobcan จึงได้คิดค้นและพัฒนาระบบลงเวลางานออนไลน์ Jobcan Attendance Management ที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย สามารถลงเวลาเข้า-ออกงานได้ทั้งในและนอกสถานที่ […]
ตามกฎหมายแรงงานแล้วพนักงานจะต้องมีวันหยุดตามกำหนดเพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน ทั้งยังเป็นการให้เวลาลูกจ้างหรือพนักงานได้จัดการชีวิตในด้านอื่นๆ ให้เรียบร้อย เพื่อสามารถกลับมาสร้างผลงานที่ดีต่อไปได้ แต่วันหยุดที่มีจำกัดเหล่านั้นควรจะใช้อย่างไรให้คนไม่สงสัยและยังดูสมกับเป็นมืออาชีพ วันนี้เรามาดูกัน ประเภทของวันลาหยุด ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับสิทธิ์วันลาที่สามารถใช้ได้โดยไม่ถูกหักเงินเดือนในแต่ละโอกาสกัน ว่าจะมีอะไรบ้าง การลาป่วย การลาป่วยสามารถลาติดกันได้ 3 วันโดยไม่มีใบรับรองแพทย์ แต่หลังจากนั้นจะต้องส่งใบรับรองแพทย์ด้วย และในการลาป่วยจะลาได้ไม่เกิน 30 วันทำงานต่อหนึ่งปี การลาพักร้อน ตามกฎหมายแรงงานกำหนดว่า หากลูกจ้างทำงานเป็นเวลา 1 ปีจะต้องมีวันลาพักร้อนอยู่ที่ 6 วันขึ้นไป บางแห่งอาจมีสวัสดิการที่สามารถทบวันหยุดไว้สำหรับปีถัดไปได้เช่นกัน โดยรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง การลาคลอดและการลาทำหมัน สำหรับการลาคลอดนั้น ลูกจ้างที่เป็นหญิงสามารถลาได้ไม่เกิน 90 วันต่อหนึ่งครรภ์ โดยจะได้รับเงินค่าจ้างเท่ากับวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ไม่เกิน 45 วัน และสามารถลาทำหมันได้โดยให้สิทธิ์ลาตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ ซึ่งต้องมีการออกใบรับรองให้ชัดเจนด้วย การลากิจและการลาอื่นๆ ในกรณีที่มีเหตุอื่นๆ ต้องลาสามารถแจ้งกับนายจ้างเพื่อตกลงวันลาและค่าจ้างกันได้ ตัวอย่างเช่นการลากิจ การลาบวช การลางานเพื่อรับราชการ การลางานเพื่อฝึกอบรม เป็นต้น เทคนิคการลางานอย่างมืออาชีพ การลางานบางครั้งก็ทำให้คนลารู้สึกไม่สบายใจและยังทำให้เพื่อนร่วมงานเคลือบแคลงสงสัย แล้วควรจะลาอย่างไรให้ไม่ลำบากใจได้บ้าง เรามาดูกัน ใช้สิทธิ์ลาไปเลย การใช้สิทธิ์วันลางานเป็นหนึ่งในการรักษาผลประโยชน์ของเรา และยังเป็นสิทธิของเราที่เราสามารถใช้ได้ ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องรู้สึกลำบากใจกับการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยหรือกิจธุระที่เล็กน้อย เพราะเราสามารถลาได้อย่างที่ต้องการตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ดีกว่าทำให้อาการเจ็บป่วยหรือร่างกายแย่ลงไป […]
สำหรับคนทำงานทุกคนที่ยังมีนายจ้าง บอส หรือหัวหน้างานอยู่นั้นย่อมต้องพยายามหาวิธีการเพื่อให้เรามีโอกาสได้สร้างผลงานและก้าวหน้าในการทำงาน แต่ไม่ใช่ว่าการทำให้เจ้านายรักได้จะเป็นเรื่องง่ายที่ทำเพียงตั้งใจทำงานก็ได้แล้ว เพราะคนเป็นหัวหน้า เป็นเจ้านายย่อมมีตัวเลือกมากมายให้สามารถสร้างผลงานได้ แล้วเราจะทำอย่างไรให้นายรักได้กันล่ะ วันนี้ JOBCAN ได้รวบรวมเอาวิธีการทำให้เจ้านายรักมาให้คุณแล้ว โดยเราได้รวบรวมเอาเทคนิคทำให้นายรักมาด้วยกัน 7 ข้อ ลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง เรียงลำดับความสำคัญของงานตามเป้าหมายของเจ้านาย หากกล่าวให้ง่ายก็คือเราต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายตามที่เจ้านายต้องการนั่นเอง แม้จะฟังดูไม่ยากเท่าไรแต่ความจริงแล้วกลับต้องเดาใจเจ้านายกันระดับหนึ่งเลยทีเดียวเพราะเจ้านายบางคนมักไม่กล่าวอย่างตรงไปตรงมาถึงสิ่งที่ต้องการ ดังนั้น สิ่งที่ลูกน้องในทีมอย่างเราต้องทำก็คือการอ่านความต้องการให้นายให้ออกนั่นเอง แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นคนจากตำแหน่งก็ตามพวกเขาล้วนชื่นชอบความตรงไปตรงมา ยิ่งเป็นเรื่องของการทำงานด้วยแล้ว หากเราตรงไปตรงมาอย่างมีเหตุผลยิ่งทำให้การทำงานเดินไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และยิ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความเชื่อใจที่เรามีให้กับเจ้านายด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นการแสดงความคิดเห็นก็ควรอยู่ในระดับที่สุภาพและเหมาะสมต่อสถานการณ์ด้วย ไม่อย่างนั้นความตรงไปตรงมานี้อาจถูกมองว่าเป็นการพูดไม่คิดไปเสีย มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคน การผูกมิตรในที่ทำงานอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะเป็นคนจากตำแหน่งใดก็ตามจะทำให้เจ้านายรู้สึกได้ว่าคุณสามารถติดต่อประสานงานหรือทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ดีมากขึ้น เพราะการทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบจะทำให้เพื่อนร่วมงานพูดถึงคุณในทางที่ดีมากขึ้น อีกทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในการทำงานได้ด้วย ที่สำคัญการเป็นมิตรต่อทุกคน สร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ยังช่วยให้งานราบรื่นมากขึ้น สามารถร่วมงานกันอย่างเป็นทีมได้ดีขึ้น กระตือรือร้นในการทำงาน ไม่มีใครอยากเห็นภาพคนเบื่องานในยามเช้าอย่างแน่นอน ทุกคนต่างก้อยากได้รับพลังงานบวกที่ดูแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่ากันทั้งนั้น ดังนั้น เตรียมพร้อมท่าทางและทัศนคติที่มีต่องานของคุณให้สดชื่น เตรียมพร้อมรับความท้าทายหรือปัญหาที่จะเข้ามาด้วยรอยยิ้ม หัวหน้าเห็นแบบนี้แล้วยังจะไม่ชอบได้อย่างไรกัน ขอแนะนำว่าความรู้สึกนี้ควรมาจากใจนะ ไม่อย่างนั้นมันจะดูแย่มากทีเดียว เตรียมความพร้อมในการทำงานอยู่เสมอ การทำงานนั้นเป็นเรื่องท้าทายในบางครั้งที่เราต้องพบกับอุปสรรคแบบใหม่หรือเริ่มโปรเจคใหม่ขึ้นมา ในเวลานั้นย่อมมีข้อมูลมากมายที่คุณต้องเรียนรู้หรือค้นหาเพื่อประกอบการทำงาน และหากคุณเตรียมความพร้อมมาไว้ก่อนก็จะยิ่งเสริมความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคุณได้มากขึ้น ยิ่งเมื่อหัวหน้าของคุณมีคำถามและคำตอบที่ได้มาจากคุณแล้ว ยิ่งทำให้หัวหน้ารักคุณมากขึ้นอย่างแน่นอน ยอมรับและแก้ไขเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เมื่อเริ่มลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ย่อมรู้ดี หัวหน้าของคุณเองก็เช่นกัน แต่ความสำคัญเมื่อเกิดปัญหานั้นอยู่ที่การรับมือกับปัญหาของพนักงานมากกว่าว่าจะสามารถจัดการปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร […]
สำหรับ HR แล้วการว่าจ้างคนมีความสามารถเข้ามาในบริษัทไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งการตามหาคนที่มีความสามารถตรงกับความต้องการขององค์กร และยังต้องเป็นคนที่เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรได้ด้วย เรียกว่าเป็นเรื่องยากอย่างมาก แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการมัดใจพนักงานให้อยู่กับองค์กรให้นานแสนนานนั่นเอง วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาเทคนิคในการมัดใจพนักงานให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ และยังสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง เรียกว่าสร้างความสุขทั้งสองฝ่ายมาฝากกันถึง 5 เทคนิคด้วยกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน เทคนิคที่ 1 มัดใจพนักงานด้วยการเชื่อใจในศักยภาพการทำงาน ในโลกของการทำงานนั้นคนที่ได้รับความไว้วางใจให้แบกรับความรับผิดชอบ ย่อมเป็นคนที่สามารถสร้างผลงานได้ ซึ่งพนักงานหลายคนย่อมมองหาโอกาสนี้ อาจเริ่มจากการให้โอกาสสร้างผลงานในโปรเจคเล็กๆ แล้วตามด้วยโปรเจคที่ใหญ่ขึ้นตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตนเอง ซึ่งการได้รับมอบหมายงานนั้น ยังสามารถสื่อได้ถึงความไว้วางใจที่หัวหน้าหรือองค์กรมอบให้ด้วยเช่นกัน ทำให้พนักงานที่ได้รับงานรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญขององค์กรอีกด้วย แบบนี้แล้วพนักงานยังจะไม่ประทับใจได้อย่างไร เทคนิคที่ 2 มัดใจพนักงานด้วยการเคารพการตัดสินใจและรับความคิดเห็น โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว พวกเราเป็นสัตว์สังคมที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ได้รับการรับฟังและการมองเห็นตัวตน ดังนั้นเมื่ออยู่ในโลกแห่งการทำงานที่ต้องมีการตัดสินใจมากมาย การเสนอความคิดเห็นจึงเป็นโอกาสหนึ่ง ที่จะได้พิสูจน์การเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้น สิ่งที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับพนักงานในองค์กรได้อย่างแท้จริงคือการทำให้เขารู้ว่าองค์กรรับฟังและให้ความสำคัญกับการตัดสินใจของเขา เมื่อได้รับรู้ว่าองค์กรมองเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแล้ว พนักงานย่อมทุ่มเทและสามารถมัดใจพนักงานให้ต้องการอยู่ด้วยไปนานๆ เทคนิคที่ 3 มัดใจพนักงานด้วยการลงทุนในตัวพวกเขา อีกหนึ่งเทคนิคที่สามารถมัดใจพนักงานและยังช่วยพัฒนาองค์กรได้เป็นอย่างดี คือการให้ความสำคัญกับความสามารถของพนักงาน จะเห็นได้ว่าหลายองค์กรเริ่มมีสวัสดิการเกี่ยวกับการอบรมหรือให้ทุน เพื่อให้พนักงานสามารถเลือกซื้อคอร์สเรียนที่ต้องการมาพัฒนาความสามารถของตัวเอง เพราะองค์กรหลายแห่งนั้นเชื่อว่า หากพนักงานได้รับการพัฒนาแล้วองค์กรย่อมพัฒนาตามไปด้วย ขณะเดียวพนักงานที่ต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเองย่อมต้องการอยู่ในที่ที่สามารถพัฒนาพวกเขาได้อย่างต้องการ เทคนิคที่ 4 มัดใจพนักงานด้วยการมอบรางวัล เทคนิคการมัดใจพนักงานที่ไม่ว่าผ่านมากี่สมัย ก็สามารถใช้ได้เสมอนั้น […]
Perfectionist หรือมนุษย์ไม้บรรทัด คือบุคคลที่รักในความสมบูรณ์แบบ มีความละเอียดรอบคอบ และต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้ คนประเภทนี้พยายามหลีกเลี่ยงความผิดพลาด เพราะต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาเพอร์เฟ็กต์ที่สุดดั่งการขีดเส้นตรงด้วยไม้บรรทัด ดังนั้น “มนุษย์ไม้บรรทัด” จึงเป็นคำในภาษาไทยที่สื่อความหมายถึงความเป๊ะของคนประเภท Perfectionist ได้เป็นอย่างดี Edward C. Chang (2006) ระบุว่าภาวะ Perfectionism แบ่งออกเป็น 3 ประเภท Self-oriented perfectionism คือ Perfectionist ที่กำหนดมาตรฐานความสมบูรณ์แบบของตัวเองเอาไว้สูง และคิดว่าทุกผลงานของตัวเองต้องไร้ซึ่งความผิดพลาด และตรงตามมาตรฐานความสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ Other-oriented perfectionism คือ Perfectionist ที่คาดหวังความสมบูรณ์แบบในการกระทำของผู้อื่น Socially prescribed perfectionism คือ Perfectionist ที่เชื่อว่าคนในสังคมหรือคนรอบข้างคาดหวังความสมบูรณ์แบบจากตัวเอง อาการแบบไหนถึงเรียกว่า ‘Perfectionist’ สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า อาการแบบนี้ใช่อาการของ Perfectionist หรือเปล่า วันนี้ JOBCAN ได้รวบรวมพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์ไม้บรรทัดสุดเนี๊ยบมาไว้ที่นี่แล้ว คนเมืองทิพย์เขาเป๊ะกันอยู่แล้วนะน้องนะ! 1. Perfectionist มักรอเวลาที่พร้อมที่สุดถึงจะเริ่มทำงาน เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด 2. Perfectionist […]
หลายองค์กรมักจะประสบกับปัญหาช่วงเวลาขาดแคลนแรงงานในบางช่วงเวลาโดยเฉพาะกับองค์กรที่เป็นร้านค้าต้องใช้พนักงานบริการหรือองค์กรที่ต้องการพนักงานเพียงช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้มีการจ้างงานแบบพนักงาน Part-time ขึ้นมาแก้ปัญหานี้ แน่นอนว่าการจ้างพนักงาน Part-time ย่อมเป็นวิธีการแก้ปัยหาที่ช่วยได้ เพียงแต่ในการว่าจ้างก็ยังคงมีข้อควรคำนึงอยู่อีกมากที่ต้องพิจารณา วันนี้ JOBCAN จึงได้เตรียมเอาเรื่องราวที่นายจ้างควรรู้ก่อนการจ้างงานพนักงาน Part-time ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในการว่าจ้างหรือข้อควรคำนึงมาให้แล้ว ทำความรู้จักกับพนักงาน Part-time พนักงาน Part-time คือพนักงานที่ว่าจ้างเข้ามาให้ทำงานเพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยจะมีการกำหนดช่วงเวลาในการทำงานให้น้อยกว่า 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งผู้ว่าจ้างจะต้องตกลงรายละเอียดของการจ้างงาน เช่น จำนวนชั่วโมงในการทำงานต่อวัน ทำงานกี่วันต่อสัปดาห์ ค่าจ้างต่อชั่วโมงและอื่นๆ ไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน ประโยชน์ของการจ้างพนักงาน Part-time การจ้างพนักงาน Part-time เป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างมากกับองค์กรที่ต้องการงานที่เร่งด่วนหรือมีบางตำแหน่งที่ยังหาคนได้ไม่เพียงพอทำให้ทำงานไม่ทัน อย่างเช่น งานด้านกราฟิกดีไซน์ งานตัดต่อวิดีโอหรือกระทั่งงานธุรการต่างๆ ก็สามารถจ้างงานพนักงาน Part-time เข้ามาทดแทนก่อนได้ ซึ่งหากจะกล่าวถึงประโยชน์ของการจ้างพนักงาน Part-time ให้ชัดเจนแล้วคนเห็นได้จาก 3 ข้อนี้ กำหนดเวลาการทำงานได้ตามต้องการ เพราะเป็นการจ้างงานแบบพนักงาน Part-time การกำหนดเวลาจึงเป็นเรื่องที่สามารถยืดหยุ่นได้และจะเกิดขึ้นจากการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายและจ่ายค่าตอบแทนจากการทำงานเป็นรายชั่วโมง โดยการกำหนดเวลานั้นสามารถกำหนดได้ทั้งวัน ช่วงเวลาและระยะเวลาในการทำงานแต่ละวัน ทำให้สามารถดูแลพนักงาน Part-time ได้ตามต้องการ ช่วยแก้ปัญหาให้องค์กรได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางตำแหน่งอาจเกิดขึ้นเพียงบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างปัญหาให้กับบริษัทหรือองค์กรได้เป็นอย่างมาก […]
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกับการใช้ชีวิตของเรามากขึ้น โลกแห่งการทำงานก็เรียกได้ว่าไร้พรมแดน ยิ่งมีโรคระบาดเข้ามาตอกย้ำทำให้การทำงานร่วมกับเทคโนโลยีไร้พรมแดนยิ่งมีความท้าทายมากขึ้นไปอีกและยิ่งมีการพัฒนาให้สามารถทำงานได้จากทุกที่และทุกเวลาอย่างแท้จริง แต่หากกล่าวถึงอาชีพ WFH ที่สามารถทำงานออนไลน์ได้อย่าง 100% แล้วนับว่ายังมีไม่มากนัก วันนี้ JOBCAN จึงมายกตัวอย่าง 10 อาชีพ WFH หรือทำงานที่ใดก็ได้บนโลกได้อย่างแท้จริง เรามาเริ่มกันเลย ติวเตอร์ อาชีพติวเตอร์กลายเป็นได้ทั้ง Active income ที่สามารถไลฟ์สดหรือวีดิโอคอลผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อทำการสอนตัวต่อตัว หรือจะเป็น Passive income ที่ทุกคนใฝ่ฝันต้องการด้วยการทำคลิปสอนขายคอร์สก็ได้เช่นกัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งอาชีพ WFH ที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางหรือประสบการณ์บางอย่างมาแบ่งปันให้กับผู้อื่น นักเขียน อาชีพนักเขียนเป็นหนึ่งในอาชีพ WFH ที่มีความต้องการอย่างมากเพราะแตกออกได้หลากหลายแขนงไม่ว่าจะเป็น นักเขียนเพื่อการตลาด นักเขียนนวนิยาย หรือนักเขียนข่าว เรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่มีส่วนในการขับเคลื่อนโลกอย่างมากทีเดียวเพราะไม่ว่าจะหันไปที่ใดเราจะต้องพบงานของนักเขียนอยู่เสมอ นอกจากนี้ด้วยความยืดหยุ่นในการสร้างผลงาน อาชีพนักเขียนจึงไม่มีความจำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่เลย เรียกว่าทำงานที่ใดก็ได้ ขอเพียงมีอินเตอร์เน็ตหรือปากกากับกระดาษก็พอแล้ว กราฟิคดีไซน์ กราฟิกดีไซน์เป็นอาชีพของนักสร้างสรรค์ที่ต้องการเพียงคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปสักเครื่องในการทำงานเท่านั้นก็สามารถออกแบบโลโก้ รูปภาพสำหรับการสื่อสารต่างๆ ได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสถานที่แต่อย่างใด โดยในปัจจุบันอาชีพ WFH นี้เรียกได้ว่าได้รับความนิยมค่อนข้างสูงทีเดียวเพราะสามารถฝึกได้เองไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม ใครที่ชอบงานศิลปะ วาดรูปต้องการสื่อสารเป็นภาพ สามารถเลือกอาชีพนี้แล้วเริ่มฝึกได้เลย บล็อกเกอร์หรือยูทูปเบอร์ บล็อกเกอร์หรือยูทูปเบอร์เป็นอาชีพสร้างคอนเทนต์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะหากคุณมีไอเดียต้องการสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือแบ่งปันประสบการณ์ออกมาให้คนรับชมก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม เพราะด้วยช่องทางการรับชมเริ่มมีเพิ่มขึ้น […]
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนคงกำลังเผชิญกับปัญหาการทำงานหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป และเนื่องจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงของประเทศจึงทำให้สถานะทางการเงินของหลาย ๆ บริษัทเกิดความไม่มั่นคง มีการจ้างให้ลาออกจากงาน ลดจำนวนพนักงาน ลดเงินเดือน อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารเพื่อประคับประคองบริษัทให้อยู่รอด อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นส่งผลให้พนักงานที่ยังเหลือรอดในบริษัทต่างก็พยายามเอาตัวรอดและทนทรมานกับการทำงานแม้จะเป็นงานที่ทำแล้วไม่มีความสุขก็ตาม บ้างก็เพราะไม่อยากตกงาน บ้างก็ไม่อยากออกจาก comfort zone เพราะกลัวจะขาดรายได้ และไม่มีงานใหม่รองรับ ทว่าความคิดเหล่านั้นอาจส่งผลเสียต่อชีวิตการทำงานของคุณในระยะยาวได้เช่นกัน แน่นอนว่าโมเมนต์การตัดสินใจลาออกจากงานนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กว่าจะมาถึงจุดที่รู้สึกว่า ‘ฉันจะไม่ทน’ ทุกคนต้องผ่านการกัดฟันฝืนทนและบอกตัวเองมากี่ครั้งว่า ‘ช่างมัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป’ แต่การยอมทนเช่นนั้นหากนับวันมันยิ่งทำให้คุณรู้สึกว่าแค่ตื่นมาในตอนเช้าวันจันทร์ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยและไม่อยากตื่นไปทำงานแล้ว บางทีการตัดสินใจลาออกจากงานเดิม ๆ อาจช่วยให้คุณพบเจอกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า วันนี้ JOBCAN จึงอยากชวนมนุษย์เงินเดือนที่กำลังเผชิญกับความสับสนและลังเลที่จะลาออกให้มาลองอ่านและสำรวจตัวเองเกี่ยวกับสถานการณ์การทำงาน ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นลาออกจากงานด้วย.. 10 สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ควรลาออก! 1. เลเวลเต็ม max ปลดล็อกแล้วทุก skills ‘ชอบพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ’ คำพูดนี้คงเป็นคำตอบของใครหลาย ๆ คนที่ใช้ตอบคำถาม HR ในการสัมภาษณ์งาน เพราะทักษะการทำงานที่ดีคือการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือแม้แต่การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองแล้วนำมาปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น […]