ถึงชีวิตเราจะเคยพบกับการเปลี่ยนแปลงมานักต่อนัก แต่มันกลับเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนกลัว ทุกคนมักจะถอยออกห่างจากการลองทำอะไรใหม่ๆ หรือเปลี่ยนนิสัยบางอย่างของตัวเอง เพื่อรักษาความสมดุลของชีวิตเอาไว้ จนอาจมองข้ามไปว่าความก้าวหน้าในชีวิตนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลง  

การพัฒนาตัวเองเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะเปลี่ยนตัวของเราไปในทางที่ดีขึ้น และเปิดโอกาสใหม่ๆ มากมายในชีวิต การที่เราจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น ทำได้ไม่ยาก หากมีแรงใจที่มุ่งมั่น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทักษะต่างๆ  หาความรู้ หาประสบการณ์ให้กับตัวเอง เป็นต้น จะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้น ทุกคนสามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้

รักการเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง
Photo by Tim Mossholder on Unsplash

ความสำคัญของการพัฒนาตัวเอง

การพัฒนาตัวเองจะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีความกล้าที่จะเผชิญอุปสรรคและก้าวผ่านจุดด้อยของตัวเองได้เสริมสร้างนิสัยที่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ตัวเราพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยจะขอแบ่งเป็น 3 ข้อดังนี้

1. สร้างโอกาสให้กับตัวเอง

ทุกคนมีโอกาสในชีวิตไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเรื่องการทำงาน เช่น การรับคนเข้าองค์กร หรือการเลื่อนตำแหน่งที่มีจำนวนคนจำกัด เป็นต้น คำถามคือเราจะทำอย่างไรให้กลายเป็นคนที่ได้รับโอกาส? คำตอบคือการพัฒนาคุณสมบัติของตัวเราให้กลายเป็นคนที่เหมาะสมให้ได้ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสให้ชีวิตเราก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นสมาชิกในทีมขาย แต่อยากได้เงินเดือนเยอะขึ้น ก็ต้องตั้งใจพัฒนาตัวเอง หาความรู้ หาประสบการณ์ และทำผลงานเพื่อที่เลื่อนตำแหน่งเป็น Sales Manager หรือ Sales Director เป็นต้น

2. สร้างเป้าหมายและความท้าทายให้ชีวิต

บางคนอาจใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย ซึ่งการพัฒนาตัวเองจะทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิตเราแต่ละวัน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้ชีวิตก้าวไปสู่ความสำเร็จในภายภาคหน้า

ซึ่งเราอาจเริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็กๆ เช่น วันนี้เราจะทำงานให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย ไปจนถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เช่น มีรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น โดยต้องมั่นใจว่าเป้าหมายจะต้องเป็นไปได้จริง มีการกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน ฯลฯ​ตามหลักการตั้งเป้าหมายที่ดี

หลังจากตั้งเป้าหมายสำเร็จ ความท้าทายก็จะมาตกอยู่ที่การหาวิธีทำให้เป้าหมายนั้นลุล่วง ซึ่งจะกลายมาเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเอง ให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น ซึ่งบางอย่างจะต้องใช้ทั้งความสามารถ ความพยายามอย่างมากขึ้นอยู่กับสิ่งที่แต่ละคนกำหนดไว้ หากเราทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ก็จะส่งผลดีต่อจิตใจซึ่งเป็นผลมาจากที่ร่างกายหลั่งสารโดพามีนออกมา และยังทำให้อารมณ์มีความตื่นตัว มีสมาธิ กระฉับกระเฉงมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น การที่เราสามารถปิดยอดขายตามเป้าได้ในแต่ละเดือน ก็จะทำให้เรารู้สึกเหมือนชนะตัวเองและกระตุ้นให้ก้าวไปข้างหน้าสู่เป้าหมายใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมต่อไป เท่านี้ชีวิตเราก็จะมีความหมายและมีสีสันมากขึ้น

3. สร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้กับผู้อื่น

การพัฒนาตัวเองไม่ได้ส่งผลแค่เพียงตัวผู้นั้นคนเดียว แต่ส่งผลต่อบุคคลรอบข้างด้วย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน ซึ่งหากเรากำลังแสดงออกว่าพัฒนาตัวเองอยู่ให้เห็น ก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นพัฒนาตัวของเขาต่อไป ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว เพื่อน หรือองค์กรในการพัฒนาบุคลากรทางอ้อมอีกด้วย

เราจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้อย่างไรบ้าง?

JOBCAN ขอนำเสนอ 7 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณเก่งขึ้นในที่ทำงาน ดังนี้

การบริหารเวลาให้เป็น
Photo by Eden Constantino on Unsplash

1. บริหารเวลาให้เป็น

คนที่ประสบความสำเร็จจะต้องวางแผนให้เป็น จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำก่อน-หลังได้ถูกต้อง ตามความสำคัญและความเร่งด่วน และควรทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เท่านี้ก็จะทำให้เราใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพและงานเสร็จตรงตามเวลาที่กำหนด โดยการบริหารเวลาเป็นจะทำให้เรารู้จักการมีระเบียบวินัยในตัวเอง และ มี Work Life Balance ที่ดีอีกด้วย

2. ตั้งเป้าหมายในการทำงาน 

การรู้ว่าตัวเราเองต้องการอะไร มีจุดมุ่งหมายอะไร จะทำให้มีความไขว้เขวน้อยลงและมีความแน่วแน่ในการพัฒนาตัวเองมากขึ้น และทำให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะทำมัน เป้าหมายที่ดีควรตั้งอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริง คือเป็นเป้าหมายที่สามารถทำให้สำเร็จได้ โดยสามารถจำแนกเป็น 3 ประเภทตามระยะเวลาคือ

  • เป้าหมายระยะสั้น (1 วัน-1 สัปดาห์)
  • เป้าหมายระยะกลาง (3-6 เดือน)
  • เป้าหมายระยะยาว (6-12 เดือน)

หรือปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เป็นต้น การตั้งเป้าหมายจะทำให้เราได้ทบทวนตัวเองและก้าวไปตามจังหวะของตัวเองโดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

3. เรียนรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง 

เราอาจจะใช้เวลาว่างๆ 10 นาทีในการเขียนทักษะที่ถนัดและไม่ถนัดลงไปในกระดาษ เพื่อสำรวจความสามารถของตัวเอง หรือใช้เทคนิค SWOT ก็ได้ การรับรู้ถึงข้อดีข้อด้อยเหล่านั้นทำให้รู้ว่าจะใช้ทักษะเหล่านั้นในการทำงานยังไง และควรจะต้องปรับปรุงเพิ่มเติมตรงไหน รวมถึงการแก้ไขนิสัยที่ไม่ดี เช่น เป็นการผัดวันประกันพรุ่งหรือไม่ใส่ใจรายละเอียด และการพัฒนาสิ่งที่ไม่ถนัดให้ดีขึ้น เช่น ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทักษะภาษาอังกฤษ เป็นต้น

4. ปลูกฝัง Growth mindset 

คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่มี Growth mindset หรือชุดความคิดที่ว่าเราสามารถพัฒนาความสามารถของตัวเองได้ โดยส่วนใหญ่เราจะตัดคำว่าทำไม่ได้ออก และมองว่าความท้าท้ายที่เข้ามาไม่ใช่อุปสรรคแต่เป็นโอกาสในการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น หรือพูดง่ายๆ คือการต่อสู้กับความกลัว กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ 

และออกจาก comfort zone ของตัวเอง สร้างนิสัยรักการเรียนรู้ การโอบอุ้มแนวคิดนี้เอาไว้จะทำให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายและพัฒนาทักษะใหม่ๆ ระหว่างทางอีกด้วย

5. รู้จักแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ และยอมรับข้อคิดเห็นที่แตกต่าง

ในที่ทำงาน เราจำเป็นต้องทำงานร่วมกับคนมากมายหลากหลายแบบที่ต่างความคิดเห็นกัน การยอมรับฟังสิ่งที่คนอื่นพูด จะทำให้เราได้พัฒนาตัวเองโดยการฝึกการปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น มีความคิดที่เปิดกว้างมากขึ้น รู้จักใช้ทักษะในการสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ได้อย่างดี ทำให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและให้ผลลัพธ์ในทางบวก

ฝึกเป็นคนมองโลกในแง่ดี เชื่อมั่นในตัวเอง
Photo by Katrina Wright on Unsplash

6. ฝึกเป็นคนมองโลกในแง่ดี

การมองโลกในแง่ดีอาจไม่ใช่โลกสวยเสมอไป แต่เป็นการโฟกัสในสิ่งดีๆ ที่อาจเกิดขึ้นและนำมาเสริมพลังบวกให้ตัวเอง การมีแนวคิดนี้จะทำให้เรามีพลังงานดีๆ ในการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น ต้องหัดรู้จักยอมรับความผิดพลาด มองอดีตที่ล้มเหลวเป็นโอกาสและเรียนรู้จากมัน  เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น เชื่อมั่นในตัวเอง เป็นต้น

7. เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ

ยกตัวอย่างเช่น การไปพบกับคนที่เก่งๆ ผ่านการสัมมนา การพูดให้ความรู้ หรือกระทั่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือเรียนรู้ความคิดของพวกเขาเหล่านั้นผ่านสื่อออนไลน์ เช่น Social Media ต่างๆ เช่น Twitter หรือ Facebook หรือศึกษาจาก Youtube และ Podcast เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราได้เรียนรู้และนำมาปรับใช้กับตัวเองได้

สรุป

การพัฒนาตัวเองจะสามารถมอบโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต รวมถึงสร้างเป้าหมายและความท้าทายให้กับชีวิตในการทำงาน ทั้งนี้ทั้งนั้น ระยะเวลาการพัฒนาตัวเองของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป บางคนอาจเก่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น หรือบางคนใช้เวลาสักหน่อย ทั้งที่ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนยังไงก็ตาม เราไม่ควรนำสิ่งนี้มากดดันตัวเองจนมากเกินไป JOBCAN หวังว่าทุกคนจะได้เรียนรู้เทคนิคมากมายจากบทความนี้และนำไปปรับใช้กันนะคะ

Jobcan Attendance

ระบบเข้าออกงานพนักงาน ตอกบัตรออนไลน์
สนใจระบบ Jobcan ติดต่อ 02-107-1867
LINE@ : @jobcan_th
Facebook : Jobcan Thailand
ลงทะเบียนสอบถามข้อมูล : https://bit.ly/3P0dVmg