ก้าวสู่ยุค New Normal การทำงานในยุคโควิด

หลายคนคงได้ยินคำว่า New Normal บ่อยมากทีเดียว เพราะความ New Normal นี้นับว่ายังไม่สิ้นสุดไปเสียทีเดียวเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นยังไม่สิ้นสุดนั่นเอง ซึ่งสำหรับฝ่ายบุคคลหรือ Hr ที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้  New Normal ที่ว่าเรียกได้ว่าทำให้การดูแลองค์กรตลอดจนพนักงานท้าทายขึ้นอย่างมากทีเดียว เรามาดูเรื่องที่ New Normal ทำให้องค์กรต้องปรับตัวกัน

New Normal ที่องค์กรต้องปรับตัว

หน้าที่หนึ่งของ Hr คือการดูแลสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรให้เหมาะแก่การทำงานของพนักงานทุกคนหรือในอีกแง่หนึ่งคือการสร้างสิ่งแวดล้อมหรือควบคุมสถานการณ์ให้ทรัพยากรบุคคลสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่ง New Normal ครั้งนี้ได้ให้โจทย์ด้านการดึงศักยภาพของพนักงานภายในองค์กรนั้นต้องเปลี่ยนจากเดิมทั้งในเรื่องรูปแบบการทำงานของพนักงานและในเรื่องรูปแบบการดูแลสิ่งแวดล้อมขององค์กร

รูปแบบการทำงาน

ก่อนการระบาดของโรคโควิดจะเข้ามาหลายองค์กรก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานกันบ้างแล้ว เพื่อให้ชีวิตของคนทำงานสามารถ Work life balance กันได้มากขึ้น บางองค์กรปรับลดวันเข้างานที่บริษัทเปลี่ยนเป็นการเข้าออฟฟิศ 4 วันและทำงานที่บ้าน 1 วัน บางองค์กรลดเวลาการทำงานต่อวัน แต่เมื่อมีการระบาด ผู้คนต้องรักษาระยะห่างรูปแบบการทำงานจึงถูกเร่งให้เปลี่ยนอย่างเลี่ยงไม่ได้

เวลาเข้างาน

เมื่อรูปแบบการทำงานถูกปรับเปลี่ยนให้มีการรักษาระยะห่าง หลายองค์กรจึงมีการจัดลำดับการเข้างานใหม่หรือลดเวลาการเข้างานที่องค์กรเปลี่ยนเป็นการทำงานที่บ้านซึ่งทำให้เกิด New Normal ขึ้นโดยเวลาการเข้างานต้องยืดหยุ่นมาขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความท้าทายของฝ่ายบุคคลว่าจะจัดการนับช่วงเวลาเข้างานอย่างไร และบริหารการทำงานในรูปแบบนี้อย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายได้สูงสุด

Remote working

Remote working หรือที่เราเรียกกันว่า Work from home นั้นไม่นับว่าเป็นเรื่องใหม่หรือ New Normal แต่อย่างใด เพียงแต่เมื่อองค์กรถูกเร่งให้เปลี่ยนรูปแบบการทำงานมากระทันหันอาจทำให้หลายองค์กรตั้งตัวไม่ติดกันอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ก็นับเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชั่นเข้ามาเป็นตัวกลางในการทำงาน เช่นการประชุม Conference

การใช้เทคโนโลยีหรือแอปพลิเคชั่น

นอกจากในเรื่องการประสานงานผ่าน Video conference ที่ต้องเรียนรู้ปรับตัวกันขนานใหญ่แล้ว การดำเนินงานในส่วนอื่นๆ ที่เคยจำกัดอยู่แค่บริษัทก็ยังต้องหาตัวช่วยเพิ่มเติมเช่น การลงบันทึกเวลาทำงาน การจัดการบัญชีภายในบริษัท การจัดการอนุมัติเอกสาร เป็นต้น เรื่องเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นงานภายในที่ต้องดำเนินการที่องค์กร แต่เมื่อรูปแบบการทำงานมีการปรับเปลี่ยนจึงต้องเรียนรู้และมองหาตัวช่วยที่จะทำให้การทำงานก้าวไปข้างหน้าต่อได้

รูปแบบการดูแลสิ่งแวดล้อม

แม้ว่าจะมีการทำงานที่บ้านอยู่บ้างแต่อย่างไรก็ตามหลายองค์กรก็มีความจำเป็นต้องเข้าทำงานที่องค์กรซึ่งในภาวะ New Normal นี้ทำให้การดูแลสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรเรียกว่ามีรายละเอียดเพิ่มขึ้นมากทีเดียว โดยเฉพาะการรักษาระยะห่างและการดูแลความสะอาดภายในพื้นที่ทำงานขององค์กรเอง

ระบบการรักษาความสะอาดและการฆ่าเชื้อ

สำหรับ New Normal การทำความสะอาดภายในบริษัทนั้นจะเป็นเพียงแค่ความสะอาดที่มองเห็นภายนอกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่องค์กรต้องมีการฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะอันตรายจากเชื้อไวรัสที่มองไม่เห็นนั้นเอง โดยองค์กรสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบฆ่าเชื้อแบบตั้งเวลา เครื่องพ่นสารฆ่าเชื้อ เป็นต้น

อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อโรคได้มากขึ้นคือการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่สามารถฆ่าหรือลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ เช่นพรมเช็ดเท้าแบบ Anti-viral Allergy Free เป็นต้นพร้อมกับมองหานวัตกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส อย่างก๊อกน้ำอัตโนมัติ หรือการใช้เซ็นเซอร์ในการเปิดปิดประตู

การแบ่งพื้นที่ภายในองค์กร

สิ่งสำคัญของ New Normal ในครั้งนี้คือการรักษาระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญขององค์กรคือการเดินหน้าทำงานให้ติดขัดน้อยที่สุดซึ่งทำให้เกิดความท้าทายในการจัดสรรการใช้ห้องประชุมหรือการจัดโซนพื้นที่ภายในองค์กรมากขึ้น

โดยสำหรับห้องประชุมนั้นควรมีการจำกัดจำนวนคนร่วมเข้าประชุมหรืออาจแบ่งย่อยให้ไม่มากเกินไปแทน และในส่วนของการจัดการพื้นที่ก็ควรแบ่งแยกโซนที่ต้องสัมผัสกับคนภายนอกเช่นโซนรับแขกไว้ด้านนอกสุดโดยมีระบบการคัดกรอง ทำความสะอาดก่อนเข้าไปยังโซนของพนักงานส่วนใหญ่ด้านใน เป็นต้น

ความท้าทายของ New Normal นั้นจะยังคงมีการปรับเปลี่ยนอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งคนทำงานทุกคนยังคงต้องเตรียมพร้อมพัฒนาตนเองเพื่อให้สามารถแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ได้ในทุกสถานการณ์โดยเฉพาะในการของการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่และรูปแบบการทำงานใหม่ที่สามารถช่วยให้งานก้าวไปข้างหน้าได้ ที่สำคัญคือการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคร้ายด้วย