วิธีผ่อนคลายจากออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

ในสังคมที่เร่งรีบและโลกที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนต้องเร่งจังหวะชีวิตของตัวเองตามไปด้วย ยิ่งในคนวัยทำงานด้วยแล้วยิ่งมักจะทำงานจนลืมดูแลสุขภาพ พอเวลาผ่านเลยไปจึงได้พบว่า ตัวเองได้ของแถมจากการทำงานเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมไปเสียแล้ว 

ออฟฟิศซินโดรมเป็นอย่างไร

ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด เนื่องจากมีการใช้งานกล้ามเนื้อแบบเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยในบริเวณ คอ ไหล่ หลัง บ่า แขนหรือข้อมือ ดังนั้น หากการทำงานของคุณมักอยู่ในรูปแบบนั่งโต๊ะ หรือจัดโต๊ะไม่เหมาะสม จ้องคอมนานและไม่ค่อยลุกไปไหนมากนัก เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวโดยเฉพาะในบริเวณที่กล่าวมา ยินดีด้วยคุณได้รับของขวัญยอดฮิตจากการทำงานแล้ว

วิธีการผ่อนคลายจากออฟฟิศซินโดรม

สำหรับใครที่มีกิจวัตรการนั่งท่าเดิมหรือยืนท่าเดิมนานๆ ไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทางหรือกิจกรรมสักเท่าใดนัก ซึ่งอาจจะเริ่มมีอาการปวดเมื่อยมาบ้างหรือบางคนที่รู้ตัวว่าเป็นออฟฟิศซินโดรมอยู่แล้ว สามารถใช้วิธีการเหล่านี้ในการผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายระหว่างการทำงานของคุณได้ โดยเรารวบรวมมาให้ทั้งหมด 7 ข้อด้วยกัน มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

พักสายตาเป็นระยะ

ออฟฟิศซินโดรมอาจสะสมในขณะที่นั่งจ้องจอคอม หรือก้มหน้าอ่านหนังสือ เพราะคนเรามักจะมีการเกร็งกล้ามเนื้อตาโดยอัตโนมัติแถมบางคนอาจจะต้องเพ่งสักเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นบางคนถึงกับตั้งใจมากจนลืมกะพริบตา ทำให้เกิดผลเสียกับตามากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ขณะที่จ้องคอมฯ มักมีการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอไปด้วยทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยที่คอและบ่าได้ จึงควรพักสายตาหันคอไปด้านอื่นๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง

ลุกขึ้นเดินระหว่างวันบ้าง

การเปลี่ยนท่าทางเป็นวิธีการหนึ่งที่ป้องกันออฟฟิศซินโดรมได้ดี เพราะการนั่งในท่าทางเดิมนานๆ จะทำให้มีการใช้กล้ามเนื้ออยู่ที่เดิมซ้ำๆ ตามไปด้วย การเดินเล่นไปรอบๆ โต๊ะทำงานหรือเดินไปเพื่อดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายของผ่อนคลายจากความเครียดของงานและท่าทางได้ทั้งยังเป็นวิธีที่ทำให้เราได้เห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ และสภาพแวดล้อมในการทำงานอีกด้วย

ปรับท่านั่งให้ถูกวิธี

ท่าทางการนั่งมีผลอย่างมากสำหรับการเป็นออฟฟิศซินโดรมเพราะว่าคนวัยทำงานมักจะนั่งอยู่ในท่าเดิมทั้งยังเป็นการนั่งที่ทำร้ายกล้ามเนื้อหลัง คอ บ่าและไหล่อีกด้วย การนั่งที่ถูกวิธีนั้นจะต้องทำให้หน้าจออยู่ในระดับสายตาและมีระยะห่างราว 1 ไม้บรรทัด ระดับความสูงของเก้าอี้ควรทำให้สามารถนั่งได้อย่างสบายไม่งอเข่าและเท้าวางกับพื้นได้ ความสูงของโต๊ะจะต้องพอดีไม่ทำให้เราต้องงอแขนหรือเกร็งแขนในการใช้เม้าส์หรือคีย์บอร์ด

ดื่มน้ำให้มากและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

น้ำเป็นส่วนสำคัญของร่างกายโดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่นั่งอยู่กับที่เพราะพวกเขามักจะลืมดื่มน้ำระหว่างวันทำให้กล้ามเนื้อประสบกับภาวะขาดน้ำและได้รับบาดเจ็บง่ายในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นคนทำงานหลายคนมักาาเลือกการกินอาหารโดยเน้นความสะดวกรวดเร็วซึ่งมักเป็นอาหารที่ให้น้ำตาล แป้งและไขมันเป็นหลักทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูจากโรคออฟฟิศซินโดรมได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม

สภาพแวดล้อมการทำงานจะมีผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจในการทำงานช่วยทำให้จิตใจเกิดความผ่อนคลายซึ่งจะส่งต่อไปยังร่างกายได้เช่นกัน โดยสามารถใช้ช่วงเวลาที่ลุกขึ้นเดินมาหยิบจับจัดเก็บของที่รกและอยู่ไม่เป็นที่สักนิดจะช่วยให้จิตใจและความคิดที่วุ่นวายได้จัดเรียงได้ง่ายมากขึ้นตามไปด้วย นับเป็นสิ่งที่ส่งผลทางอ้อมให้ร่างกายผ่อนคลายจากอาการออฟฟิศซินโดรม

พาตัวเองไปนวดผ่อนคลาย

กล้ามเนื้อที่แข็งตึงมาทั้งวันตลอดสัปดาห์แล้วก็ควรได้รับการปรนนิบัติอย่างผ่อนคลายบ้าง ดังนั้น เราจะได้เห็นมนุษย์เงินเดือนคนทำงานมากมายมักให้รางวัลกับตัวเองด้วยการไปนวดแผนไทยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดกันอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากจะเป็นการให้รางวัลกับตัวเองแล้ว ยังช่วยคลายกล้ามเนื้อให้ห่างไกลจากออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การนั่งทำงานนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวอยู่ในท่าเดิมนานตามไปด้วย แต่หากเราออกกำลังกายอยู่เสมอ กล้ามเนื้อที่อ่อนแอเพราะไม่มีการขยับได้รับการฝึกฝนจนแข็งแกร่งแล้วย่อมช่วยบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมได้อย่างแน่นอน ดังนั้น หากเป็นไปได้เราควรมีการออกกำลังกายทุกวัน หรืออาจจะเริ่มจากการทำกายบริหารเบาๆ ก่อนค่อยขยับมากขึ้นไป

อาการออฟฟิศซินโดรม เป็นอาการที่เกิดจากการสะสมพฤติกรรมที่ไม่ดูแลร่างกาย เคร่งเครียดกับการทำงานอยู่ตลอดเวลาจนลืมการดูแลตัวเอง เชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากได้ของขวัญอย่างอาการปวดหลัง ปวดไหล่ มาตั้งแต่ยังไม่แก่ชรากันอย่างแน่นอน ดังนั้น อย่าลืมดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากออฟฟิศซินโดรมกันด้วย