เตรียมตัวสัมภาษณ์งานเรื่องใหญ่… สัมอย่างไรให้โดนใจ HR!

เมื่อได้รับการแจ้งให้ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทแล้วก็ทำให้หลายคนต้องกังวลกับการพบเจอกันในครั้งแรกว่าจะสามารถสร้างความประทับใจได้อย่างเต็มที่หรือไม่ ยิ่งการสัมภาษณ์ที่จะมีการประเมินว่าเหมาะสมกับการเข้าทำงานหรือไม่ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนตื่นเต้นและกังวลกันมากขึ้นไปอีกว่าควรจะเตรียมพร้อมอย่างไรให้สัมภาษณ์ได้อย่างตรงใจ HR 

วันนี้ JOBCAN จึงได้เอาเทคนิควิธีการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สัมภาษณ์ได้อย่างโดนใจ และได้รับโอกาสในการทดลองงานในที่สุด โดยวิธีการเตรียมตัวนี้มีเพียง 7 วิธีง่ายๆ เท่านั้น เชื่อว่าทุกคนสามารถเตรียมพร้อมได้อย่างแน่นอน มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

เตรียมตัวและเอกสารให้พร้อม

ในการสัมภาษณ์งานนั้นนับเป็นการนำเสนอความสามารถของผู้ถูกสัมภาษณ์ทางหนึ่ง และยังเป็นการประเมินถึงนิสัย ความรับผิดชอบและแนวความคิดในการทำงานและใช้ชีวิตในเบื้องต้นอีกด้วย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมในเรื่องเอกสารส่วนตัวและการนำเสนอผลงานจึงเป็นจุดหนึ่งที่ต้องลิสต์เอาไว้และเช็คอย่างน้อย 2 รอบเพื่อความแน่ใจว่าเอกสารและผลงานทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมอยู่ในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว หรือใครที่ใช้วิธีการฝากไฟล์ไว้บนคลาวด์หรือบนเว็บไซต์ก็อย่าลืมเข้าไปตรวจเช็คว่าสามารถเปิดดูได้อยู่

ศึกษาบริษัทหรือองค์กรที่จะไปสัมภาษณ์

“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ยังคงใช้ได้ในปัจจุบันแม้จะไม่ใช่การทำสงครามแต่ในยุคที่ทุกอย่างรายล้อมไปด้วยข้อมูลนี้ การหาข้อมูลรายละเอียดของบริษัทหรือองค์กรที่จะไปสัมภาษณ์นั้นไม่ใช่เรื่องยากมากนักทั้งยังจะช่วยให้สามารถตอบคำถามได้อย่างตรงจุดมากขึ้น นำเสนอผลงานหรือความสามารถที่ตรงกับความต้องการขององค์กรได้ด้วย และที่สำคัญยังทำให้องค์กรประทับใจในความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกันอีกด้วย 

จัดเตรียมชุดให้เหมาะสม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการตัดสินผู้คนจากภายนอกนั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทุกคนและทุกองค์กรต่างทำกันทั้งนั้นเพราะการเลือกเสื้อผ้าและการดูแลตัวเองให้ดูเหมาะสมเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงความรับผิดชอบของผู้สมัครได้เป็นอย่างดี ซึ่งในวันสัมภาษณ์ควรมีการแต่งกายที่เหมาะสม โดยผู้ชายควรสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงแสลคขายาวพร้อมกับรองเท้าหนังในการสัมภาษณ์ และผู้หญิงควรสวมชุดสุภาพเช่น เสื้อเชิ้ต กางเกงขายาวหรือกระโปรง หรือชุดเดรสพร้อมกับรองเท้าหุ้มส้นอย่างรองเท้าหนังหรือคัตชู เป็นต้น

ศึกษาผลงานของบริษัทและ Job Description

การคัดเลือกความสามารถของผู้สมัครเพื่อร่วมงานกันนั้น บางครั้งอาจไม่ได้วัดกันที่ความสามารถเสมอไป แต่ยังดูที่สไตล์ของการทำงาน แนวทางหรือความพิเศษเฉพาะทางบางอย่างที่ตรงกับผลงานของบริษัท ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถพบเจอได้ใน Job Description ดังนั้น จึงควรทำการศึกษาถึงผลงาน แนวทางการทำงานและหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมายว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ตรงกับความสามารถของผู้สมัครหรือไม่ ที่สำคัญการเตรียมพร้อมในเรื่องนี้ยังช่วยให้สามารถพิจารณาถึงแนวทางการเติบโตในอาชีพการงานได้เลยว่าจะตรงกับเป้าหมายขององค์กรหรือไม่ ซึ่งเป็นส่วนที่องค์กรหรือบริษัทเองก็ให้ความสำคัญอย่างมากเช่นกัน

จำลองคำถามล่วงหน้า

ความตื่นเต้นก่อนวันสัมภาษณ์งานนั้นส่วนมากแล้วมักเกิดจากความตื่นเต้นประหม่าซึ่งอาจทำให้สมองไม่แจ่มใสจนตอบคำถามได้ไม่ดีพอ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการจำลองเหตุการณ์คำถามหรือสถานการณ์การนำเสนอเอาไว้ในหัว โดยเฉพาะกับคำถามต่างๆ ที่สามารถคาดเดาได้ว่าฝ่าย HR จะมีคำถามอย่างไรบ้าง เช่น เป้าหมายการทำงานของคุณคืออะไร หรือ ทำไมบริษัทจึงควรรับคุณเข้าทำงาน เป็นต้น ดังนั้นการเตรียมคำตอบเอาไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้ช่วงเวลาของการสัมภาษณ์มีความกดดันน้อยลงและยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้ด้วย

ทบทวนแผนการเดินทาง

สิ่งสำคัญของการสัมภาษณ์งานอยู่ที่เฟิร์สอิมเพรสชั่นหรือความประทับใจแรก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะทำพังด้วยการมาสาย โดยเฉพาะเมืองที่ต้องเผื่อเวลาการเดินทางให้มากสักหน่อยอย่างกรุงเทพฯ ด้วยแล้วการเดินทางเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนให้รอบคอบทีเดียว สำหรับใครที่ไม่เคยเดินทางไปบริษัทหรือสถานที่สัมภาษณ์มาก่อน แนะนำให้ลองเดินทางเพื่อจับเวลาดูสักครั้ง จะแม่นยำกว่าและทำความเข้าใจถึงอุปสรรคในการเดินทางได้มากกว่าการใช้แอปจำลองการเดินทาง จากนั้นก็วางแผนการเดินทางล่วงหน้าให้เรียบร้อย เท่านี้ก็ช่วยลดความผิดพลาดในเรื่องง่ายๆ อย่างมาสายลงได้แล้ว

เตรียมใจให้พร้อม

หลายคนเตรียมความพร้อมกันมาอย่างดีแต่กลับลืมเตรียมใจของตัวเองให้พร้อมด้วย ทำให้เข้าสัมภาษณ์ด้วยความรู้สึกตื่นเจ้น ไม่สงบนิ่งจนตอบคำถามได้ไม่ดีพอ อะไรที่เตรียมมาจึงล่มไม่เป็นท่า ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่การเตรียมใจให้พร้อมนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งการสัมภาษณ์กับบริษัทที่ชื่นชอบและอยากทำงานด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปอีก แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้

การเตรียมใจให้สามารถระงับความตื่นเต้นได้นั้นทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจกับวัตถุประสงค์และความต้องการของตัวเอง ไปพร้อมกับคิดถึงเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับหาวิธีรับมือไปพร้อมกัน เช่น การไปสัมภาษณ์งานเป็นเพราะต้องการให้องค์กรได้รับรู้ถึงความสามารถของเรา พร้อมกับเงื่อนไขความต้องการของเรา เพราะนี่คือการพิจารณาจากทั้งสองฝ่าย ไม่เพียงองค์กรที่ต้องพิจารณาผู้ถูกสัมภาษณ์ แต่ยังเป็นผู้ถูกสัมภาษณ์พิจารณาองค์กรด้วยเช่นกัน ซึ่งหากไม่ตรงใจ สิ่งที่ต้องทำก็คือ หางานที่ใหม่ เป็นต้น

การสัมภาษณ์เป็นด่านหนึ่งที่องค์กรต้องการทำความรู้จักกับผู้สมัครก่อนจะรับเข้าทำงาน ซึ่งเป็นการประเมินเบื้องต้นถึงหลากหลายด้าน และยังเป็นการพูดคุยเพื่อรับรู้เงื่อนไขในการทำงานจากทั้งสองฝ่ายด้วย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมให้เต็มที่จึงเป็นหนึ่งในการแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่ผู้สมัครพึงมีให้กับองค์กร เพื่อแสดงออกถึงความต้องการร่วมงานกัน หวังว่าการสัมภาษณ์ของทุกคนจะผ่านไปด้วยดี