Digital footprint สำคัญกับ HR ในการคัดเลือกพนักงานอย่างไร?

Digital footprint สำคัญกับ HR ในการคัดเลือกพนักงานอย่างไร?

การคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะแม้ว่า HR จะคัดเลือกมาอย่างดีเพียงใดก็ยังคงมีส่วนที่มองไม่เห็น รับรู้ผ่านการพบหน้า สัมภาษณ์ไม่ได้ การรับพนักงานใหม่จึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสำหรับองค์กรอย่างหนึ่งเลยทีเดียว เพื่อหาวิธีลดความเสี่ยงนั้น HR จึงต้องหาวิธีการช่วยคัดเลือกซึ่งในยุคดิจิตอลแบบนี้ การดูตัวตนในโลกออนไลน์หรือ Digital Footprint จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่ได้ผลดีทีเดียว วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอความสำคัญของ Digital Footprint ที่ HR สามารถนำเอาให้ประโยชน์ได้นั้นจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ทำความรู้จักกับ Digital Footprint Digital Footprint คือร่องรอยที่เราทิ้งเอาไว้เมื่อมีการเข้าใช้งานโลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเว็บไซต์ การโพสแสดงความคิดเห็นหรือแสดงความรู้สึกล้วนทิ้งร่องรอยที่สามารถตามดูได้เสมอ ทำให้สามารถติดตามได้ว่าตัวตนอีกด้านหนึ่งของผู้สมัครเป็นอย่างไรบ้าง นับเป็นประวัติอีกด้านหนึ่งได้เลย ซึ่งร่องรอยนี้กลายเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการตรวจสอบ ค้นหาและคัดเลือกความสามารถของหลายกรณี ไม่เว้นกระทั่งการคัดเลือกพนักงานที่มีศักยภาพและมีเป้าหมายเดียวกันกับที่องค์กรต้องการด้วยเช่นกัน Digital Footprint สำคัญอย่างไร Digital Footprint หรือรอยเท้าดิจิตอลนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจสอบพฤติกรรมเพราะสามารถทิ้งร่องรอยทั้งแบบที่เกิดจากความตั้งใจหรือที่เรียกว่า Active Digital Footprint และแบบที่ไม่ตั้งใจหรือ Passive Digital Footprint ซึ่งร่องรอยเหล่านี้สามารถติดตามพฤติกรรมและตรวจสอบได้ว่าเป็นใคร แน่นอนว่าสามารถตรวจสอบลึกลงไปได้มากเท่าที่ต้องการ ที่สำคัญคือไม่สามารถขจัดทิ้งได้ จึงทำให้ Digital Footprint เป็นสิ่งที่หลายองค์กรให้ความสนใจ HR […]

แนวทางปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิตอลด้วย Digital Transformation

แนวทางปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคดิจิตอลด้วย Digital Transformation

ในแต่ละยุคสมัยจะมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไปซึ่งรูปแบบการทำงานเหล่านี้นั้นจะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและวิถีชีวิตของผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งในยุคที่เราโดนบีบบังคับเร่งเร้าจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด การพัฒนาของเทคโนโลยีหรือสภาวการณ์ของโลกก็ตาม ช่วงเวลาแบบนี้ทำให้เราต้องเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านอีกครั้งอย่างรวดเร็ว นั่นคือการก้าวเข้าสู่ Digital transformation หลายคนคงสงสัยกันว่า Digital Transformation คืออะไรกันแน่ วันนี้ JOBCAN จึงมาไขข้อสงสัยว่า Digital Transformation คืออะไร แล้วมีความสำคัญอย่างไรบ้าง ทำความรู้จักกับ Digital Transformation Digital Transformation คือการนำเอาเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการซึ่งจะตรงตามความหมายคือการเปลี่ยนแปลง (Transformation) เข้าสู่ยุคดิจิตอล (Digital) นับเป็นการเปลี่ยนทั้งกระบวนการทำงานให้เข้าสู่ระบบดิจิตอล ลดความผิดพลาดของมนุษย์และลดต้นทุนเพราะทุกอย่างเข้าสู่รูปแบบดิจิตอลพร้อมกับปรับโมเดลธุรกิจให้สามารถเพิ่มประสบการณ์ทางดิจิตอลให้กับลูกค้าได้คุณค่าใหม่ๆ และความสะดวกสบายที่มากขึ้น ความสำคัญของ Digital Transformation Digital Transformation นั้นเป็นเรื่องที่สมควรต้องทำอย่างยิ่งสำหรับในโลกธุรกิจเพราะการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทุกอย่างนี้จะช่วยให้ต้นทุนในการบริหารทรัพยากรควบคุมได้ง่ายมากขึ้นและยังใช้ทรัพยากรน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา แรงงานหรือทรัพยากรด้านอื่นๆ เช่นกระดาษ หมึกพิมพ์ เครื่องเขียนอื่นๆ เป็นต้น โดยส่วนงานทั้งหมดจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้นพร้อมกับการดำเนินโดยพึ่งพาระบบดิจิตอลเข้าช่วยในการดูแลงานด้วย ทำให้ความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์มีน้อยลง สามารถนำเอาทรัพยากรที่มีไปลงทุนกับส่วนงานที่ให้ผลตอบแทนสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้มากขึ้น ปัจจัยสำคัญในการเข้าสู่ Digital Transformation การเข้าสู่ช่วง Digital Transformation นั้นบริษัทจะต้องเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานทั้งหมด แต่ยังมีปัจจัยหลักที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสู่ Digital […]

เขียน Resume อย่างไรให้โดนใจ HR!

เขียน Resume อย่างไรให้โดนใจ HR!

Resume นั้นเรียกว่าเป็นด่านแรกในการแสดงตัวตนให้กับบริษัทได้เห็นว่าเรามีความน่าสนใจอย่างไรบ้างบนพื้นที่กระดาษ A4 จำนวน 1-2 หน้านี้จะทำการนำเสนอตัวตนของผู้สมัครเบื้องต้น ซึ่งเรียกว่าเป้นด่านสำคัญที่สุด หากสร้างความน่าสนใจไม่มากพอจะทำให้โอกาสที่จะได้เข้าสู่รอบถัดไปเป็นไปได้ยากแล้ว  วันนี้ JOBCAN จึงมาบอกเคล็ดลับการเขียน resume ว่าควรจะต้องเขียนอย่างไร ให้โดนใจ hr  ข้อมูลสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการเขียน resume  การเขียน resume คือการแนะนำตัวเองเบื้องต้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใส่ข้อมูลพื้นฐานของผู้สมัครให้ครบถ้วน เพื่อให้ hr สามารถพิจารณาได้ หากใส่ข้อมูลส่วนนี้ไม่ครบย่อมถูกปัดตกอย่างแน่นอน ข้อมูลส่วนตัว สำหรับการเขียน resume นั้นการบอกข้อมูลส่วนตัวเป็นการแนะนำให้ hr สามารถทำความเข้าใจกับตัวตนของเราได้คร่าวๆ ว่ามีชื่ออะไร เรียนจบจากที่ใด ซึ่งข้อมูลส่วนตัวบางอย่างอาจสร้างความน่าสนใจให้กับการสมัครงานในบางตำแหน่งได้ เช่น เป็นคนชอบแต่งหน้า มาสมัครเป็นนักรีวิวเครื่องสำอางค์ เป็นต้น ทักษะและความสามารถ นี่คือสิ่งสำคัญมากในการเขียน resume เพราะสิ่งที่ hr ให้ความสนใจคือทักษะที่เราเคยเรียนรู้หรือได้ใช้มานั้นมีอะไรบ้าง เป็นทักษะที่บริษัทต้องการหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น soft skill หรือ hard skill ก็ตาม ซึ่งบางครั้งทักษะความสามารถบางอย่างของเราอาจตรงกับความต้องการของบริษัทพอดี ก็สามารถได้เข้ามาสัมภาษณ์กันต่อ ดังนั้นจึงควรเขียนทักษะต่างๆ […]

หลักการ 7c คืออะไร ทริคการสื่อสารให้ประสบความสำเร็จ

หลักการ 7c คืออะไร ทริคการสื่อสารให้ประสบความสำเร็จ

หากกล่าวถึงทักษะการสื่อสารแล้วหลายคนอาจไม่มั่นใจเท่าใดนักว่าทำได้ดีหรือไม่ แต่ในการใช้ชีวิตนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยคนที่มีทักษะการสื่อสารที่ดีนั้นย่อมได้เปรียบมากกว่า โดยจะเห็นได้ว่าการสื่อสารที่ดีสามารถสร้างประสิทธิภาพการทำงานได้มากกว่าและยังพาองค์กรไปได้ไกลมากกว่า ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าหลายองค์กรที่ประสบความสำเร็จนั้นมีเทคนิคการสื่อสารภายในองค์กรที่ดี วันนี้ JOBCAN จึงนำเอาทริคการสื่อสารซึ่งมีองค์ประกอบ 7 อย่างด้วยกันมาฝาก แต่ก่อนอื่นเรามาดูความสำคัญในการสื่อสารว่าทำไมองค์กรควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้กัน เหตุผลที่องค์กรควรให้ความสำคัญกับการสื่อสาร เราจะเห็นได้ว่ามีหลายองค์กรที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่บางองค์กรที่มีความคิดหรืออุดมการณ์ที่ดีกลับไปได้ไม่ไกลนัก ส่วนหนึ่งย่อมเป็นเพราะการสื่อสารที่ไม่ดีพอจะทำให้พนักงานหรือคนในองค์กรได้เข้าใจว่าทิศทางขององค์กรจะไปทางใด หรือกล่าวอีกอย่างคือพนักงานไม่ได้เข้าภาพรวมถึงสิ่งที่เห็นไปในทางเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหาในการทำงานและอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าลูกน้อง ได้เช่นกัน หลักการ 7C องค์ประกอบความสำเร็จในการสื่อสาร การสื่อสารนั้นไม่ได้จำกัดเพียงการพูดเท่านั้นแต่ยังเป็นเรื่องของการนำเสนองาน การเขียน การออกความคิดเห็นและอื่นๆ อีกมากมาย แต่เราสามารถใช้หลักการเดียวกันในการพัฒนาให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ โดยเป็นหลักการ 7C ดังนี้ ชัดเจน (Clear) ความสำคัญของการสื่อสารคือการทำให้ทุกคนเข้าใจตรงกันอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่สื่อสารออกมานั้นมีใจความสำคัญอย่างไร โดยไม่จำเป็นต้องนำไปตีความหรือทำให้เกิดการตีความไปเป็นอย่างอื่นได้ ดังนั้นผู้สื่อสารควรเรียบเรียงสารของตนให้ตรงกับเป้าหมายในการสื่อสารอย่างชัดเจนที่สุดเสียก่อน ถูกต้อง (Correct) ความถูกต้องของข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากเพราะหากข้อมูลที่สื่อสารออกไปผิดพลาดหรือไม่ใช่ข้อเท็จจริงจะส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของผู้สื่อสารลดลงและความเคลือบแคลงกังขาในสารของผู้สื่อสารนั้น ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ ครบถ้วน (Complete) ในแต่ละการสื่อสารจะมีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการจะสื่อออกไปให้ผู้รับสารรับทราบ โดยสำหรับ 7C ในหลักความครบถ้วนนี้ การสื่อสารจะต้องมีข้อมูลครบถ้วนเพื่อให้เกิดผลตามเป้าหมาย ไม่ให้ผู้รับสารเกิดความสงสัย เพราะการมีข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้การตัดสินใจเกิดความรอบคอบมากขึ้นได้ หนักแน่นมีสาระ (Concrete) หลักการ 7C ว่าด้วยความหนักแน่นมีสาระนี้หมายถึงการเฉพาะเจาะจงเรื่องที่ต้องการสื่อสาร โดยไม่ควรสื่อสารเรื่องราวให้กว้างเกินไปจนจับประเด็นไม่ได้ เน้นความหนักแน่นมีการยกเหตุผลข้อมูลเข้ามาประกอบอย่างจริงจังเพื่อเพิ่มความมีสาระของเนื้อหาและความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วย กระชับ […]

บริษัทควรเตรียมตัวอย่างไร ก่อนให้พนักงานกลับมา work on site

บริษัทควรเตรียมตัวอย่างไร ก่อนให้พนักงานกลับมา work on site

สถานการณ์โรคระบาดอย่างโควิด-19 ยังคงมีการระบาดอยู่บ้างแต่ก็นับได้ว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว หลายคนได้รับวัคซีนแล้วจึงทำให้หลายองค์กรเริ่มพิจารณาการกลับมาทำงาน on site หรือกลับมาเข้าบริษัทเหมือนเดิม แม้ว่าสถานการณ์จะดูเหมือนดีขึ้นแต่การระบาดของโรคก็ยังคงอยู่ มีเพียงความรุนแรงที่ลดลง ด้วยสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังกันแบบนี้ บริษัทควรเตรียมความพร้อมให้พนักงานกับมาทำงาน on site อย่างไรได้บ้าง  วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอ 4 ข้อที่ควรทำเพื่อให้องค์กรสามารถเรียกพนักงานกลับมาโดยลดความเสี่ยงลงได้บ้าง  เพิ่มมาตรการการรักษาความสะอาดและการฆ่าเชื้อ สิ่งสำคัญเมื่อมีการเกิดโรคระบาดคือการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะกับโควิดที่สามารถแพร่เชื่อได้ง่ายผ่านทางการหายใจและการสัมผัส ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องความสะอาด สุขอนามัยที่ดี และยิ่งไปกว่านั้น จะต้องเพิ่มกระบวนการฆ่าเช้อเข้ามาด้วย โดยปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีที่สามารถตั้งเวลาการพ่นยาฆ่าเชื้อได้ อีกสิ่งหนึ่งที่บริษัทสามารถเตรียมความพร้อมได้คือการสร้างข้อตกลงระหว่างพนักงานบริษัทเพื่อลดความเสี่ยงด้านต่างๆ เช่นการดูแลอุปกรณ์ส่วนกลาง สร้างกฎการอยู่ร่วมกันในบริษัท และอาจมีการนำเอาเทคโนโลยีตัวช่วยต่างๆ เข้ามาช่วยงานเช่นการไลฟ์สด การใช้วิดีโอหรือเครื่องมือต่างๆ แทนการพบหน้าหรือสัมผัสกัน แบ่งกลุ่มการทำงานเพื่อรักษาระยะห่าง การเข้าทำงานแบบ on site ทั้งหมดพร้อมกันในบริษัทอาจเป็นความเสี่ยงที่มากเกินไป บริษัทสามารถแบ่งพนักงานออกเป็นกลุ่มโดยจัดวันหรือเวลาให้เข้ามาทำงานแบบ on site ไม่พร้อมกัน เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างพนักงานให้มากขึ้นและลดความหนาแน่นในองค์กร ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้สามารถประสานงานได้ง่ายกว่าการทำงานรูปแบบ Work from home ได้ แต่ยังคงลดความเสี่ยงของการติดโรคได้ด้วย ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อลดการสัมผัส การทำงานในรูปแบบเก่าเน้นการกระทำเป็นสำคัญซึ่งเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ตลอดเวลาอย่างเช่นการเข้างาน การเดินเอกสาร เป็นต้น ซึ่งกลายเป็นการสร้างความเสี่ยงให้กับร่างกายไปแล้วในปัจจุบัน […]

4 ความท้าทายกับการเป็น HR สาย Payroll

4 ความท้าทายกับการเป็น HR สาย Payroll

ค่าตอบแทนนับเป็นวัตถุประสงค์หลักในการทำงานของพนักงานทุกคนเลยทีเดียว HR ที่รับหน้าที่เกี่ยวกับค่าตอบแทนจึงต้องทำงานให้รอบคอบมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ทำให้ Hr สาย payroll ต้องรอบคอบมากขึ้น หรืออาจมองหาตัวช่วยที่จะแบ่งเบาหน้าที่ให้เกิดความผิดพลาดได้น้อยลง แต่ตัวช่วยแบบใดกัน ที่จะทำให้ความท้าทายของ Hr สาย payroll นั้นทำงานได้สะดวกขึ้นบ้าง วันนี้ Jobcan จึงนำเอา 4 ความท้าทายที่ hr payroll จะต้องเผชิญแล้วเราควรเลือกตัวเลือกอย่างไรบ้าง hr payroll ต้องเก็บครบทุกรายละเอียด หน้าที่หนึ่งของ hr payroll คือการคำนวณวันเวลาในการทำงานของพนักงานทุกคนในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเข้างานปกติ การทำงานล่วงเวลา หรือการลาหยุด ลาป่วยก็ตาม hr payroll จะต้องนำมาคิดคำนวณทั้งหมดเพื่อนำไปคิดเงินเดือนต่อไป นับเป็นงานที่กินเวลาอย่างมากทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาอีกอย่างที่ hr payroll จะต้องเผชิญคือความน่าเชื่อถือของบันทึกเวลาการทำงานเพราะการบันทึกเวลาอย่างการตอกบัตรนั้นสามารถทำแทนกันได้ ทำให้ต้องหาวิธีตรวจสอบให้แน่ชัดอยู่เสมอ สำหรับงานที่กินเวลาและมีปัญหาในด้านความน่าเชื่อถือแบบนี้ ทำให้ hr payroll ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้เกิดความยุติธรรมทั้งสำหรับองค์กรและพนักงาน แต่หากเราสามารถใช้ตัวช่วยที่มีความน่าเชื่อถือในการบันทึกเวลาเฉพาะบุคคลเช่นการสแกนใบหน้า การสแกนลายนิ้วมือหรือการใช้ E-signature ที่สามารถเชื่อถือได้ในการยืนยันตัวตนเพื่อเข้างานพร้อมกับมีการคำนวณเวลาโดยอัตโนมัติ ปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขได้แล้ว […]

Mobile Application กับ Web Application แตกต่างกันอย่างไร?

Mobile Application กับ Web Application แตกต่างกันอย่างไร?

ในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะกับการใช้งานในองค์กรนั้นย่อมมีทางเลือกต่างๆ มาให้เหล่า Hr ต้องพิจารณาโดยเฉพาะกับแอปตอกบัตรซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการบริหารองค์กรต่างๆ ทำให้ Hr จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย  โดยวันนี้ JOBCAN จะมานำเสนอข้อมูลที่เก่ยวกับแอปตอกบัตรที่ Hr จะต้องเลือกสรรให้เหมาะสมกับองค์กร นั่นคือการใช้แอปตอกบัตรแบบ Moblie Application หรือการใช้แอปตอกบัตรแบบ Web application จะดีกว่ากัน Mobile Application สำหรับแอปตอกบัตร เรามาทำความรู้จักกับ Mobile Application กันก่อน นั่นคือซอฟต์แวร์ที่เน้นการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต มีการออกแบบฟังก์ชันการใช้งานให้สะดวกสบายมากขึ้น อย่างที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือระบบซื้อของออนไลน์ ระบบสั่งอาหารออนไลน์ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วองค์กรที่ใช้ Mobile App จะเป็นองค์กรที่พัฒนาขึ้นมาเองมากกว่าเพราะต้องทำความรู้จักผู้ใช้งานและมีการปรับปรุงพัฒนาระบบอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดตามมา ดังนั้นสำหรับ Hr Application แล้ว การมีแอปตอกบัตรติดมือถือก็เป็นเรื่องที่สะดวกสบายผู้ใช้งานอย่างพนักงานในบริษัทเพียงแต่ด้วยระบบงานที่มีความสำคัญอาจทำให้ต้นทุนในการสร้างแอปตอกบัตรนี้ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย จึงเหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า Web Application สำหรับแอปตอกบัตร สำหรับ Web Application นั้นคือการนำ Application ขึ้นมาเปิดบนเว็บไซต์ผ่านบราวเซอร์ต่างๆ ได้เลยจึงสามารถใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีการติดตั้ง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายอุปกรณ์เรียกว่าทุกอุปกรณ์ที่สามารถเปิดบราวเซอร์ได้สามารถใช้งาน Web Application […]

บทบาท HR ยุคใหม่ที่ควบคู่ไปกับบริการ HR mobile

บทบาท HR ยุคใหม่ที่ควบคู่ไปกับบริการ HR mobile

กาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้การทำงานหลายอย่างต้องปรับตัวและยังทำให้วิถีการทำงานเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย หนึ่งในอาชีพที่ต้องปรับตัวตามยุคสมัยให้ทันอยู่เสมอก็คือฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่นอกจากจะดูแลให้การทำงานภายในองค์กรของพนักงานราบรื่นแล้วยังต้องท้าทายด้วยการคิดหาวิธีปรับตัวกับยุคสมัยอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในการปรับตัวที่มาแรงที่สุดในตอนนี้คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลืออย่าง hr mobile hr mobile คืออะไร เป็นที่รู้กันดีว่า hr จะต้องคอยดูแลเรื่องบันทึกเวลาการทำงานของพนักงานเพื่อนำไปคำนวณเงินเดือนโดยจะรวมถึงการลาหยุด ค่าล่วงเวลา และการเบิกค่าใช้จ่ายอื่นๆ สวัสดิการและอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตการทำงานของพนักงานซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหน้าที่อันจำเจของ hr ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยงานให้ hr สามารถเอาเวลาไปพัฒนาองค์กรในด้านๆ ได้มากขึ้น และเรียกกันว่า hr technology hr technology เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานของ hr มีความผิดพลาดน้อยลงและสามารถทำให้เสร็จได้อย่างรวดเร็ว แต่แล้ววิถีการทำงานก็ถูกเร่งให้เปลี่ยนแปลงอีกครั้งทำให้การทำงานของ hr ที่สะดวกสบายมากขึ้นแล้วอาจจะยังสะดวกสบายไม่พอจะตอบโจทย์การทำงานของคนปัจจุบันที่ต้องทำได้ทุกที่ทุกเวลา จึงมีการนำเอา hr technology มาใส่ไว้ในสมาร์ทโฟนและเรียกกันว่า hr mobile hr mobile ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง hr mobile เป็นการย้ายระบบการของ hr มาไว้บนสมาร์ทโฟนเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานของทุกฝ่ายทั้งพนักงานในองค์กร ผู้บริหารและฝ่าย hr เอง โดยจะเน้นให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบได้ง่ายและดูแลในส่วนของตัวเองได้ด้วย โดยจะมี ระบบบันทึกเวลาการเข้า-ออกงาน ระบบการเดินเอกสารภายในองค์กร ระบบการจัดการเงินเดือน เมื่อมี hr mobile […]

ความสำคัญของหนังสือรับรองเงินเดือน

ความสำคัญของหนังสือรับรองเงินเดือน

เรื่องของเงินเดือนนับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นองค์กรหรือพนักงานเองก็ตาม เพราะการทำงานมีเงินเดือนเป็นผลตอบแทนหลักทำให้ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับการกำหนดเงินเดือน ทำให้การรับรองเงินเดือนต้องมีการออกเป็นลายลักษณ์อักษรทั้งยังถือเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการนำไปใช้ทำธุรกรรมและการสมัครงานที่ใหม่ เรียกกันว่า หนังสือรับรองเงินเดือน ซึ่งจะมีข้อแตกต่างจากสลิปเงินเดือน วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอความสำคัญของหนังสือรับรองเงินเดือน ว่าเป็นอย่างไรและมีอะไรที่เราควรรู้บ้าง หนังสือรับรองเงินเดือนคืออะไร หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ Salary Certificate เป็นเอกสารสำคัญที่องค์กรจะออกให้แก่พนักงานโดยต้องเป็นฝ่ายบุคคลหรือเจ้าของกิจการออกเอกสารให้เท่านั้น โดยวัตถุประสงค์หลักในการออกหนังสือรับรองเงินเดือนคือการรับรองค่าตอบแทนในการจ้างงานต่อบุคคลนั้นๆ  ในหนังสือรับรองเงินเดือนจะปรากฎข้อมูลอะไรบ้าง ในหนังสือรับรองเงินเดือนต่างจากสลิปเงินเดือนที่สรุปรายได้สุทธิในแต่ละเดือน ซึ่งอาจจะไม่เท่ากันเพราะมีการหักภาษีหรือมีค่าล่วงเวลาปรากฎได้ โดยหนังสือรับรองเงินเดือนจะต้องปรากฎข้อมูลดังต่อไปนี้ ระบุเอกสารเป็น หนังสือรับรองเงินเดือน อย่างชัดเจน ชื่อ-นามสกุลของพนักงาน ชื่อองค์กร ตำแหน่งงาน วัน/เดือน/ปี ที่เริ่มทำงานถึงวันที่ออกเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือน วันที่ออกเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือน อัตราเงินเดือนโดยไม่รวมผลตอบแทนอื่น วัตถุประสงค์ในการออกเอกสาร ชื่อผู้ออกเอกสาร ตราประทับขององค์กร ข้อควรรู้เกี่ยวกับหนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือนถือเป็นเอกสารสำคัญใบหนึ่ง โดยมีข้อควรรู้ดังนี้ หนังสือรับรองเงินเดือนจะออกโดยองค์กรเท่านั้น เนื่องจากหนังสือรับรองเงินเดือนเป็นเอกสารสำคัญที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายจึงต้องมีการรับรองจากองค์กรเท่านั้น โดยเจ้าของกิจการหรือนายจ้างที่มีอำนาจสูงจะเป็นผู้มอบอำนาจให้กับฝ่ายบุคคลและมีการเซ็นรับรองเอกสารโดยเจ้าของกิจการหรือนายจ้างรับรู้ด้วยจึงจะสามารถนำไปใช้ได้จริง เจ้าของหนังสือรับรองเงินเดือนมีสิทธิ์จะไม่เปิดเผย เมื่อมีการสัมภาษณ์งานที่ใหม่ฝ่ายบุคคลขององค์กรใหม่อาจมีการเรียกขอหนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อทำการประเมินผลตอบแทนให้กับพนักงาน ซึ่งเรามีสิทธิที่จะปฏิเสธการให้ดูได้เช่นกันหากไม่สะดวกเพราะหากยังไม่สิ้นสุดการทำงานจากองค์กรเดิม ฝ่ายบุคคลขององค์กรเดิมก็สามารถปฏิเสธการออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้กับพนักงานได้ หนังสือรับรองเงินเดือนมีอายุการใช้งาน เมื่อองค์กรมีการออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้กับพนักงานแล้วจะมีอายุการใช้งานกำหนดตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานได้ดังนี้ หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อการขอสินเชื่อจะใช้งานได้ 30 วัน หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อการใช้งานเกี่ยวกับราชการ ใช้งานได้ 90 วัน หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อขอวีซ่า ใช้งานได้ […]

ประสิทธิภาพของการทำ           On-boarding ให้กับพนักงานใหม่

ประสิทธิภาพของการทำ On-boarding ให้กับพนักงานใหม่

เชื่อว่าหลายองค์กรย่อมต้องการให้พนักงานใหม่เกิดความประทับใจในองค์กรตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้าทำงาน และเพื่อเป็นการเรียนรู้บรรยากาศวัฒนธรรมองค์กร โดยหวังว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์และความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งเพราะต้องบอกเลยว่าไม่ว่าจะองค์กรใดก็ตามย่อมไม่อยากเสียเวลารับคนเข้ามาในเวลาสั้นๆ เพื่อให้เขาจากไป หลายองค์กรจึงมีการจัด On-boarding ขึ้นนั่นเอง เรามาทำรวามรู้จักกับการทำ On-boarding กัน On-boarding คืออะไร On-boarding คือการจัดโปรแกรมหรือกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาและอบรมพนักงานใหม่ให้รู้จักคุ้นเคยกับองค์กรมากขึ้น สามารถปรับตัวให้เข้าการทำงานและวัฒนธรรมขององค์กรได้ทำให้สามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้ง่ายมากขึ้น  หากกล่าวถึงการทำโปรแกรมต้อนรับพนักงานใหม่แล้วหลายคนอาจนึกถึงการทำปฐมนิเทศ (Orientation) วันแรกของการทำงาน ที่จะมีการแนะแนวการทำงานและจัดการเอกสาร แต่การทำ On-boarding นั้นไม่เหมือนกัน เพราะ On-boarding นั้นไม่ได้ทำเฉพาะตอนที่รับพนักงานใหม่เข้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเหลือให้พนักงานสามารถปรับตัวได้ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าขึ้นอยู่กับแผนของโปรแกรมในแต่ละองค์กรจะกำหนด ข้อดีของการทำ On-boarding การทำ On-boarding ให้กับพนักงานใหม่โดยส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมระยะยาวองค์กรจึงคาดหวังผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าอย่างแน่นอน มีอะไรบ้าง ไปดูกัน ช่วยให้พนักงานใหม่เข้าใจตำแหน่งและหน้าที่การทำงานของตนเอง การเข้าเป็นพนักงานใหม่ในองค์กรไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กก็ตาม หากสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นส่วนใดขององค์กรและงานที่ได้รับมอบหมายนั้นมีส่วนช่วยเสริมความสำเร็จให้กับองค์กรได้อย่างไรบ้าง จะทำให้เข้าใจการทำงานในภาพรวมได้ดีขึ้นและรับรู้จุดประสงค์ของหน้าที่การทำงานได้อย่างชัดเจน ช่วยให้พนักงานสร้างความสัมพันธ์ต่อองค์กรได้ง่าย การทำ On-boarding ให้กับพนักงานใหม่เพื่อให้รู้จักองค์กรย่อมทำให้พนักงานได้สร้างความสัมพันธ์ท้งต่อองค์กร หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงานและยังรู้สึกผูกพันธ์กับการก้าวไปสู่เป้าหมายพร้อมกับองค์กรด้วย เมื่อพนักงานใหม่รู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้นจะทำให้เกิดความจงรักภักดี ปรารถนาดีที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ช่วยให้พนักงานเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรได้ง่ายขึ้น การปรับตัวของพนักงานใหม่เป็นเรื่องที่ท้าทายมากทีเดียวโดยเฉพาะพนักงานใหม่ที่เคยทำงานมาก่อน คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการทำงานของที่อื่นมาก่อนซึ่งอาจทำให้การปรับตัวเพื่อให้เข้ากับองค์กรทำได้ยากขึ้น ดังนั้นการจัดทำโปรแกรม On-boarding จะช่วยให้พนักงานใหม่สามารถเข้าใจรูปแบบของวัฒนธรรมในองค์กรได้ชัดเจนมากขึ้น ตัวอย่างการทำ On-boarding ที่ได้รับความนิยม เรากล่าวถึงประโยชน์ของการจัดทำโปรแกรม […]

ทำอย่างไรให้พนักงานในองค์กรอยู่กับเรานานๆ

ทำอย่างไรให้พนักงานในองค์กรอยู่กับเรานานๆ

การดูแลทรัพยากรมนุษย์ภายในองค์กรให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ นั้นนับเป็นสิ่งท้าทายสำหรับองค์กร โดยเฉพาะกับการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องยากทีเดียว เชื่อว่าแต่ละองค์กรย่อมหาวิธีการรักาาพนักงานที่มีความสามารถเหล่านี้เอาไว้ วันนี้ JOBCAN จึงนำเอาเคล็ดลับเกี่ยวกับการทำให้พนักงานในองค์กรอยู่กับเราให้ได้นานขึ้นมาฝาก นั่นก็คือ Employee engagement ทำความรู้จักกับ Employee Engagement Employee engagement คือการสร้างความมีส่วนร่วมของพนักงานในองค์กร หรือก็คือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับพนักงานให้มีความผูกพันต่อกัน ซึ่งความผูกพันนี้จะทำให้พนักงานต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรไปข้างหน้าตามเป้าหมายที่วางไว้ และความรู้สึกผูกพันนี้จะเพิ่มขึ้นจนพนักงานรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของร่วมเกิดเป็นความจงรักภักดีตามมาในที่สุด วิธีสร้าง Employee Engagement การสร้าง Employee engagement นั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาค่อยๆ สร้างความผูกพันผ่านการมีส่วนร่วมแต่ว่าเราควรสร้างการมีส่วนร่วมอย่างไร ต้องผ่านปัจจัยใดบ้างจึงจะทำให้เกิด Employee engagement ขึ้นได้ เรามาดูกัน สร้างโอกาสผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ต่อเพื่อนร่วมงานนับเป็นการสร้าง Employee engagement วิธีหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจลาออกของพนักงาน ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรสร้างโอกาสให้พนักงานได้ผูกมิตรต่อกัน เพื่อเปิดโอกาสการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นในแผนกเดียวกันหรือต่างแผนกก็ตาม การมีเพื่อนร่วมงานที่เข้ากันได้ดีจะช่วยการทำงานสนุกมากขึ้น และยังช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานอีกด้วย การมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร การได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอะไรบางอย่างย่อมทำให้เกิดความรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้ดีอย่างมาก จึงเป็นหนึ่งในวิธีการสร้าง Employee engagement ซึ่งการมีส่วนร่วมนี้อาจเป็นการออกความคิดเห็น วางเป้าหมายในแผนงานหรือการจัดกิจกรรมที่ให้พนักงานออกมามีส่วนร่วมไปด้วยกัน เมื่อได้เห็นความก้าวหน้าขององค์กรย่อมเกิดเป็น Employee engagement ได้ไม่ยาก ผลตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม การให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับงานที่ได้รับมอบหมายนับเป็นวิธีการสร้าง […]

เมื่อ Gen Z มีวิถีการทำงานที่เปลี่ยนไป.. องค์กรควรรับมืออย่างไร?

เมื่อ Gen Z มีวิถีการทำงานที่เปลี่ยนไป.. องค์กรควรรับมืออย่างไร?

ในตอนนี้โลกของการทำงานไม่ได้มีแค่คนรุ่นเก่าอีกต่อไป.. เมื่อในยุคนี้เด็ก Gen Z หลายๆ คนได้เข้ามาสู่โลกของการทำงานในฐานะ First Jobber ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่องค์กรต่างๆ จะต้องทำความเข้าใจว่าพวกเขาเหล่านั้นมีแนวคิดอย่างไรและให้ความสำคัญกับอะไร รวมถึงอาจมีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง เพื่อที่จะดึงดูดเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาทำงานด้วยกัน เรามาทำความรู้จักกับช่วงอายุในแต่ละ generation กันก่อน เราจะเห็นได้ว่า Gen Z จะมีอายุระหว่าง 10-25 ในขณะนี้ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาของการเรียนจบและเริ่มต้นทำงาน ทำธุรกิจของตัวเอง ในขณะเจนใกล้เคียงคือ Millenials หรือ Gen Y อยู่ระหว่าง 26-41 ปีเป็นประชากรส่วนใหญ่ในองค์กรที่อยู่มาก่อนหน้า มาดูกันว่าคนรุ่นใหม่มีอุปนิสัยและแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานอย่างไร 5 คุณสมบัติของเด็ก Gen Z 1. การเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี เด็ก Gen z เติบโตมากับอุปกรณ์ดิจิตอลตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ทำให้มีความเชี่ยวชาญและความคล่องแคล่วในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว มีการใช้เครื่องมือต่างๆเข้าช่วยจัดการงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ 2. ให้คุณค่ากับงานที่ตัวเองทำ งานที่ Gen z เลือกทำจะไม่ใช่แค่งานที่ทำผ่านๆ เพื่อเลี้ยงชีพเพียงอย่างเดียว แต่มีแนวโน้มที่จะเลือกงานที่จะสามารถเติมเต็มความสุขและคุณค่าของชีวิต […]