Warning Signs Checklist! ถึงเวลาหรือยังที่ควรลาออก?
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา มนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนคงกำลังเผชิญกับปัญหาการทำงานหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป และเนื่องจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงของประเทศจึงทำให้สถานะทางการเงินของหลาย ๆ บริษัทเกิดความไม่มั่นคง มีการจ้างให้ลาออกจากงาน ลดจำนวนพนักงาน ลดเงินเดือน อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการบริหารเพื่อประคับประคองบริษัทให้อยู่รอด
อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นส่งผลให้พนักงานที่ยังเหลือรอดในบริษัทต่างก็พยายามเอาตัวรอดและทนทรมานกับการทำงานแม้จะเป็นงานที่ทำแล้วไม่มีความสุขก็ตาม บ้างก็เพราะไม่อยากตกงาน บ้างก็ไม่อยากออกจาก comfort zone เพราะกลัวจะขาดรายได้ และไม่มีงานใหม่รองรับ ทว่าความคิดเหล่านั้นอาจส่งผลเสียต่อชีวิตการทำงานของคุณในระยะยาวได้เช่นกัน
แน่นอนว่าโมเมนต์การตัดสินใจลาออกจากงานนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กว่าจะมาถึงจุดที่รู้สึกว่า ‘ฉันจะไม่ทน’ ทุกคนต้องผ่านการกัดฟันฝืนทนและบอกตัวเองมากี่ครั้งว่า ‘ช่างมัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป’ แต่การยอมทนเช่นนั้นหากนับวันมันยิ่งทำให้คุณรู้สึกว่าแค่ตื่นมาในตอนเช้าวันจันทร์ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยและไม่อยากตื่นไปทำงานแล้ว บางทีการตัดสินใจลาออกจากงานเดิม ๆ อาจช่วยให้คุณพบเจอกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่า
วันนี้ JOBCAN จึงอยากชวนมนุษย์เงินเดือนที่กำลังเผชิญกับความสับสนและลังเลที่จะลาออกให้มาลองอ่านและสำรวจตัวเองเกี่ยวกับสถานการณ์การทำงาน ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นลาออกจากงานด้วย..
10 สัญญาณเตือน ที่บ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ควรลาออก!
1. เลเวลเต็ม max ปลดล็อกแล้วทุก skills
‘ชอบพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ’ คำพูดนี้คงเป็นคำตอบของใครหลาย ๆ คนที่ใช้ตอบคำถาม HR ในการสัมภาษณ์งาน เพราะทักษะการทำงานที่ดีคือการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือแม้แต่การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองแล้วนำมาปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น แต่หากคุณรู้สึกว่าชีวิตการทำงานของคุณไม่สามารถพัฒนาทักษะหรือความรู้ความสามารถใหม่ ๆ ให้เพิ่มขึ้นได้มากกว่านี้ คงถึงเวลาแล้วที่ต้องพิจารณาหางานใหม่ ๆ ที่ท้าทายความสามารถมากกว่าเดิม
2. โอกาสเติบโตเป็นศูนย์
หากการทำงานของคุณเปรียบเหมือนกับการเดินย่ำอยู่กับที่ การลาออกจากงานเพื่อไปเติบโตในสถานที่ที่เปิดโอกาสการทำงานให้คุณมากกว่าคงเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว เพราะโอกาสการเติบโตในที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่การเลื่อนขั้นหรือการเพิ่มเงินเดือน แต่ยังรวมไปถึงการได้รับผิดชอบดูแลโปรเจกต์ใหม่ ๆ ของทางบริษัทอีกด้วย เพราะหากคุณได้รับหน้าที่ดูแลโปรเจกต์ต่าง ๆ นั่นแสดงถึงความไว้วางใจของหัวหน้าที่มีต่อคุณ ซึ่งหากทบทวนดูแล้วคุณไม่เคยได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้า หรือหากลองขอโอกาสแล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะมีโอกาสเติบโตไปได้ไกลมากกว่านี้ นั่นเป็นสัญญาณชัดเจนที่บอกให้รู้ว่าถึงเวลาแล้วสำหรับการลาออก
3. แค่พูดถึงเรื่องงานก็รู้สึกเหนื่อย
การมีความสุขในการทำงานไม่ได้หมายความว่างานนั้นจะต้องเติมเต็มความสุขหรือความสนุกเสมอไป เพียงแค่คุณรู้สึกสบายใจเวลาทำงานหรือเวลาพูดถึงเรื่องงานให้คนรอบข้างฟังนั่นก็แสดงถึงความสุขในการทำงานแล้ว
ถึงเวลาพักหรือยังนะ
เมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกงาน
เมื่อไหร่จะวันอาทิตย์
แต่หากว่าในหนึ่งวันที่มี 24 ชั่วโมง คุณใช้เวลาจ้องมองนาฬิกาไปแล้ว 25 ชั่วโมง! อีกทั้งยังรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนทำให้คุณเอาแต่คิดว่าเมื่อไหร่ช่วงเวลาที่ไม่ต้องทำงานจะมาถึง นั่นหมายความว่าคุณไม่มีความสุขในการทำงานนั้นอีกต่อไป ทางที่ดีควรหางานใหม่ที่ทำให้คุณไม่รู้สึกเบื่อและท้อใจจะดีกว่า
4. ป่วยจิตกับสภาพแวดล้อมการทำงาน
เพื่อนร่วมงานก็ขี้เมาท์ หัวหน้าก็ไม่เคยเอ่ยชม สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เจอมันแสนจะคนละขั้ว ฉันปวดหัวมากนะ! เมื่อสภาพแวดล้อมการทำงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ยิ่งฝืนอยู่ต่อก็ยิ่งแย่ เพราะสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ (toxic work environment) นั้นส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงาน ซ้ำร้ายยังทำให้ชีวิตการทำงานของคุณเกิดความวุ่นวายและไม่สงบสุขอีกด้วย ดังนั้นถ้าคุณอ่านสัญญาณเตือนข้อนี้แล้วรู้สึกว่า ‘นี่มันสภาพบริษัทฉันชัด ๆ’ ขอแนะนำว่ารีบลาออกจากงานปัจจุบันไปหางานใหม่เพื่อสุขภาพจิตที่ดีดีกว่า หนีได้หนี ออกได้ออก!
5. ไร้ตัวตนในที่ทำงาน
เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่าเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีสิทธิ์มีเสียงและไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็น ไม่มีใครสักคนที่เอ่ยเรียกชื่อคุณเวลาพักทานข้าว และถึงแม้ว่าจะมีแสงไฟรายล้อมมากมายแต่ก็เหมือนว่ามีเพียงความมืดที่โอบล้อมคุณเอาไว้ ถ้าคุณกำลังรู้สึกแบบนี้ แสดงว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้มองคุณเป็นส่วนหนึ่งของทีม จะดีกว่าไหมหากคุณลองหาที่ทำงานใหม่ ๆ กลุ่มคนใหม่ ๆ ที่พร้อมเปิดใจต้อนรับคุณในฐานะพนักงานคนหนึ่งของบริษัทและไม่แบ่งแยกให้คุณต้องรู้สึกโดดเดี่ยว
6. มักระบายความในใจเรื่องงานอยู่เป็นประจำ
ลองหมั่นสังเกตบทสนทนาเรื่องการทำงานของคุณกับคนรอบข้างดูสักนิดว่าถ้อยคำต่าง ๆ ที่คุณกล่าวออกมามักเป็นไปในเชิงบวกหรือเชิงลบมากกว่ากัน? ถ้าผลลัพธ์ออกมาว่าคุณมักพูดถึงชีวิตการทำงานในเชิงลบ เช่น บ่นหัวหน้า บ่นเพื่อนร่วมงาน หรือพูดถึงเรื่องงานไปในทางที่ไม่ดีอยู่บ่อย ๆ นั่นหมายความว่างานที่คุณทำอยู่นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณมีแต่พลังงานด้านลบ ลาออกจากงานตอนนี้แล้วลองมองหาบริษัทดี ๆ ที่ทำให้คุณได้รับทัศนคติเชิงบวก และเมื่อนึกถึงบริษัทหรือการทำงานก็มักจะมีเรื่องราวดี ๆ ให้พูดถึงจะดีกว่า เพราะงานที่ดีจะต้องนำมาซึ่งพลังงานด้านบวกมากกว่าพลังงานด้านลบ
7. งานเพิ่ม ความเครียดเพิ่ม แต่ที่ไม่เพิ่มคือเงินเดือน
ทำงาน ทำงาน ทำงาน!
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว รับผิดชอบทุกงานดั่งผู้ว่าราชการบริษัทแต่เงินเดือนกลับได้เท่าเดิม! ภาระงานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่สวนทางกับเงินเดือนที่ได้รับ ลองคิดดูให้ดีว่าหัวหน้างานกำลังเอาเปรียบคุณอยู่หรือไม่ เพราะหากคุณได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าที่สำหรับตำแหน่งของคุณและไม่มีการจ่ายค่าจ้างใด ๆ เพิ่มเติม นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า หัวหน้างานกำลังให้คุณทำงานที่นอกเหนือไปจากหน้าที่ เพราะไม่อยากเสียเงินสำหรับการว่าจ้างพนักงานเพิ่ม
8. โหมงานจนป่วย สุขภาพกายสุขภาพจิตพัง
อย่าเอาแต่วุ่นกับการทำงานเก็บเงินจนหลงลืมการใช้ชีวิต – Dolly Parton
ถ้าคุณต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่มีเวลาได้กินของโปรดที่ชอบ ไม่มีเวลาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่า หรือหากความเครียดจากการทำงานทำให้คุณไม่ได้พักผ่อนและเจ็บป่วยแบบไม่มีสาเหตุ นี่เป็นสัญญาณชัดเจนที่บ่งบอกว่าหน้าที่การงานกำลังทำลายสมดุลในชีวิตของคุณ อะไรที่มากเกินก็ใช่ว่าจะส่งผลดีเสมอไป เพราะฉะนั้นหากงานที่คุณทำอยู่ไม่มีความพอดีและปรับให้สมดุลกับชีวิตไม่ได้ คงถึงเวลาต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่เพื่อไปเริ่มต้นใหม่แล้วแหละ
9. ไลฟ์สไตล์ขั้วตรงข้ามกับวัฒนธรรมองค์กร
การเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนหมู่มากนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตามหากพยายามเปลี่ยนทั้งวิธีคิดก็แล้ว วิธีปฏิบัติก็แล้ว แต่ทำอย่างไรก็ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรที่กำลังทำงานอยู่ได้ คุณและที่ทำงานคงไปต่อด้วยกันไม่ได้ ลองตัดสินใจหยุดพัก คิดทบทวนอยู่กับตัวเอง และพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนงานเพื่อเปิดโอกาสให้ตนเองได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่คู่ควรสำหรับคุณมากกว่านี้ดีกว่า
10. กำลังอ่านบทความนี้ของ JOBCAN
ตัวคุณเองย่อมรู้ดีกว่าใครว่าสิ่งใดเหมาะหรือไม่เหมาะกับตัวเอง ลองคิดทบทวนและตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าทำไมคุณถึงค้นหาบทความหัวข้อการลาออกนี้ เพราะหากความคิดที่จะลาออกจากงานของคุณเป็นเพียงแค่เรื่องเล่น ๆ และไม่จริงจัง คุณคงไม่มีทางใช้เวลาไปกับการอ่านบทความของเรามาจนถึงส่วนท้ายนี้แน่นอน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและอย่าลังเลที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะการเริ่มต้นใหม่ในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในชีวิตคุณ!
สรุป
หากคุณรู้สึกว่ากำลังเผชิญกับสัญญาณที่ส่งเสียงเตือนว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้นั้นไม่ก่อให้เกิดความสุขและรักในการทำงานอีกต่อไป ช่วงเวลานี้คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับคุณ JOBCAN ขอแนะนำให้เลือกเวลาที่เหมาะสมสำหรับการบอกกับหัวหน้างาน และอย่าลืมหางานใหม่ให้เรียบร้อยก่อนที่จะยื่นลาออก เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองว่าสิ่งที่เลือกจะต้องเป็นสิ่งที่ดีกว่าเดิม และถึงแม้ว่าท้ายที่สุดสิ่งที่เลือกจะยังไม่ใช่ก็ไม่ต้องรู้สึกท้อหรือหมดหวัง เพราะทางเลือกนี้ไม่ใช่โอกาสสุดท้ายของชีวิต สุดท้ายนี้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับ work life balance ขอให้ทุกคนเจองานที่ใช่และมีความสุขกับงานที่ทำค่ะ
Jobcan Attendance
ระบบเข้าออกงานพนักงาน ตอกบัตรออนไลน์
สนใจระบบ Jobcan ติดต่อ 02-107-1867
LINE@ : @jobcan_th
Facebook : Jobcan Thailand
ลงทะเบียนสอบถามข้อมูล : https://bit.ly/3P0dVmg
Recent Comments