ปีใหม่อีกครั้งแล้ว ใครที่กำลังเริ่มต้นทำงานหรือแม้จะทำงานมาได้สักพักก็อาจจะมีคำถามได้ว่า ‘ทำงานอย่างไรให้มีความสุข’ เกิดขึ้นได้เพราะชีวิตการทำงานคือการเริ่มต้นใหม่ของอีกบทหนึ่งของชีวิต บางครั้งหลายคนจึงไม่อาจหาคำตอบได้ทันที วันนี้ JOBCAN จึงอยากจะนำเสนอวิธีการทำงานอย่างไรให้มีความสุข รับรองว่าไม่ยากแน่นอน ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง จบปีเก่าด้วยการทบทวนสิ่งที่ผ่านมา สิ่งที่เราได้ผ่านมานับเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่หากปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ ก็น่าเสียดายมากทีเดียว ดังนั้นเราลองหยิบมาทบทวนดูว่าปีที่ผ่านมานี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราได้เรียนรู้เรื่องอะไรไปแล้วบ้างและที่สำคัญคือเราทำได้ดีมากแค่ไหนกับเราพลาดตรงไหนบ้าง โดยลองนึกถึงเหตุการณ์ใหญ่ที่สำคัญสำหรับเราเอามาตั้งคำถามเสมือนเราในตอนนี้ไม่ใช่เราในตอนนั้น เพื่อให้เห็นถึงการกระทำและผลของเหตุการณ์ เมื่อเรียนรู้เรียบร้อยแล้วก็ปล่อยวาง สิ่งที่ผ่านไปแล้วเราทำอะไรไม่ได้นอกจากเรียนรู้ ชื่นชมตัวเองหรือป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก จากนั้นก็พาตัวเองไปเริ่มต้นปีใหม่กันอย่างมีความสุข กำหนดเป้าหมายและวางแผนการทำงาน หากเราทำงานโดยไม่มีเป้าหมายก็เหมือนการทำงานอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ไม่รู้ว่าจุดสุดท้ายของความสำเร็จอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นเราจะเริ่มการทำงานอย่างไรให้มีความสุขกัน ก็ต้องวางเป้าหมายบอกความสำเร็จที่เรากำหนดเอาไว้ออกมาให้ชัดเจน ในการวางแผนด้านการทำงานนี้เราควรมีภาพสุดท้ายของความสำเร็จของเราก่อนเพื่อกำหนดว่าปีนี้เราจะเดินไปถึงขั้นใด แบบนี้เวลาทำงานเราจะรู้สึกได้ถึงความสุขและความสำเร็จมากขึ้น ท้าทายตัวเองและให้โอกาสตัวเองได้ลองสิ่งใหม่ ช่วงเวลา 12 เดือนนี้เราควรวางแผนให้ตัวเองได้มีการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรืออาจจะเป็นงานอดิเรกใหม่ที่ช่วยให้เราได้ท้าทายตัวเองและสนุกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยวิธีนี้สามารถปลุกความกล้าที่จะเรียนรู้ของเราได้ทั้งยังสามารถเพิ่มซอฟต์สกิลที่ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นด้วย การเรียนรู้สิ่งใหม่ที่ JOBCAN อยากแนะนำคือการเรียนภาษาใหม่ การเพิ่มทักษะทางดิจิทัล หรือการเรียนกีฬารูปแบบใหม่ที่เราไม่เคยเรียนมาก่อน แล้วคุณจะได้รู้ว่าชีวิตมีอะไรสนุกๆ อีกเยอะที่เรายังไม่ได้ลอง จัดโต๊ะทำงานใหม่ให้เริ่มต้นปีด้วยการทำงานอย่างมีความสุข การจัดโต๊ะทำงานหรือพื้นที่ทำงานของเราให้เป็นระเบียบเป็นการจัดการที่สามารถจัดระเบียบได้ทั้งภายนอกและภายใน สำหรับภายนอกคือพื้นที่บริเวณที่ดูสะอาดตา น่าเข้าไปนั่งทำงานกับภายในซึ่งหมายความถึงจิตใจของเราเองก็จะได้รับการจัดระเบียบความคิดไปด้วย ทำให้การทำงานมีระบบและชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการจัดโต๊ะทำงานจึงนับได้ว่าเป็นการจัดเพื่อให้เราสามารถทำงานได้อย่างเป็นระเบียบและเพลิดเพลินได้มากขึ้นไปด้วยนั่นเอง นอกเหนือจากการเปลี่ยนสภาพโต๊ะทำงานด้วยตัวเองแล้ว สภาพแวดล้อมในที่ทำงานก็มีส่วนด้วยเช่นกัน เมื่อเราอยากให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้นกับเพื่อนร่วมงาน เราก็ควรสร้างสัมพันธไมตรีก่อนและรวมถึงมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือ Empathy Culture กำหนดรางวัลความสำเร็จประจำปี […]
การยื่นภาษีเงินได้เป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นประจำทุกปีสำหรับผู้มีรายได้ หากในรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติมก็จะต้องจ่ายเพิ่ม แต่บางคนก็สามารถได้เงินภาษีกลับคืนมาด้วยเช่นกัน เพราะมีรายการบางอย่างที่มีการกำหนดให้สามารถใช้ลดหย่อนการจ่ายภาษีได้ ดังนั้นก่อนการจ่ายภาษี เราสามารถวางให้คำนวณภาษีให้สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้มากที่สุดเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า ซึ่งสิทธิ์การลดหย่อนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในทุกปีจำเป็นต้องติดตามให้ดีเพื่อจะได้วางแผนได้อย่างเหมาะสม เรามาดูกันดีกว่าว่าในปี 2564 เราสามารถคำนวณภาษีเพื่อลดหย่อนส่วนใดได้บ้าง ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว เป็นค่าลดหย่อนที่หักออกเพราะคิดเป็นส่วนของการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าลดหย่อนส่วนตัว สามารถคำนวนภาษีลดหย่อนได้ 60,000 บาททันที ค่าลดหย่อนคู่สมรส สามารถคำนวนภาษีลดหย่อนได้ 60,000 บาทในกรณีที่คู่สมรสไม่มีรายได้ ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร สามารถคำนวณภาษีได้ไม่เกิน 60,000 บาทต่อปี โดยสามีสามารถใช้ลดหย่อนได้ในกรณีที่ภรรยาไม่มีรายได้ เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ลดหย่อนการฝากครรภ์และคลอดบุตรคือ ใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์จากสถานพยาบาล ค่าลดหย่อนภาษีบุตร สามารถลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท การคำนวนภาษีเพื่อลดหย่อนในส่วนของการเลี้ยงดูบุตรมีเงื่อนไขดังนี้ ต้องเป็นบุตรหรือบุตรบุญธรรมตามกฎหมายอายุไม่เกิน 20 ปีหรือไม่เกิน 25 ปีและกำลังศึกษาอยู่ กรณีบุตรอายุเกิน 25 ปีขึ้นไป แต่มีสถานะเป็นบุคคลไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถจะลดหย่อนในกรณีของบุตรคนที่ 2 ได้ บุตรคนที่ 2 ที่เกิดก่อนปีพ.ศ. 2561 จะลดหย่อนได้ 30,000 บาท หากเกิดหลังจากปีพ.ศ. 2561 จะสามารถลดหย่อนได้ 60,000 บาท […]
Leadership หรือภาวะความเป็นผู้นำ เป็นสิ่งที่หลายบริษัทตามหาและต้องการกันเป็นอย่างมากเพราะว่าหากมีคนที่มี Leadership เข้ามาช่วยบริหารดูแลทีมแล้วผลงานที่ได้เรียกว่าจะมีความสำเร็จมากกว่าความล้มเหลวเสียอีก หรือหากมีการล้มเหลวเกิดขึ้นทีมก็สามารถฟื้นตัวได้ไว ปัญหาเกี่ยวกับความขัดแย้งก็จะมีน้อยตามไปด้วย แล้วคนที่มีภาวะความเป็นผู้นำหรือ Leadership นี้จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง เราไปดูกัน Leadership สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในทีมได้ คุณสมบัติแรกที่ LeaderShip ควรจะมีคือความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้นในการทำงาน อยากเรียนรู้และความต้องการในการพัฒนาตนเองเพราะบริษัทและทีมที่ดีจะต้องมีการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด คนที่เป็นผู้นำจึงต้องสามารถกระตุ้นสมาชิกทีมทุกคนได้ โดยผู้นำอาจจะทำตัวเป็นตัวอย่างของคนที่ไม่หยุดนิ่งซึ่งเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้สมาชิกต้องการัฒนาตาไปด้วยได้เช่นกัน Leadership สามารถสื่อสารกับทุกคนในทีมได้อย่างเหมาะสม ความเป็นทีมต้องมีความสามัคคีซึ่งอาจเกิดจากความผูกพันและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ขณะเดียวกันในช่วงเวลาทำงานนั้นก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงช่วงเวลาของความขัดแย้งหรือช่วงเวลาที่ใครบางคนในทีมเกิดปัญหาไม่ได้ จึงต้องมีผู้นำที่มี LeaderShip เข้ามาคอยสื่อสารและสังเกตปัญหาเพื่อแก้ไขได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทำให้สมาชิกรู้สึกเป็นส่วนเกินซึ่งทักษะการสื่อสารนับเป็นทักษะสำคัญอย่างมากที่ผู้นำต้องมี Leadership สามารถบริหารจัดการอารมณ์ได้ดี หลายครั้งที่อารมณ์เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งภายในองค์กรและสร้างหายนะได้มากกว่าที่คุณคิด ดังนั้นในความเป็น LeaderShip ผู้นำที่ดีจึงต้องสามารถบริหารจัดการอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี สามารถปรับอารมณ์ได้แม้ในเวลากระชั้นชิดเพื่อรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายในทีมเอาไว้นั่นเอง Leadership กล้าตัดสินใจและรับผิดชอบผลที่ตามมา คนที่เป็นผู้นำนั้นจะได้เห็นภาพรวมและข้อมูลต่างๆ ภายในทีมทั้งหมดที่แม้ว่าสมาชิกทีมจะประชุมระดมสมองทั้งหมดเพื่อคิดแนวทาง วิธีการหรือสร้างผลงานต่างๆ แต่สุดท้ายการตัดสินใจทั้งหมดจะอยู่ที่ผู้นำ ดังนั้นหนึ่งในความเป็น LeaderShip จึงเป็นความกล้าตัดสินใจและต้องกล้ารับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมดด้วย Leadership สามารถดึงศักยภาพของทีมออกมาได้สูงสุด เพราะคนทุกคนต่างก็มีความสามารถแตกต่างกันออกไปจึงมีรูปแบบงานที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไปด้วย ซึ่งบางครั้งกระทั่งตัวบุคคลเองอาจจะไม่แน่ชัดว่าความถนัดของตัวเองคืออะไร แต่ผู้นำ ผู้มองภาพรวมของงานจะต้องมองเห็นถึงรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้เพราะความเป็น LeaderShip คือการดึงศักยภาพของทุกคนในทีมให้สามารถร่วมงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้สามารถสร้างสุดยอดผลงานออกมาได้ Leadership ต้องมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน Leadership อย่างหนึ่งที่นับว่าสำคัญที่สุดเลยก็คือผู้นำหรือหัวหน้าต้องรู้ว่าทีมกำลังทำอะไรเพื่ออะไร และต้องมองเห็นภาพรวมในอนาคตหรือก็คือเป้าหมายที่ทีมกำลังช่วยกันสร้างได้ชัดเจนยิ่งกว่าใคร […]
เพราะชีวิตเกิดมาแค่ครั้งเดียว เราจึงต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แต่การจัดการชีวิตให้สามารถ Work-Life Balance ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะแม้ว่าจะกำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าจะนอน 8 ชั่วโมง ทำงาน 8 ชั่วโมง และพักผ่อน 8 ชั่วโมงแต่ความเป็นจริงกลับไม่ง่ายดายแบบนั้น เพราะชีวิตมีหลายด้านเกินกว่าจะสามารถกำหนดได้อย่างง่ายดาย วันนี้ JOBCAN จึงนำเอาหลักการ Work-Life Balance ง่ายๆ ที่ทำให้เราสามารถสร้าง Lifestyle ของเราและกำหนดการ Work-Life Balance ได้ง่ายมากขึ้น โดยมี 5 ข้อ ดังนี้ 1. Work-Life Balance ด้วยการเคารพเวลาที่เราแบ่งเอาไว้ ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเราไม่สามารถแบ่งเวลาได้อย่างชัดเจนก็เป็นเพราะความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่อาจวางงานอื่นออกจากหัวได้นั่นเอง ทำให้แผนการแบ่งเวลาที่เราวางไว้ไม่สามารถไปต่ออย่างมีประสิทธิภาพได้ สุดท้ายก็อาจจะต้องกลับไปทำสิ่งที่ใจห่วงพะวงจนเสียตารางงานไปหมด ตัวอย่างเช่นในช่วงเวลาพักผ่อนนั้นเมื่อเราตั้งให้พักแล้วก็ต้องพักอย่างเต็มที่เพราะหากเราพักทั้งที่ในหัวยังคิดเรื่องงานอยู่ก็จะเท่ากับว่าเราไม่ได้พักเลย สุดท้ายย่อมกลายเป็นไม่ได้พักไปจนทำให้งานที่ทำออกมาไม่ดีก็เป็นได้ ดังนั้นเราต้องจริงจังและเคารพแผนการที่เราวางไว้ให้ดี พักให้จริงจังเหมือนกำลังทำงาน 2. Work-Life Balance ด้วยการกำหนดความสมดุลของชีวิตด้วยตัวเราเอง หลายคนบอกว่าความสมดุลคือการแบ่งทุกอย่างเท่ากัน แต่ชีวิตไม่สามารถเป็นแบบนั้นได้ หลายคนเชื่อว่า Work-Life Balance มีความหมายแบบนั้นแต่ความจริงไม่ใช่เลย ความสมดุลในชีวิตไม่สามารถกำหนดได้โดยใช้กฎของคนอื่น เพราะชีวิตเป็นของเรา ความสมดุลนั้นเราจึงต้องเป็นคนกำหนดเองโดยการมองภาพรวมทั้งชีวิตของคุณหรือจะมองเป็นภาพรวมทั้งปีก็ได้ […]
โลกก้าวไปข้างหน้าเร็วขึ้นทุกวัน สังคมการทำงานก็มีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ แล้วกลุ่มคนที่ดูแลพนักงานหรือคนทำงานจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร กลุ่มคนที่ดูแลพนักงานหรือผ่ายบุคคลหรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า hr นี่เป็นกลุ่มที่ทำงานสำคัญนับเป็นหัวใจหลักของบริษัทเลยก็ว่าได้ เมื่อโลกการทำงานมีการเปลี่ยนแปลง ผู้คนไม่ได้ดำเนินชีวิตตามวิถีเดิมอีกต่อไป hr ยุคใหม่นี่จึงต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย เรามาดู 5 ข้อหลักที่ hr ยุคใหม่ควรปรับกันดีกว่า 1.hr ยุคใหม่ต้องใช้โซเชียลมีเดียในการประชาสัมพันธ์องค์กร ในวัยทำงานทุกคนล้วนมีโซเชียลมีเดียกันอย่างน้อยก็คนละ 1 ช่องทาง และทุกวันไม่ว่าจะเป็นเวลาก่อนเข้าทำงานหรือพักเที่ยงหรือเลิกงานทุกคนล้วนอยู่กับโซเชียลมีเดีย hr ยุคใหม่จึงควรหันมาใช้ช่องทางที่เข้าถึงคนทำงานได้ง่ายอย่างโซเชียลมีเดียในการประชาสัมพันธ์ทำให้องค์กรเป็นที่รู้จัก ขณะที่องค์กรหรือบริษัทของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นนั้น ก็สามารถรับข้อมูลอื่นๆ เข้ามาเป็นข่าวสารหรือแนวคิดในการปรับปรุงระบบของการดูแลคนที่ให้มากยิ่งขึ้นได้ด้วย เพราะโซเชียลมีเดียสามารถเป็นได้ทั้งช่องทางสำหรับรับและให้ข้อมูลนั่นเอง 2.hr ยุคใหม่ต้องทำกลยุทธ์หาบุคลากรที่เหมาะสมเข้าองค์กร hr ยุคใหม่ที่เชื่อว่าทุกคนต่างก็มีความสามารถต่างกันออกไป เราเลือกคนที่มีความสามารถเข้าองค์กรนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยากแต่การจะเลือกคนที่สามารถเข้ากับองค์กรได้ดีไม่ทำให้ทีมเวิร์คในองค์กรต้องสะดุดนั้นนับว่าไม่ง่ายเลย ดังนั้นการตามหาคนที่มีความสามารถอย่างที่เราต้องการและยังมีความเข้ากันได้กับองค์กรจำเป็นต้องอาศัยการทำการตลาดให้คนรู้จักวิถีขององค์กรไปพร้อมกับการตามหาคนที่มีความสามารถอย่างที่เราต้องการ เพราะทุกวันนี้การเข้าทำงานไม่ใช่การเลือกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นแต่เป็นการตกลงเลือกของทั้งสองฝ้าย 3.hr ยุคใหม่สามารถทำงานผ่านทางไกลได้ ในช่วงที่โควิดระบาดอย่างนี้การปรับเปลี่ยนการทำงานให้ยืดหยุ่นในทุกสถานที่เป็นเรื่องที่ทุกบริษัทต้องปรับเปลี่ยนเพื่อจะได้ขับเคลื่อนกันต่อดังนั้น hr ยุคใหม่จึงต้องสามารถทำงานได้ในทุกสถานที่ หรือเรียกว่า Remote Working ผ่านระบบที่สามารถเช็คข้อมูลหรือเรียกข้อมูลมาได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเช็คเวลาเข้างาน การกำหนดวันหยุดพักร้อนของพนักงานหรือการอนุมัติเอกสารที่เกี่ยวข้องกับพนักงานก็สามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอไปที่บริษัทเพื่อจัดการกับเอกสารกระดาษเซ็นอนุมัติทีละใบอีกต่อไป 4.hr ยุคใหม่สามารถขับเคลื่อนงานด้วย Data หมดยุคที่ hr ต้องคอยนั่งคีย์ข้อมูลลงตารางหรือกรอกตัวเลขลงเอกสารทีละตัวแล้ว ยิ่งหากได้มีระบบคอยเก็บตัวเลขออกมาไว้เป็นข้อมูลเพื่อวิเคราะห์หาสิ่งที่องค์กรขาดหรือกำลังต้องการมากที่สุดได้ทั้งยังเป็นการใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์อีกด้วย 5.hr […]
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือนายจ้างเรื่องหนึ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกเดือนก็คือการคิดเงินเดือนให้กับลูกจ้างหรือพนักงานโดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์แปรปรวนจากโรคระบาดแบบนี้ หลายบริษัทให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work form Home) การคิดเงินเดือนจึงนับว่าแทบจะต้องสร้างกติกากันใหม่เลยทีเดียว JOBCAN จึงขอนำเสนอรายละเอียดการคิดเงินเดือนว่า ในหนึ่งเดือนนี้เราต้องเอาอะไรมาคำนวณกันบ้าง การคิดเงินเดือนตามเวลาทำงาน ลูกจ้างที่รับเงินตามเวลาการเข้าทำงานมีหลายรูปแบบโดยส่วนใหญ่จะคิดเป็นรายวันและรายเดือน แต่เมื่อมีรายการเพิ่มเติมเข้ามาจะคำนวณเป็นรายชั่วโมงทันที สำหรับรายเดือนนั้นจะเป็นการนำรายได้ต่อเดือนหาร 30 ซึ่งเป็นจำนวนวันในหนึ่งเดือน ได้เป็นค่าจ้างรายวันจากนั้นก็นำค่าจ้างรายวันที่ได้มาหารชั่วโมงการทำงานต่อวัน ออกมาเป็นค่าจ้างรายชั่วโมงที่จะนำมาคำนวณต่อไป การเพิ่มหรือลดค่าจ้าง เงินเดือนส่วนใหญ่จะมีเหตุผลอยู่ 2 ข้อหลักที่เรามักพบได้บ่อยคือ OT หรือ การทำงานล่วงเวลา การทำงานล่วงเวลาหรือโอทีนั้นเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้การคิดเงินเดือนมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเพราะการทำงานล่วงเวลาในแต่ละเดือนนั้นจะไม่เท่ากัน ดังนั้นการคิดเงินเพิ่มเติมส่วนนี้จึงเป็นส่วนที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนทั้งสำหรับนายจ้างและลูกจ้าง โดยทางกระทรวงแรงงานได้กำหนดการคิดเงินเดือนสำหรับส่วนการทำงานล่วงเวลาไว้ดังนี้ ค่าล่วงเวลาในวันทำงานจะอยู่ที่ 1.5 เท่าของเงินเดือน วิธีคำนวณคือ (เงินรายรับต่อชั่วโมง x 1.5) x จำนวนชั่วโมงที่ทำล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาในวันหยุดจะอยู่ที่ 3 เท่าของเงินเดือน วิธีคำนวณคือ (เงินรายรับต่อชั่วโมง x3) x จำนวนชั่วโมงที่ทำล่วงเวลา การลา กระทรวงแรงงานได้กำหนดให้พนักงานหรือลูกจ้างต้องมีวันหยุดพักร้อนอย่างน้อย 6 วันต่อปีไม่รวมวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดราชการ ประเพณีต่างๆ ซึ่งอาจมีการตกลงมากกว่านั้นแล้วแต่นายจ้างจะตกลงกับลูกจ้าง แต่ในกรณีที่อยู่นอกเหนือข้อตกลงเช่น การขาดงานหรือการลาแบบไม่รับเงินจะต้องมีการหักรายรับของลูกจ้างออกตามเวลาที่ลูกจ้างขาดงาน หากขาดไป 2 ชั่วโมงก็ต้องหักรายรับออก […]
งานของฝ่ายบุคคลเป็นงานที่ละเอียดและมีความสำคัญสูงเพราะเกี่ยวข้องกับคนทั้งองค์กร ถ้าแม้ว่าจะทำอย่างละเอียดแล้วอย่างไรก็จะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง หลายบริษัทจึงแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มคน เพื่อให้งานของพนักงานฝ่ายบุคคลสามารถมีเวลาในการตรวจสอบงานได้มากขึ้น แต่ว่าจะดีกว่าไหม หากเราจะมีตัวช่วยหรือโปรแกรม hr ที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้เป็นระบบ ลดการทำงานของคนลงแต่เพิ่มการทำงานของระบบให้เดินไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพได้ วันนี้ JOBCAN จึงมานำเสนอโปรแกรม hr ที่มีตัวช่วย 2 ตัวซึ่งจะทำให้งานของฝ่ายบุคคลไม่ว่าจะเป็นการบันทึกเวลาเข้างานอย่างระบบตอกบัตรหรือระบบคิดคำนวณเงินเดือนทำได้อย่างง่ายดายมากขึ้น มาดูกันเลยว่า Jobcan Attendance / Jobcan Payroll จะช่วยอะไรได้บ้างและช่วยอย่างไร Jobcan Attendance เริ่มกันที่โปรแกรม hr บันทึกการเข้า-ออกงานที่หลายองค์กรหรือบริษัทต้องปวดหัวเพราะการระบาดของ Covid-19 ทำให้การเข้า-ออกงานในระบบตอกบัตรแบบเดิมเริ่มใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาต้องเปลี่ยนรูปแบบบันทึกการเข้างานแบบนี้ JOBCAN สามารถช่วยอย่างไรได้บ้าง จัดการการเข้า-ออกงาน วัตถุประสงค์ของระบบตอกบัตรมีก็เพื่อบันทึกเวลาการทำงานของพนักงานหรือลูกจ้างเพื่อใช้ในการคิดเงินเดือนแต่ด้วยข้อจัดมากมายจึงต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบระบบตอกบัตรมาเป็นการเข้า-ออกงานแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นโปรแกรม hr ที่ช่วยบันทึกเวลาการทำงานได้อย่างแท้จริงไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทอย่างเดียวอีกต่อไป เหมาะกับทุกคนในบริษัท สร้างกะงานได้หลากหลาย ในสมัยนี้เรามีคนทำงานที่คิดค่าจ้างหลากหลายบางคนเป็นพนักงานประจำ บางคนเป็นฟรีแลนซ์หรือบางคนเป้นพาร์ทไทม์ที่ทำงานแบบนับชั่วโมงเท่านั้น ความน่าปวดหัวนี้จึงต้องมีโปรแกรม hr เข้ามาช่วยโดยโปรแกรม Jobcan Attendance นั้นสามารถตั้งค่าได้ว่าแต่ละคนจะมีระบบตอกบัตรเข้างานของตัวเองอย่างไรบ้าง ตั้งค่าโอที การทำงานล่วงเวลาบางครั้งไม่ได้มีเพียงที่ทำงานเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นช่วงเวลาในการทำโอทีนั้นก็ควรจะถูกบันทึกเอาไว้อย่างแม่นยำเพราะนอกจากจะเกี่ยวข้องการรายได้ของพนักงานคนนั้นๆ ยังเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ด้วย ซึ่ง Jobcan […]
เปิดศักราชใหม่แห่งการทำงาน หนึ่งเรื่องของมนุษย์เงินเดือนที่ต้องเตรียมตัวกันทุกต้นปีก็คือการยื่นภาษี เพราะตลอดปีที่อดทนทำงานกันมานั้นแต่ละคนก็มีรายรับที่เข้ามาแตกต่างกัน ดังนั้นในการคำนวณภาษีเพื่อยื่นกับสรรพากรของแต่ละคนก็ย่อมมีรายละเอียดที่แตกต่างกันด้วย แต่ไม่ว่าจะยื่นกันมาสักกี่ปีก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะทำได้คล่อง หรือเข้าใจในกระบวนการยื่นภาษีแบบแจ่มแจ้ง เพื่อคลายความสงสัยด้านการยื่นภาษีในปีนี้ JOBCAN รวบรวมข้อสงสัยที่คนเสียภาษีถามกันอยู่ทุกปีถึง 8 ข้อ รับรองว่า อ่านก่อน รู้ก่อน หมดความกังวลใจในเรื่องการยื่นภาษีอย่างแน่นอน เข้าใจก่อนยื่นภาษีเงินได้ของเราคือ ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 91 ! ภ.ง.ด. 90 คือ ผู้ที่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ เช่น ค้าขายแบบบุคคลธรรมดา เงินปันผล และรายได้อื่นๆ ภ.ง.ด. 91 คือคนที่มีเงินเดือน โบนัส และค่าครองชีพ โดยไม่มีรายได้จากทางอื่น คนทุกคนที่มีรายได้ต้องยื่นแบบเสียภาษี ไม่ว่าจะมีอายุเท่าใดก็ตาม โดยหากเป็นเด็กเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะให้นำไปยื่นร่วมกับพ่อและแม่ แต่หากอายุเกิน 18 ปี บรรลุนิติภาวะและมีรายได้แล้วก็ต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ ส่วนจะอยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับการยกเว้นหรือต้องเสียภาษีเพิ่มเติมก็แยกตามแต่ละบุคคล คำนวณภาษีไม่ใช่เรื่องยาก หากวางแผนดีและมีตัวช่วยในการคิดภาษีเงินได้ รู้ก่อนยื่นภาษี เงินเดือนอย่างเรานี่ต้องเสียภาษีเท่าไหร่นะ? ในการคำนวณการยื่นภาษีนั้น เราจะใช้การคำนวณเงินได้ออกมาแบบรายปี คือการนำเงินได้ตลอด 12 เดือนมารวมกันได้เป็น ‘เงินได้สุทธิ’ ที่สามารถนำมาใช้เทียบกับอัตราภาษีที่ต้องเสียได้ดังนี้ […]
งานบัญชีเป็นหนึ่งใน taskงานที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและความรอบคอบในการรวบรวมข้อมูลและคำนวณตัวเลขต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคิดเงินเดือนพนักงานซึ่งเป็นงานที่ต้องทำเป็นประจำทุกเดือน แม้ว่าจะเป็นงานที่ต้องทำประจำแต่รายละเอียดในการคิดเงินเดือนแต่ละรอบนั้นก็มีรายละเอียดที่จะต้องทำจ่ายแตกต่างกันไป ตั้งแต่การคำนวณวันทำงาน วันขาดลามาสาย หรือจำนวนพนักงานที่จะต้องทำจ่ายเงินเดือน แต่ละบริษัทหรือองค์กรก็ย่อมมีนโยบายในการจัดการระบบการจ่ายเงินที่แตกต่างกันออกไป ทั้งรูปแบบในการกำหนดงวดการจ่าย รายละเอียดที่นำมาคิดเป็นเงิน หรือแม้แต่ระยะเวลาในการจ่ายเงินให้พนักงานแต่ละคนที่อาจจะแตกต่างกัน สำหรับการจ่ายเงินให้กับพนักงานนั้น ฝ่ายบัญชีหรือ HR เองก็ต้องมีชุดตัวเลขหลายชุดในการนำมาคิดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนให้กับพนักงาน ซึ่งวิธีการในการคำนวณเงินเดือนของแต่ละบริษัทหรือแต่ละแผนกในบริษัทเดียวกัน ก็เป็นอีกความยุ่งยากในการทำงานของพนักงานบัญชีหรือคนทำเงินเดือนที่จะต้องมาคอยดูรายละเอียด หลายๆบริษัทจึงมองหาระบบโปรแกรมเงินเดือนหรือระบบ payroll ที่สามารถตอบโจทย์การคิดเงินเดือนที่หลากหลาย มีรายละเอียดและเงื่อนไขการจ่ายเงินหลายแบบ ดังนั้นระบบ payroll คือระบบคิดเงินเดือนที่จะเข้ามาเป็น solution ในการทำงานของคนทำเงินเดือนปัจจุบัน แต่ก็ต้องมองหาโปรแกรมเงินเดือนที่จะสามารถช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นและประหยัดเวลา รวมถึงสามารถตอบโจทย์นโยบายการทำเงินเดือนของบริษัทได้ด้วย จัดการเงินเดือนด้วยระบบ Payroll ที่ตั้งค่าและทำงานได้หลากหลาย สำหรับการจัดการเงินเดือนพนักงานที่มีหลายเงื่อนไขนั้น ระบบคิดเงินเดือนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กระบวนการในการคิดเงินเดือนสะดวกและรวดเร็ว ที่สำคัญคือความครบถ้วนในการใช้งานของรายละเอียด เพราะค่าตอบแทนทุกประเภทที่บริษัทจ่ายให้พนักงานล้วนมีความสำคัญและส่งผลกับการทำงาน ดังนั้นความผิดพลาดในการคิดเงินเดือนเพื่อทำจ่ายจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นอันขาด ยิ่งพนักงานที่มีรายรับหลายๆ ทาง ทั้งเงินเดือนประจำ ค่าคอมมิชชั่น ค่าเบี้ยขยัน หรือค่าเดินทาง การที่จะรวบรวมหรือตั้งค่าการคำนวณเงินเดือนของพนักงานที่ต่างกันให้สามารถทำได้ง่ายและหลากหลายจึงเป็นคุณสมบัติที่ระบบ payroll หรือโปรแกรมเงินเดือนที่ดีที่พนักงานทำเงินเดือนมองหา โดยการจ่ายเงินเดือนสำหรับพนักงานพาร์ทไทม์ หรือพนักงานรายวันสำหรับบางองค์กร การนับจำนวนชั่วโมงหรือวันทำงานมาเป็นตัวคำนวณเงินเดือน หรือแม้แต่การหักเงินจากการขาด ลา มาสาย หรือชั่วโมงโอที ก็ทำให้เป็นการเพิ่มรายละเอียดตัวเลขในการคิดเงินเดือนเพิ่มมากขึ้น โปรแกรมเงินเดือนที่จะสามารถตั้งค่าการคำนวณที่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการบันทึกเวลาเข้างาน รายการหัก […]
สำหรับชีวิตการทำงานในยุคนี้ หลายๆ คนเริ่มมองหางานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง ทั้งเรื่องของเวลา และเรื่องของค่าตอบแทน เพราะใครๆ ก็อยากจะมีชีวิตส่วนตัวที่สามารถเติมเต็มความสุขให้ตัวเองอย่างเต็มที่ มากกว่าที่จะทุ่มเทเวลาให้กับชีวิตส่วนรวมในเรื่องงาน หรือที่คนเดี๋ยวนี้พูดกันว่าต้องใช้ชีวิตให้มี work-life balance แบ่งเวลางานกับเวลาส่วนตัวให้พอดีกันยิ่งในสังคมการทำงานตอนนี้ที่คนทำงานเป็นชาว Gen Y รุ่นสุดท้ายที่จะเข้าสู่ตลาดงาน การจัดการระบบงานหรือสไตล์การทำงานจึงเป็นเรื่องที่หัวหน้างานหรือ HR จะต้องเตรียมความพร้อมในการดึงดูดคนเก่งให้เข้ามาร่วมทีมเพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมายไปได้ แล้วอะไรที่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่อยากทำงานถึงจะสนใจมาสมัครงานหรือมาร่วมงานกับเรา ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงระบบงานและสไตล์การทำงาน เวลาทำงาน ที่ลงตัวกับวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ งานที่พวกเขาอยากทำเป็นแบบไหน คนร่วมงานต้องปรับตัวหรือพวกเขาต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานอย่างไรบ้าง เพราะอยากทำงานที่ตรงกับ Passion การมีความสุขกับงานที่ทำจึงสำคัญ ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทัศนคติต่อการทำงานหรือความไฝ่ฝันที่มีต่องานนั้นก็เปลี่ยนไปด้วย จากที่เมื่อก่อนคนที่เรียนจบมาหางานทำ หรือคนที่ทำงานมาหลายปีแล้วก็ตาม มักจะอยากทำงานที่มีความมั่นคง รายได้ดี ตรงกับความสามารถของตัวเอง หรืองานที่จะทำให้ตัวเองสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายหรือดูแลตัวเองและครอบครัวได้ โดยที่บางคนอาจโฟกัสไปที่เรื่องของตัวเลขรายได้ที่ตัวเองพอใจ หรือบางคนอาจไม่ได้เจาะจงที่เงินเดือน แต่ต้องการเข้าไปทำงานในบริษัทหรือหน่วยงานที่มั่นคงและมีความก้าวหน้าในสายงานชัดเจน จริงๆแล้วคนรุ่นใหม่ที่ทำงานในยุคนี้ก็คิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่อาจจะไม่ใช่เรื่องของเงินเดือนและความมั่นคงเพียงเท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่อยากทำงานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ work-life balance แต่งานที่ทำต้องเติมเต็ม Passion และทำให้พวกเขารู้สึกว่ามีไฟในการทำงานอยู่ตลอดเวลา เรื่องของเวลาในการทำงานก็เป็นอีกเรื่องที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ เพราะการบาลานซ์ความพอดีของการใช้เวลาในแต่ละวันนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำงานหนัก ทำโอทีทุกวัน แต่พวกเขาอยากทำงานที่สามารถทำ task list […]
ในชีวิตมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งก็จะมีวันสำคัญในการทำงานกันอย่างน้อยเดือนละ 1 วัน นั่นก็คือวันเงินเดือนออก และในทุกเดือนก็จะมีวันที่ใครบางคนในออฟฟิศจะต้องหัวฟูเพราะอยู่กับตัวเลขตั้งแต่เช้ายันเย็น นั่นก็คือวันคิดเงินเดือนพนักงานของเจ้าหน้าที่บัญชีหรือ HR นั่นเอง แต่ถึงอย่างไรการคิดเงินเดือนพนักงานในทุกรอบการจ่ายเงินก็เป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งคือเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลการทำงานและเงินเดือนพนักงาน อีกทั้งความยุ่งยากในการจัดการที่มาของค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะต้องทำให้ถูกต้องรัดกุม ทำให้ในทุกๆ รอบของการจ่ายเงินเดือน จัดการเงินเดือนพนักงานทำคุณตาลาย หัวฟูทุกเดือนรึเปล่า? หนึ่งในภารกิจสำคัญของคนทำบัญชีที่จะต้องโฟกัสในทุกรอบเดือนก็คือการจัดการเงินเดือนพนักงาน ซึ่งนอกจากจะเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดในการจัดการข้อมูลทั้งเรื่องเวลาทำงาน ซึ่งในบางบริษัทมีผลต่อการทำรายได้ เช่น การหักเงินจากชั่วโมงการทำงาน การขาด ลา มาสาย หรือการขอ without pay ดังนั้นข้อมูลที่จะต้องดึงเอามาทำรายละเอียดในการจ่ายเงินเดือนจึงจำเป็นต้องถูกต้อง แม่นยำ และตรงตามข้อมูลการเข้างานจริงที่พนักงานจะต้องได้รับการจ่ายเงินให้ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีโปรแกรมที่เข้ามาช่วยในการคำนวณหรือการทำตารางจ่ายเงินเดือนพนักงาน แต่เจ้าหน้าที่บัญชีหลายๆ บริษัทก็ยังประสบปัญหาข้อมูลผิดพลาดหรืออาจมีการตกหล่นรายการจ่ายบางอย่าง จนต้องมาทวนการคิดเงินเดือนอีกซ้ำอีก การจ่ายเงินเดือนพนักงานนั้นอาจมีรายละเอียดหัวข้อการจ่ายที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท ขึ้นอยู่กับทั้งเงื่อนไขการทำงาน ขนาดและจำนวนพนักงานขององค์กร รวมไปถึงเงื่อนไขการจ่ายเงินสำหรับพนักงานรายเดือน รายวัน หรือแม้แต่รายชั่วโมง ทำให้การคิดเงินเดือนในแต่ละรอบการจ่ายเงินนั้นคนทำเงินเดือนต้องโฟกัสเป็นเรื่องๆ รอบๆ ไป ในปัจจุบันระบบ Payroll จึงเป็นระบบที่เข้ามาช่วยให้การใส่ข้อมูลตัวเลขและดึงเอาค่าต่างๆ มาคำนวณให้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้คนคิดเงินเดือนสามารถสรุปยอดจ่ายต่างๆ ได้รวดเร็ว ลดเวลาการคิดเงินเดือนจากโปรแกรมคำนวณแบบตารางเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังมีบางเงื่อนไขหรือข้อจำกัดของตัวระบบ Payroll บางระบบที่มีข้อจำกัดในการตั้งค่าคำนวณเงินเงินเดือน ทำให้การจัดการเงินเดือนพนักงานไม่ราบรื่น ยังต้องเอาตัวเลขบางส่วนมาดีดแยกแล้วจึงเอาไปรวมกับยอดที่จะทำจ่ายเงินเดือน แล้วถ้ามีระบบ Payroll […]
ปัจจุบันคนทำงานออฟฟิศหลายคนยังประสบปัญหาการขนย้ายเอกสารที่ต้องใช้ทำงาน ทั้งในการเดินเอกสารภายในบริษัทเอง หรือแม้แต่การแบกเอาเอกสารหรืองานกลับมาทำที่บ้าน ไม่ว่าจะด้วยนโยบายการใช้เอกสารของที่บริษัทเอง หรือความเคยชินในการทำงานเอกสาร แต่เดี๋ยวนี้มีระบบจัดการเอกสารออนไลน์ที่สามารถเข้ามาช่วยลดปัญหาการทำงานเอกสารที่ยุ่งยากและเปลืองทรัพยากร อีกทั้งยังสามารถทำงานออนไลน์ไม่จำเป็นต้องนั่งโต๊ะอยู่ที่ออฟฟิศก็จัดการเอกสารออนไลน์ได้ เหมาะกับคนที่ต้องทำงานนอกสถานที่ ต้องเอางานกลับไปทำที่บ้านบ่อยๆ หรือคนที่บริษัทมีนโยบาย work from home การใช้ระบบจัดการเอกสารออนไลน์จะทำให้เราไม่ต้องห่วงงานเอกสารว่าจะเกิดความผิดพลาดหรือลดขั้นตอนในการปริ้นท์เอกสารเพื่อรอเซ็นต์อนุมัติ ทำให้แม้ในวันหยุดหรือกรณีมีเอกสารด่วนที่ต้องออกเอกสารเลย ก็สามารถสร้างเอกสารและส่งเพื่อให้หัวหน้าอนุมัติได้ทุกที่ทุกเวลา ระบบงานเอกสารกับการทำงานในสำนักงานหรือระบบบริษัทเป็นของคู่กัน ทั้งเอกสารภายในและเอกสารภายนอก ความยุ่งยากอย่างหนึ่งของการทำงานเอกสารคือการที่พนักงานคนที่เป็นคนจัดการอาจใช้เวลาทั้งวันกับการออกเอกสารไม่กี่ประเภท ยิ่งถ้าหากต้องออกเอกสารที่ให้มีการตรวจสอบ หรือแก้ไข หรือต้องรอการอนุมัติจากพนักงานท่านอื่นอีกก็ยิ่งต้องใช้เวลาและต้องเปลืองทรัพยากรหากมีการแก้ไขเอกสารระหว่างการอนุมัติเกิดขึ้น นอกจากการสร้างเอกสารที่ยุ่งยากแล้ว การจัดเก็บเอกสารเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนทำงานต้องวางแผน ทั้งเรื่องการจัดแฟ้มเอกสารหาจุดวางและคัดแยกประเภทของเอกสารให้เป็นหมวดหมู่ หาตู้หรือชั้นวางเอกสารมาไว้สำหรับจัดเก็บ และเมื่องานเอกสารเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่ตลอด การบริหารจัดการเอกสารจึงต้องทำทั้งการจัดเก็บเอกสารใหม่และทำลายเอกสารเก่า เมื่อมาถึงยุคที่ใครๆ ก็ทำงานออนไลน์ ดังนั้นระบบจัดการเอกสารออนไลน์จึงเป็นตัวช่วยที่ชาญฉลาดสำหรับพนักงานหรือองค์กรที่ต้องการประสิทธิภาพในการทำงานเอกสารที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น เพราะใช้เวลาตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างเอกสาร แก้ไขตรวจสอบ ไปจนถึงการขออนุมัติเอกสารออนไลน์ก็สามารถทำได้ เสร็จงานเอกสารได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีเพราะมีการแจ้งเตือนพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ละขั้นตอนให้สามารถเข้าถึงเอกสารของตนเองได้เลย เลิกปวดหัวกับงานเอกสาร มาจัดการเอกสารออนไลน์ด้วยระบบสร้าง แก้ไข อนุมัติเอกสาร On Cloud ในปัจจุบันไม่เพียงแค่การทำงานออนไลน์ที่ทุกคนใช้งานอินเทอร์เน็ตในการเข้าถึงข้อมูลและการอัพโหลดไฟล์ ส่งอีเมลเพื่อติดต่องานกันแล้ว การใช้งานพื้นที่จัดเก็บเอกสารไลน์ที่เรียกว่าระบบ Cloud ก็กำลังได้รับความนิยมโดยเฉพาะกับการจัดการไฟล์เอกสาร หรือจัดการเอกสารออนไลน์ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีการพิมพ์เอกสารออกมา ทำให้สามารถสร้างเอกสาร และจัดเก็บเอกสารไว้บนคลาวด์ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีพื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอ หากคุณได้ซื้อหรือชำระค่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เอาไว้แล้ว สิ่งนี้จะช่วยลดปัญหาการจัดเก็บเอกสารในสำนักงานออกไปได้ เพราะเมื่อข้อมูลและเอกสารทุกอย่างของคุณอยู่ในคอมพิวเตอร์และสามารถเรียกดูหรือนำมาใช้งานได้ตลอดเวลา ก็ไม่ต้องมานั่งหาแฟ้มเก็บเอกสารกันอีกต่อไป […]