หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องของสมการความสุข การสร้างสมดุลให้ชีวิต หรือการวางแผนชีวิตเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะความสมดุลของชีวิตสำหรับมนุษย์เงินเดือน รวมถึงเรื่องของการรักษาสุขภาพ ที่ปัจจุบันเทรนด์การออกกำลังกายและการทานอาหารเพื่อสุขภาพก็เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จะเห็นได้ว่าชาวออฟฟิศส่วนใหญ่เริ่มหาแพ็กเกจออกกำลังกายพร้อมเทรนเนอร์ และบางคนก็ยังให้เทรนเนอร์จัดโปรแกรมอาหารให้อีกด้วย

เรียกว่าเรื่องของ Work-Life Balance ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่การปรับสมดุลชีวิตเรื่องของการทำงานและชีวิตส่วนตัวหรือกิจกรรมสนุกๆเท่านั้น แต่หมายถึงการบาลานซ์ชีวิตในเรื่องของสุขภาพและจิตใจด้วย ทำงานอย่างไรไม่ให้เครียดจนเกินไป และยังได้สุขภาพที่ดีเป็นกำไรชีวิตอีกด้วย

Work Life Balance กับมนุษย์เงินเดือน

สำหรับมนุษย์เงินเดือนหลายคน อาจเคยมีทัศนคติว่าการทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่จะทำให้ชีวิตเราก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว บางคนอาจเชื่อว่าเราสามารถปรับสัดส่วนของเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัวให้พอดีกันได้โดยไม่ต้องทุ่มเทหรือสุดโต่งกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป หรือบางคนโดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน Gen Y หรือ Gen Z ที่อาจจะมองว่า หากเราวางแผนการทำงานอย่างดี เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากในการทำงาน แต่สามารถจัดการ task งานให้เสร็จได้ก่อนหรือตามกำหนด แล้วเอาเวลาที่เหลือไปหาความสุขให้ตัวเองได้โดยไม่เสียการเสียงาน เรียกว่าดูกันที่ end result เป็นหลัก

ไม่จำเป็นว่าต้องทำงาน 8 ชั่วโมง

มีเวลาให้สังคมหรือกิจกรรมอื่น 8 ชั่วโมง

แล้วเข้านอน 8 ชั่วโมงเสมอไป

ในขณะที่คนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับ “ความสุข” ในชีวิตส่วนตัว ขณะเดียวกันความสุขในการทำงานก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่จำเป็นจะต้องตามหาให้เจอ ไม่ใช่แค่การตามหาความสุขของชีวิต ว่าเราชอบอะไร อยากมีอะไร อยากอยู่ที่ไหน แต่การรู้ว่าเราอยากทำอะไร งานอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกใช่ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่จะนำพาความสุขมาให้เราชาวมนุษย์เงินเดือนเช่นกัน

เพราะถ้าหากเราได้ทำงานที่ถนัด ทำแล้วไม่รู้สึกเครียดกังวลจนเกินไป เราก็สามารถประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตได้ แล้วทำไมเราจะต้องทุ่มเทกับงานมากมายจนบางคนอาจจะล้มป่วยหรือต้องสูญเสียบางอย่างไประหว่างทางเพียงเพราะเราบาลานซ์ชีวิตไม่ลงตัว

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องไม่ทุ่มเทกับอะไรสักอย่างเลย แต่เราสามารถจัดสรรแบ่งสัดส่วนสิ่งต่างๆ ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตัวเองได้ บางคนอาจแบ่งส่วนของงานกับชีวิตส่วนตัวเป็น 60/40 หรือ 70/30 หรือ 50/50 แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เราจะสามารถจัดการเวลาในชีวิตกับการทำงานและงานอดิเรกหรือกิจกรรมที่เรารักได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเบียดเบียนเวลางาน หรือทำงานเยอะจนเบียดเบียนเวลาส่วนตัวสำหรับมนุษย์เงินเดือน

ตีความ Work-Life Balance ของมนุษย์เงินเดือนแต่ละ Gen

ส่วนการตีความ Work-Life Balance ของแต่ละคน มนุษย์เงินเดือนแต่ละ Gen อาจแตกต่างกัน หนึ่งในตัวช่วยในการจัดการบาลานซ์ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้ได้ดียิ่งขึ้นที่เราอยากจะแนะนำก็คือ การทำ to do list ทั้งสำหรับเรื่องงานและกิจวัตรประจำวัน หรือแม้แต่ตารางกิจกรรมในวันหยุด หากคุณเป็นคน Gen X หรือ Y คุณอาจให้ความสำคัญกับการงานหรือความมั่นคงในชีวิตมาก to do list

ในแต่ละวันของคุณอาจะเป็น Daily Task ในชั่วโมงทำงาน รวมไปถึงสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันนอกเวลางาน เช่น ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง หรือต้องแวะซื้อกับข้าว อาบน้ำแมว เป็นต้น ส่วน to do list รายสัปดาห์ของคุณ อาจะทำไว้สำหรับกิจกรรมหรือการนัดพบ สังสรรค์ต่างๆ เช่น นัดทานข้าววันเสาร์ เข้าสัมนาวันอาทิตย์ 

แต่ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน Gen Z หรือ Gen Y บางส่วน ที่ต้องการความสนุกสนามและไม่อยากเสียเวลาในหนึ่งวันกับการทำงานมากเกินไป นอกเหนือจาก to do list แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้ Work เป็นส่วนหนึ่งของ Life ในการทำ work-life balance นั่นก็คือการจัดการเวลา หรือการทำ Time Management โดยเฉพาะในเรื่องงาน หากเราสามารถเรียงลำดับความสำคัญของงานแต่ละอย่างในแต่ละวัน ว่าต้องทำงานไหนก่อน งานไหนทำทีหลัง และแต่ละงานจะต้องใช้เวลาในการทำงานเท่าไหร่ และต้องทำให้เสร็จภายในกี่โมง

เช่น หากวันนี้คุณมีงานด่วน กับงาน routine งานประจำที่จะต้องทำ 2-3 อย่าง คุณก็จะต้องชั่งน้ำหนักดูว่างานไหนต้องใช้เวลาทำนานกว่ากัน แน่นอนว่างานด่วนต้องทำก่อน ก็แค่ดูเวลาในการจัดการงานด่วนนั้น เช่น ให้เวลาในช่วงเช้าในการทำงานด่วน แล้วช่วงบ่ายก็เรียงลำดับความสำคัญของงานประจำที่ต้องใช้เวลาทำน้อยที่สุด -ใช้เวลามากที่สุด ก็จะทำให้เราสามารถทำงานได้ในปริมาณที่มากขึ้นในหนึ่งวัน

หากงาน routine ของคุณสามารถจัดการตารางงานและลดเวลาการทำลงได้ จากที่ในหนึ่งวันคุณทำงานได้ 2-3 งาน ในวันนี้คุณก็จะทำได้ 4 งาน และหากคุณสามารถรักษาเวลาหรือ speed การทำงานตามนี้ได้สม่ำเสมอ ในแต่ละวันหากคุณไม่มีงานด่วนแทรกเข้ามา คุณก็อาจจะมีเวลาว่างอีก 2-3 ชั่วโมงในการพักผ่อน หรือเอาเวลาไปศึกษาหาความรู้ รับ content ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์กับตัวคุณเองได้มากขึ้น ถือว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ Productive มากๆ

ยิ่งถ้าคุณทำงานในองค์กรที่ flexible เรื่องเวลางาน คุณก็จะสามารถ Balance ชีวิต มีเวลาให้กับกิจกรรมหรือกิจวัตรส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การใช้ตัวช่วยในการทำงาน หรือระบบการจัดการเอกสาร จัดการเวลางานต่างๆ ก็เป็นอีกวิธีในการช่วยให้ task งานในแต่ละวันของคุณสำเร็จลุล่วงไปได้รวดเร็วขึ้น และลดเวลาในการทำงานให้น้อยลง

มนุษย์เงินเดือนยุคใหม่กับการใช้เทคโนโลยีในการ Balance ชีวิต

ยิ่งถ้าคุณทำงานในองค์กรที่ flexible เรื่องเวลางาน คุณก็จะสามารถ Balance ชีวิต มีเวลาให้กับกิจกรรมหรือกิจวัตรส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การใช้ตัวช่วยในการทำงาน หรือระบบการจัดการเอกสาร จัดการเวลางานต่างๆ ก็เป็นอีกวิธีในการช่วยให้ task งานในแต่ละวันของคุณสำเร็จลุล่วงไปได้รวดเร็วขึ้น และลดเวลาในการทำงานให้น้อยลง โดยเฉพาะการทำงานเอกสารหรือขั้นลดการทำงาน การรออนุมัติงานต่างๆ เดี๋ยวนี้มีระบบที่เป็นตัวช่วยให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราประหยัดเวลาในการทำงานไปได้ อย่างระบบ Jobcan Workflow ที่เป็นตัวช่วยในการจัดการกองงานเอกสารได้เป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบหน้าตาของฟอร์มเอกสาร ออกแบบขั้นตอนการส่งอนุมัติ และการออกเอกสารที่จะลดเวลาการทำงานของคุณไปได้ถึง 1 ใน 3 ของเวลาทำงานปกติเลยทีเดียว

แม้แต่การจัดการกับเวลางานหรือวันหยุด คุณสามารถส่งใบลาออนไลน์หรือลางานล่วงหน้า รวมถึงสามารถจัดการเวลาเข้า-ออกงานได้ง่ายดายด้วย Jobcan Attendance Management ทำให้การอนุมัติวันลาหรือการส่งคำขอเกี่ยวกับการเข้า-ออกงานใดๆ ทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น ต่อไปนี้การบาลานซ์ชีวิตการทำงานกับวันพักผ่อนของคุณก็จะไม่เป็นเรื่องยุ่งยากอีกต่อไป

นิยามความสมดุลของชีวิต Work-Life Balance ในแบบของมนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ ไม่ได้หมายถึงเรื่องของการแบ่งเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัวเท่าๆกันเพียงเท่านั้น แต่การบาลานซ์ความลงตัวในเรื่องของการทำงาน การจัดการเอกสาร จัดการเวลางานของตัวเองให้สามารถมีเวลาพักผ่อนหาข้อมูลความรู้อื่นๆเพิ่มเติม หรือลดเวลาการทำงานปกติลงไปได้ ก็เป็นเทคนิคในการบาลานซ์ชีวิตในส่วนของการทำงานหรือ Work และจัดการกับความเครียดจากงานได้เหมือนกัน และการจัดการวันลาหยุด วันพักผ่อนของตัวเองให้ Life ของคุณ ได้ Balance กับพาร์ทของการทำงานได้ลงตัวมากขึ้น มีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างที่หวังได้มากขึ้น เมื่อมีเวลาจากการทำงานเหลือพอที่จะไปทำกิจกรรมหรือพัฒนาตนเอง จากมนุษย์เงินเดือนที่แบ่งเวลาความสุขเป็นเรื่องส่วนตัว และจริงจังกับเรื่องของการทำงาน จะกลายเป็นว่าคุณก็สามารถบาลานซ์ความสุขให้เกิดขึ้นได้ในเวลางานเช่นเดียวกัน

บทความอ้างอิง

Work Life Balance : ผนวกงานให้เข้ากับชีวิต

Jobcan Attendance ระบบตอกบัตรออนไลน์พนักงาน
สนใจระบบ Jobcan ติดต่อ 02-107-1867
ลงทะเบียนสอบถามข้อมูล : https://bit.ly/3pamnFe