ทำความรู้จักกับ PDPA ที่บังคับใช้แล้วในปัจจุบัน คืออะไรกันแน่

PDPA หรือ  Personal Data Protection Act คือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 แน่นอนว่าพ.ร.บ. นี้เกิดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเราปลอดภัยไม่ให้คนนำไปใช้สร้างประโยชน์หรือความเสียหายโดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเรานั่นเอง  ข้อมูลส่วนตัวคืออะไร ข้อมูลส่วนตัวหรือที่ใน PDPA จะระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขบัตรประกันสังคม เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต ที่อยู่ อีเมล์ รูปภาพใบหน้า ลายนิ้วมือ รูปภาพใบหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมถึงข้อมูลที่อาจเชื่อมโยงไปถึงบุคคลได้เช่นวันเกิดและสถานที่เกิด เชื้อชาติ สัญชาติ ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ ข้อมูลการประเมินผลงาน เป็นต้นซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นเอกสารฉบับบจริงหรือสำเนาก็นับเป็นข้อมูลส่วนบุคคลทั้งสิ้น ใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องข้อมูลส่วนบุคคล ใน PDPA ผู้ที่จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลจะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลที่ข้อมูลสามารถระบุไปถึงได้ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจ รวบรวม เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ที่ดำเนินการรวบรวม เปิดเผยข้อมูลตามคำสั่งของผู้ควบคุม ได้เป็นผู้ควบคุมเอง สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ […]

7 วิธีพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ก้าวหน้า ประสบความสำเร็จในที่ทำงาน

อยากเก่งขึ้นต้องทำยังไง? 7 วิธีพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ก้าวหน้า ประสบความสำเร็จในที่ทำงาน

ถึงชีวิตเราจะเคยพบกับการเปลี่ยนแปลงมานักต่อนัก แต่มันกลับเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนกลัว ทุกคนมักจะถอยออกห่างจากการลองทำอะไรใหม่ๆ หรือเปลี่ยนนิสัยบางอย่างของตัวเอง เพื่อรักษาความสมดุลของชีวิตเอาไว้ จนอาจมองข้ามไปว่าความก้าวหน้าในชีวิตนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากการเปลี่ยนแปลง   การพัฒนาตัวเองเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะเปลี่ยนตัวของเราไปในทางที่ดีขึ้น และเปิดโอกาสใหม่ๆ มากมายในชีวิต การที่เราจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น ทำได้ไม่ยาก หากมีแรงใจที่มุ่งมั่น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทักษะต่างๆ  หาความรู้ หาประสบการณ์ให้กับตัวเอง เป็นต้น จะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้น ทุกคนสามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้ ความสำคัญของการพัฒนาตัวเอง การพัฒนาตัวเองจะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีความกล้าที่จะเผชิญอุปสรรคและก้าวผ่านจุดด้อยของตัวเองได้เสริมสร้างนิสัยที่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ตัวเราพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยจะขอแบ่งเป็น 3 ข้อดังนี้ 1. สร้างโอกาสให้กับตัวเอง ทุกคนมีโอกาสในชีวิตไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเรื่องการทำงาน เช่น การรับคนเข้าองค์กร หรือการเลื่อนตำแหน่งที่มีจำนวนคนจำกัด เป็นต้น คำถามคือเราจะทำอย่างไรให้กลายเป็นคนที่ได้รับโอกาส? คำตอบคือการพัฒนาคุณสมบัติของตัวเราให้กลายเป็นคนที่เหมาะสมให้ได้ ก็จะเป็นการสร้างโอกาสให้ชีวิตเราก้าวหน้ายิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นสมาชิกในทีมขาย แต่อยากได้เงินเดือนเยอะขึ้น ก็ต้องตั้งใจพัฒนาตัวเอง หาความรู้ หาประสบการณ์ และทำผลงานเพื่อที่เลื่อนตำแหน่งเป็น Sales Manager หรือ Sales Director เป็นต้น 2. สร้างเป้าหมายและความท้าทายให้ชีวิต บางคนอาจใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย ซึ่งการพัฒนาตัวเองจะทำให้เรามีเป้าหมายในชีวิตเราแต่ละวัน […]

ความน่าเชื่อถือของ e-Signature

หลายบริษัทหรือองค์กรเริ่มมีการเปลี่ยนมาใช้ e-Document แทนการใช้กระดาษกันมากแล้ว แต่หนึ่งในปัญหาของการเปลี่ยนครั้งนี้คือการยืนยันตัวตนเมื่อมีการอนุมัติหรือลงนามเพราะความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ไม่สามารถลงนามด้วยปากกาได้อีกแต่เปลี่ยนมาใช้ e-Signature แทน ทำให้หลายคนอาจมีคำถามถึงความน่าเชื่อถือของการใช้ e-Signature ว่าสามารถยืนยันตัวตนได้จริงหรือไม่ กฎหมายเกี่ยวกับ e-Signature ตามพ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ได้มีการนิยามเกี่ยวกับ e-Signature หรือการลงลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้อย่างชัดเจนในหมวด ๒ ถึงเงื่อนไขการมีผลของ e-Signature ตามกฎหมายว่าหากจะใช้ยืนยันได้จริงจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขใดบ้าง เงื่อนไขความน่าเชื่อถือของ e-Signature e-Signature มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการยืนยันด้วยอีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือการใช้ OTP (One Time Password) ก็ตามแต่ทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) หมวด ๒ มาตรา ๒๖ ถึงมาตรา ๒๘ โดย JOBCAN ได้สรุปมาได้ดังนี้ 1. สร้างขึ้นโดยเจ้าของ e-Signature ในการสร้าง e-Signature นั้นจะต้องใช้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยังเจ้าของ e-Signature […]

อัพเกรดความ Productive ไม่ยาก! แค่เข้าใจและมีตัวช่วย

ในยุคที่ทุกอย่างล้วนแข่งขันกันด้วยเวลาเสียส่วนใหญ่หลายคนจึงต้องการปรับเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นคน Productive ซึ่งนับเป็นการปรับเปลี่ยนที่ไม่ง่ายเลยทีเดียวเพราะความ Productive นั้นมีเคล็ดลับบางอย่างที่จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นและยังมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ทำความเข้าใจกับการเป็นคน Productive การเป็นคน Productive นั้นหลักสำคัญอยู่ที่การจัดการกับตัวเองซึ่งนับเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากทีเดียว เพราะการบริหารตัวเองให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้นหมายความว่าเราต้องเข้าใจลักษณะนิสัยและความเคยชินของตัวเองทั้งหมดเสียก่อน จากนั้นก็สามารถวางแผนบริหารเวลาในด้านต่างๆ ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตให้สามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด กล่าวอย่างสรุปคือเราต้องจัดการตัวเองให้ได้ก่อนจากนั้นค่อยเริ่มบริหารเวลาก็จะทำให้เราสามารถเดินตามแผนการทำงานที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ตัวช่วยและปัจจัยที่จะช่วยให้เกิดความ Productive แน่นอนว่าการจะเป็นคน Productive นั้นต้องมีเคล็ดลับบางอย่างที่ช่วยให้สามารถบริหารสิ่งต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งตัวช่วยแต่ละอย่างบอกเลยว่าไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเทคนิควิธีการอะไรบ้างที่สามารถนำมาเป็นตัวช่วยได้บ้าง สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการทำงาน การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการทำงานเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากทีเดียว ซึ่งสิ่งแวดล้อมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการจัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบหรือการอยู่ที่สถานที่เงียบสงบเพื่อให้มีสมาธิ แต่เป็นสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่นบางคนชอบการนั่งทำงานที่คาเฟ่ บางคนอาจจะชอบทำงานไปพร้อมกับเสียงเพลง เป็นต้น หรือโดยทั่วไปสามารถนำหลักการ 5ส มาประยุกต์ใช้ได้ง่ายๆ ดังนั้นเพื่อให้เราสามารถทำงานได้อย่าง Productive จึงต้องเรียนรู้นิสัยการทำงานว่าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดจึงจะทำงานได้ดีมากที่สุด คุณจะพบว่างานที่ทำนั้นออกมาได้ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน วางแผนจัดลำดับความสำคัญ การวางแผนเรียงลำดับความสำคัญคือ หนึ่งในเทคนิคการบริหารเวลาอย่างคน Productive ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เราทำงานสำคัญออกมาได้ในเวลาที่สมควร โดยมีการแบ่งประเภทงานตามลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนดังนี้ สำคัญและเร่งด่วน งานที่สำคัญเราต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด จัดลำดับความสำคัญเป็นอย่างแรก เป็นสิ่งแรกที่เราจะทำ  สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน ลำดับรองลงมาคืองานสำคัญที่เราต้องทำให้เสร็จแต่ไม่ได้เร่งด่วน สามารถจัดไว้ลำดับรองลงมาได้ ซึ่งเราควรให้งานสำคัญส่วนใหญ่เสร็จตั้งแต่ตอนที่งานยังอยู่ในลำดับนี้เพื่อให้งานออกมาได้ดีที่สุด ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน สำหรับงานประเภทนี้เราอาจจะต้องพิจารณาว่าเราต้องเป็นทำงานนี้หรือไม่ หากเป็นงานที่เร่งด่วนจริงสามารถขอให้คนอื่นที่สามารถทำได้และอาจเป็นงานสำคัญของเขาทำได้หรือไม่ โดยส่วนใหญ่งานประเภทนี้จะเข้ามากระทันหัน หากเราสามารถปฏิเสธได้ก็ปฏิเสธ เพราะไม่อย่างนั้นอาจทำให้แผนงานที่เราวางไว้เกิดปัญหาได้ […]

Teamwork คืออะไร? ขอนำเสนอ 7 เทคนิคช่วยพัฒนาการทำงานเป็นทีม

การจะทำให้งานให้สำเร็จมีสองวิธี คือ การทำงานแบบคนเดียวและการทำงานเป็นทีม ถึงแม้จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในองค์กรต่างๆ เราล้วนต้องทำงานแบบเป็นทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในวันนี้ JOBCAN ขอนำเสนอ 7 เทคนิคที่ช่วยพัฒนาการทำงานเป็นทีมกันค่ะ การทำงานเป็นทีม (Teamwork) คืออะไร การทำงานเป็นทีมก็คือการร่วมมือกันของคนหลายๆ คนเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่ทุกคนจะต้องประสานงานกัน ทีมเวิร์คยังหมายถึงการที่สมาชิกในทีมต่างใช้ความสามารถของตัวเอง ในการออกความคิดเห็นและพัฒนาผลลัพธ์ของทีมอีกด้วย ทีมเวิร์คที่ประสบความสำเร็จจะมีคุณสมบัติดังนี้ สมาชิกในทีมควรมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีทักษะมนุษยสัมพันธ์ที่ดี  มีการสื่อสารแบบเปิดและมอบพลังบวกให้แก่กัน มีการมอบหมายงานที่เหมาะสม ทำตามกฏของทีม รับฟังหัวหน้าทีมและรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ทำไมทีมเวิร์ค (Teamwork) ที่ดีจึงสำคัญ การมีทีมเวิร์คที่ดีจะส่งผลให้ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จและเกิดผลลัพธ์ที่ดี โดยปกติแล้ว คนในทีมล้วนอยากทำหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดในงาน นอกจากนี้ การทำงานเป็นทีมควรแบ่งหน้าที่ ที่เหมาะสมให้กับแต่ละคน ทำให้เกิดการแบ่งเบาซึ่งกันและกัน นอกจากนี้งานจะเสร็จได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย “เราเป็นหยดน้ำเพียงหนึ่งหยดเมื่ออยู่คนเดียว แต่จะเป็นมหาสมุทรถ้าเรารวมตัวกัน” — Ryunosuke Satoro การทำงานเป็นทีมยังช่วยให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากบุคลากรที่มีความสามารถและประสบการณ์เยอะกว่า ซึ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับพนักงานมาใหม่ ในขณะเดียวกัน พนักงานที่อยู่มานานก็สามารถแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ กับคนใหม่ๆได้อีกด้วย การแลกเปลี่ยนและการพูดคุยระหว่างทำงานจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีให้กับคนในทีมและทำให้การทำงานมีบรรยากาศที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก เทคนิคการพัฒนาการทำงานเป็นทีม 7 ข้อ […]

อุปกรณ์บันทึกเวลาของ Jobcan Attendance

การจัดการบริหารเวลาเป็นเรื่องที่หลายบริษัทให้ความสำคัญเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารทรัพยากรด้านอื่นๆ อย่างเช่นการประเมินผลการทำงาน การจ่ายเงินเดือน เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับเวลาการทำงานของพนักงาน เพื่อตรวจสอบและพัฒนาบริหารทรัพยากรมนุษย์ในบริษัทต่อไปนั่นเอง นอกจากนี้ด้วยรูปแบบการทำงานที่ต่างไปจากเดิม ทำให้การตอกบัตรหรือการบันทึกเวลาการทำงานไม่ว่าจะเป็นการพักเบรค ลาพักร้อน ทำงานล่วงเวลาก็ต้องการการบันทึกเวลาที่ชัดเจนแม่นยำมากขึ้นแต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความยืดหยุ่นและใช้งานได้ง่ายขึ้น จึงต้องยกเอาระบบไปไว้บน Cloud ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อได้ง่าย เรามาดูจุดเด่นของการตอกบัตรบน Cloud นี้กัน จุดเด่นของการใช้ระบบการบันทึกเวลาเข้างานหรือตอกบัตรบน Cloud การทำงานในปัจจุบันเน้นความยืดหยุ่นสำหรับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ฝ่าย HR หรือพนักงานในองค์กรต่างก็ต้องสามารถเข้าถึงการตอกบัตรได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แต่เพราะการทำงานไม่ได้อยู่ในสถานที่เดียวอีกต่อไปแล้ว การตอกบัตรบันทึกเวลาทำงานบน Cloud โดยมีซอฟต์แวร์รองรับจึงเป็นวิธีการที่ทำให้งานสะดวกขึ้นมาก นอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ เช่น สามารถรับรู้และจัดการข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ การตอกบัตรหรือบันทึกเวลาเข้างานบน Cloud จะช่วยให้สามารถตรวจสอบเวลาที่ลงบันทึกหรือตอกบัตรได้ทันทีที่มีการลงบันทึก ไม่ว่าผู้บันทึกจะไปทำงานที่ใดก้ตาม อาจเป็นไซส์ก่อสร้าง หรือการเจอกับลูกค้าในที่อื่นๆ ก็สามารถจัดการและตรวจสอบข้อมูลได้ทันที หากมีความผิดปกติที่เกี่ยวกับเวลาเข้างานก็สามารถตรวจสอบและแก้ไขได้ทันที สามารถนำข้อมูลเวลาการทำงานมาใช้ประโยชน์ได้จริง ข้อมูลทุกอย่างที่มีการบันทึกด้วยระบบบันทึกเวลาการทำงานบน Cloud จะมีการเก็บข้อมูลและสามารถสรุปออกมาเพื่อใช้งานได้อย่างง่ายดายในรูปแบบที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นแบบกราฟ จัดเรียงเป็นสถิติหรือตารางก็ได้ทั้งนั้น ทำให้สามารถนำมาต่อยอดพัฒนาองค์กรได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเรียบเรียงข้อมูลใหม่ สามารถลดต้นทุนการทำงานที่เกี่ยวกับการบันทึกเวลางานได้ ในองค์กรขนาดเล็กมักมีพนักงานอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบคนขึ้นไปหรือหากเป็นองค์กรขนาดใหญ่เองก็จะมีพนักงานมากขึ้น การจัดการคำนวณเวลาเข้า-ออกงานด้วยรูปแบบเก่านั้นเรียกว่าต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังคนมากมายทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเสียค่าทรัพยากรอย่างกระดาษหรือเครื่องมือเพิ่มเติมอื่นๆอีกด้วย ซึ่งกลายเป็นต้นทุนที่ต้องเสียไปเกินกว่าความจำเป็น ขณะที่ระบบตอกบัตรบน Cloud นั้นจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเวลา กระดาษ หรือคน สามารถลดความผิดพลาดของมนุษย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ มนุษย์เราสามารถสร้างความผิดพลาดได้เสมอไม่ว่าจะป้องกันมากเท่าใดก็ตามแต่หากเป็นระบบอัตโนมัติแล้วความผิดพลาดย่อมน้อยกว่าและที่สำคัญคือทุกการผิดพลาดที่เกิดขึ้นสามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร […]

เราจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีได้อย่างไร

วัฒนธรรมองค์กรคือ การสร้างทัศนคติ ค่านิยมและความเชื่อร่วมกันในองค์กรเพื่อให้องค์กรสร้างเป้าหมายหลักที่เป็นภาพเดียวกันขึ้นมาได้ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อวัฒนธรรมขององค์กรสามารถกำหนดวิถีการทำงานและสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับองค์กรได้ด้วย เรามาดูกันให้ชัดๆ ดีกว่าว่าประโยชน์หลักที่วัฒนธรรมองค์กรสามารถทำได้มีอะไรบ้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ดีมีประโยชน์อย่างไร การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคนในองค์กรสร้างขึ้นมาด้วย แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากผลที่ได้กลับคุ้มค่าอย่างมากทีเดียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร การมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีจะต้องมีการทำงานประสานกันและยังมีวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน ทั้งยังมองเห็นและเข้าใจคุณค่าของการทำงานส่งผลให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีช่วยสร้างรูปแบบการทำงานที่ช่วยให้พนักงานมีความสุขสามารถแสดงศักยภาพของตนออกมาได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย ช่วยดึงดูดพนักงานที่มีความสามารถเข้ามาสนใจองค์กร วัฒนธรรมองค์กรสามารถแสดงถึงรูปแบบการทำงานและความเป็นอยู่ภายในองค์กรได้หากองค์กรมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีแล้วจะทำให้คนที่มีศักยภาพและต้องการทำงานด้วยวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายเดียวกันเข้ามาสนใจ ดังนั้นยิ่งวัฒนธรรมองค์กรมีความแข็งแรงมากเท่าไหร่ การได้พนักงานที่ตรงตามความต้องการและมีความสามารถก็มีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น ช่วยให้พนักงานอยู่กับองค์กรนานขึ้น เมื่อองค์กรสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีได้แล้วจะช่วยให้พนักงานสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่าองค์กรนี้เหมาะกับการทำงานของตนหรือไม่ ขณะเดียวกันก็สามารถคัดเลือกเอาพนักงานที่มีสไตล์การทำงานตรงกับวัฒนธรรมองค์กรได้ด้วย ส่งผลให้พนักงานอยู่กับองค์กรได้นานมากขึ้น วิธีการวางแผนสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ได้รู้ประโยชน์ของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีกันแล้ว แต่ว่าเราจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง ไปดูกัน สร้างเป้าหมายกำหนดรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรที่อยากให้เป็น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามเราควรมีการกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนเช่นเดียวกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เราต้องมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายให้ชัดเจนที่สุดเพื่อพาองค์กรไปในทางเดียวกันเพราะการสร้างวัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาจึงต้องชัดเจนที่สุด วางกลยุทธ์โดยทั้งองค์กรต้องมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน การสร้างวัฒนธรรมองค์กรมีองค์ประกอบอยู่หลายด้านทีเดียวจึงต้องมีการวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกันและขณะเดียวกันก็ต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการสร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายของวัฒนธรรมองค์กรร่วมกัน ไม่อย่างนั้นวัฒนธรรมองค์กรที่ออกมาอาจไม่ดีพอที่จะไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ใช้พื้นที่โซเชียลมีเดียให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ในปัจจุบัน Work from home มีเพิ่มมากขึ้นทำให้การพบปะพูดคุยหรือการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานลดลง ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนสร้างวัฒนธรรมองค์กรโดยให้ตัวช่วยอย่างโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นสื่อกลางในการสื่อสารด้วย สร้างแบบอย่างที่ดีเพื่อให้เป็นค่านิยม การมีแบบอย่างหรือบุคคลต้นแบบจะทำให้ภาพเป้าหมายของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรชัดเจนมากขึ้น ทั้งยังเป็นตัวอย่างที่นับว่ามีอิทธิพลอย่างมากทีเดียวและยังสามารถช่วยให้วัฒนธรรมองค์กรแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย วัฒนธรรมองค์กรต้องเหมาะกับยุคสมัยและสไตล์การทำงานของคนในองค์กร รูปแบบและความหมายของการทำงานในอดีตต่างจากปัจจุบันค่อนข้างมากแล้ว ทำให้วัฒนธรรมองค์กรในรูปแบบเดิมอาจไม่ดึงดูดหรือสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างที่ต้องการ จึงควรมีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้ยืดหยุ่นเข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอเช่น การกำหนดเวลาเข้างาน การตรวจวัดผลการทำงาน เป็นต้น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรสามารถกำหนดและสร้างเองได้แต่หากอยากได้ประสิทธิภาพที่รวดเร็วมากขึ้นสามารถจ้างองค์กรข้างนอกมาช่วยพัฒนาก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องวัฒนธรรมองค์กรก็ยังเป็นเรื่องของเวลาที่ต้องบ่มเพาะไปพร้อมกับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในองค์กรด้วย Jobcan Attendance ระบบเข้าออกงานพนักงาน ตอกบัตรออนไลน์สนใจระบบ […]

Soft skill คืออะไร? พบกับ 8 ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในยุคสมัยนี้

หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นคำว่า soft skill ผ่านตากันมาบ้างแล้ว แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่? แตกต่างจาก hard skill อย่างไร? วันนี้ Jobcan จะมาทำความเข้าใจกับความหมายของสิ่งเหล่านั้น พร้อม 8 ทักษะที่สำคัญต่อการทำงานในยุคสมัยนี้ SOFT SKILL หมายความว่าอย่างไร? Soft skill หรืออาจแปลตรงตัว ว่า ‘ทักษะอ่อน’ แต่แท้จริงแล้ว มันคือชื่อเรียกทักษะทางสังคม หรือทักษะด้านอารมณ์ ที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการทำงานและมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน หลายคงอาจจะสับสนกับ hard skill ซึ่งเป็น ‘ทักษะแข็ง’ หรือทักษะที่ได้รับมาผ่านการเรียนรู้และฝึกฝน หรือกล่าวได้ว่าเป็นทักษะทางเทคนิค หรือทักษะเฉพาะของสายอาชีพนั้นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักๆ ที่ hr จะใช้รับคนเข้าทำงานในองค์กรของตน เช่น ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะด้านการเขียนโปรแกรม ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล ทักษะทางด้านภาษาต่างประเทศ ทักษะด้านการตลาด ฯลฯ SOFT SKILL มีความสำคัญอย่างไรในการทำงาน ถึงแม้ hard skill จะเป็นอันดับแรกที่ […]

บริหารงานบุคคลให้ง่ายขึ้น โดย HR Solution on cloud

ในช่วงที่ต้อง Work from home กันแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาพิสูจน์การบริหารงานของ HR อย่างมากเลยทีเดียวเพราะเวลาการทำงานของพนักงานมีความเปลี่ยนแปลงไม่อาจนับเวลาและเข้างานได้ตามปกติอีก จำเป็นต้องมีการนับเวลาและระบบการบริหารงานบุคคลแบบใหม่มารองรับ วันนี้ JOBCAN พาคุณมาทำความรู้จักกับ Hr solution on cloud วิธีแก้ปัญหาการบริหารงานบุคคลในเวลานี้ Hr Solution on cloud คืออะไร Hr solution คือการแก้ไขปัญหาการบริหารระบบทรัพยากรบุคคล พอรวมกับ on cloud แล้วก็คือการบริหารงานทรัพยากรบุคคลผ่านระบบออนไลน์ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะเช่าซื้อซอต์ฟแวร์ที่ให้บริการระบบงานบริหารทรัพยากรบุคคลทั้งหมดแทนการพัฒนาขึ้นมาเองเพราะไม่ต้องใช้งบลงทุนมากนัก Hr Solution on cloud มีประโยชน์ดังนี้ เรามาดูประโยชน์ของ Hr solution on cloud กันให้แน่ชัดว่ามีอะไรบ้างกัน สามารถเข้าถึงระบบได้ตลอดเวลา ทั้งพนักงานและฝ่าย Hr Hr solution มักออกแบบเพื่อแก้ปัญหาให้ระบบสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทั้งสำหรับพนักงานที่ต้องการลงบันทึกเวลาการทำงาน ซึ่งเป็นระบบสำคัญที่ทุกองค์กรควรมีในการ หรือส่งเอกสารการอนุมัติเกี่ยวกับการทำงานสามารถทำได้ง่ายและฝ่าย hr เองก็สามารถเข้าไปตรวจสอบเอกสารและบันทึกการลงเวลาทำงานได้ง่ายด้วยเพราะทุกอย่างจะเก็บอยู่ในระบบ มีความปลอดภัยของข้อมูลที่ได้มาตรฐาน ข้อมูลบันทึกการเข้า-ออกงานและเอกสารต่างๆ ที่ฝ่ายบุคคลรับผิดชอบนับเป็นเอกสารสำคัญอย่างมาก Hr solution […]

เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเอกสารในองค์กร ด้วย Jobcan Workflow

ในหนึ่งองค์กรหรือบริษัทนั้นจะมีงานเอกสารมากมายเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันอาจมีได้ถึงหลายร้อยฉบับเลยทีเดียว หากต้องจัดการเอกสารเหล่านี้ทีละแผ่น ทีละใบ คงเป็นเรื่องที่วุ่นวายต้องใช้ทรัพยากรมากมายทีเดียว หลายองค์กรเลยมองหาซอฟต์แวร์มาเป็นตัวช่วยในการจัดการเอกสารและเดินเอกสารให้อัตโนมัติตามขั้นตอนที่เราต้องการ เพื่อเข้าสู่องค์กรแบบ Paperless วันนี้ JOBCAN จึงเอาคุณสมบัติและตัวอย่างแบบฟอร์มที่สามารถสร้างและอนุมัติตามขั้นตอนที่คุณต้องการได้บน Jobcan Workflow นั้นจะมีอะไรบ้าง ช่วยจัดการเอกสารให้ง่ายขึ้นด้วยคุณสมบัติของ Jobcan Workflow สามารถสร้างแบบฟอร์มได้มากเท่าที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่หรือบริษัทขนาดเล็กต่างก็มีความต้องการในการจัดเอกสารในปริมาณที่ต่างกันซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องสร้างในปริมาณมาก Jobcan Workflow จึงไม่มีการจำกัดปริมาณในการสร้างแบบฟอร์มสามารถสร้างได้ตามจำนวนที่ต้องการใช้ได้เลย รองรับทุกรูปแบบการใช้งานของแบบฟอร์ม แม้จะเรียกว่าเป็นแบบฟอร์มแต่ในการจัดการเอกสารก้ยังมีอะไรหลายอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขความต้องการของบริษัทดังนั้น Jobcan Workflow จึงเปิดให้คุณสามารถสร้างแบบฟอร์มที่สามารถตั้งค่าประเภทการป้อนข้อมูลได้หลากหลายด้วยวิธีการตั้งค่าที่ง่ายและไม่ซับซ้อน จึงสามารถสร้างเอกสารแบบฟอร์มที่มีรูปแบบเฉพาะของบริษัทได้ด้วย กำหนดลำดับขั้นในการอนุมัติได้อย่างยืดหยุ่น นอกจากการสร้างเอกสารแบบฟอร์มที่สามารถกำหนดได้ตามความต้องการแล้ว Jobcan Workflow ยังสามารถให้คุณออกแบบขั้นตอนการเดินทางไปตอบรับคำขออนุมัติในแต่ละขั้นตอนได้ด้วย และยังกไหนดเงื่อนไขเพื่อให้เอกสารไปตามเส้นทางที่เราต้องการได้ เช่น หากคุณต้องการอนุมัติค่าใช้จ่ายในราคาต่ำกว่า 1,000 บาทให้เอกสารเดินทางไปขออนุมัติที่ผู้จัดการ แต่หากเป็นเป็นค่าใช้จ่ายมากกว่า 1,000,000 บาทให้เดินทางไปถึงผู้บริหารเป็นต้น ตัวอย่างแบบฟอร์มหรือการจัดการเอกสารที่คุณสามารถสร้างได้ด้วย Jobcan Workflow แบบฟอร์มอนุมัติ การออกแบบฟอร์มอนุมัตินับเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกบริษัทต้องใช้ แน่นอนว่า Jobcan Workflow จะมีให้คุณสามารถออกแบบและใช้งานได้ตั้งแต่รูปแบบของเอกสารไปจนถึงเงื่อนไขการอนุมัติว่าควรให้ใครอนุมัติแบบฟอร์มบ้าง ช่วยลดงานเรื่องการเดินเอกสารของฝ่ายบุคคลไปได้มากทีเดียว แบบฟอร์มแจ้งเตือนการเปลี่ยนที่อยู่ การเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของพนักงานก็เป็นงานที่ต้องมีแบบฟอร์มแจ้งความจำนงที่ชัดเจนซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจัดการเอกสารแต่หากใช้ Jobcan Workflow ซึ่งสามารถสร้างแบบฟอร์มและยื่นได้ภายในระบบ เลย […]

วิธีรับมือของ HR เมื่อพนักงานลาออก

hr หรือฝ่ายบุคคลเป็นผู้ดูแลพนักงานตั้งแต่เข้าทำงานไปจนถึงวันสุดท้ายของการทำงาน ดังนั้นเมื่อพนักงานลาออก HR จึงต้องคอยจัดการทำเรื่องให้พนักงานออกจากระบบของการเป็นลูกจ้างของบริษัทนั้นๆ ไปด้วย ซึ่งจะมีขั้นตอนมากมายที่ต้องจัดการ วันนี้ JOBCAN จะนำเสนอเรื่องขั้นตอนที่จะต้องประสานงานเมื่อมีพนักงานลาออก เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่ควรต้องทำ จดหมายลาออกอย่างเป็นทางการ หลังจากที่พนักงานมีการแจ้งลาออกกับหัวหน้างานเรียบร้อยและมาแจ้งกับฝ่าย HR แล้วจะต้องขอจดหมายลาออกอย่างเป็นทางการซึ่งอาจเป็นแบบฟอร์มที่ฝ่าย HR เตรียมไว้หรือเป็นจดหมายลาออกที่พนักงานเตรียมเองก็ได้เช่นกัน แต่ต้องมีแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนแจ้งเอาไว้ Exit Interview ก่อนเข้าทำงานมีการสัมภาษณ์ เมื่อออกจากการทำงานก็ต้องมีการสัมภาษณ์ถึงเหตุผล ปัญหาการทำงานและเรื่องที่พนักงานติดขัด ซึ่งเราสามารถนำปัญหาเล่านี้มาปรับแก้เพื่อให้องค์กรมีการพัฒนา ปรับปรุง ป้องกันปัญหาการลาออกในเหตุผลเดียวกันได้และยังช่วยให้พนักงานที่ยังคงอยู่มีความสุขกับการทำงานได้มากขึ้น แจ้งสิทธิประโยชน์ทางกฎหมาย หลังจากมีการแจ้งลาออกแล้วฝ่าย HR ควรแจ้งสิ่งสำคัญอย่างสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายที่พนักงานควรได้รับเช่น การส่งเงินประกันสังคม การรับเงินทดแทนจากประกันสังคมเป็นต้น หรือหากบริษัทมีสวัสดิการด้านอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ควรแจ้งให้พนักงานทราบเพื่อให้สามารถรักษาผลประโยชน์นั้นๆ หลังลาออกได้ ออกเอกสารหนังสือรับรองต่างๆ เมื่อพนักงานจะสิ้นสุดการทำงานกับองค์กรแล้วฝ่าย HR จะต้องออกเอกสารที่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครที่ใหม่เพื่อยืนยันว่าพนักงานเคยทำงานที่องค์กรจริงนั่นเอง นี่เป็นข้อบังคับทางกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 585 เมื่อการจ้างแรงงานสุดสิ้นลงแล้ว ลูกจ้างชอบที่จะได้รับใบสำคัญแสดงว่าลูกจ้างนั้นได้ทำงานมานานเท่าไหร่และงานที่ทำนั้นเป็นงานอย่างไร คำนวณเงินได้ของเดือนสุดท้าย โดยส่วนใหญ่แล้วพนักงานที่มีการแจ้งลาออกกับ HR จะทำงานต่ออีก 30 วันซึ่งอาจมากหรือน้อยกว่านั้นตามการตกลงกันระหว่างองค์กรกับพนักงานทำให้ระยะเวลาการทำงานอาจไม่สามารถนับเป็นเดือนต่อเดือนได้เหมือนเดิม ดังนั้นจึงต้องทำการคำนวณเงินได้ทั้งหมดเพื่อจ่ายให้แก่พนักงานในเดือนสุดท้าย รับคืนทรัพย์สินของบริษัท หลายองค์กรมีสวัสดิการเครื่องมือการทำงานมอบให้สำหรับพนักงานในแต่ละตำแหน่งเช่น แล็ปท็อป บัตรประจำตัว […]

เปลี่ยนงาน HR สู่ยุคดิจิตอล จัดการข้อมูลลงเวลาพนักงานผ่านออนไลน์

ในอนาคตรูปแบบการทำงานอาจมีการเปลี่ยนแปลงให้มีอิสระมากขึ้นและหลากหลายมากขึ้น ดังที่เราได้เห็นกันในปัจจุบันว่าหลายบริษัทเริ่มมีการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น พนักงานสามารถกำหนดวันเวลาการทำงานเองได้หรือการ Work from home ซึ่งทำให้งาน hr อย่างการจัดการข้อมูลลงเวลาการทำงานของพนักงานจำต้องมีความเปลี่ยนแปลงให้ยืดหยุ่นตามไปด้วยจึงเกิดเป็นการลงเวลาออนไลน์ขึ้นมา วันนี้ JOBCAN จึงมาบอกเล่าถึงการลงเวลาออนไลน์จะช่วยให้งาน hr ได้อย่างไรบ้าง โดยอย่างแรกมาทำความเข้าใจกับอุปสรรคเรื่องการลงเวลาบันทึกการเข้า-ออกงานออนไลน์กันก่อนเลย อุปสรรคการเปลี่ยนแปลงงาน hr สู่ออนไลน์ แต่ละรูปแบบการทำงานจะต้องมีข้อดีอันเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้วซึ่งสำหรับงาน hr ที่ต้องปรับจากออฟไลน์มาสู่ออนไลน์นั้นจะมีจุดที่ต้องแก้ไขอยู่ 3 ข้อด้วยกัน ได้แก่ 1. การตรวจสอบข้อเท็จจริง การลงเวลาออนไลน์ยังเป็นปัญหาสำหรับงาน hr ที่ระบบหรือเทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้จะต้องสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าพนักงานที่ลงเวลานั้นมีการทำงานจริงหรือไม่ โดยระบบอาจใช้วิธีการยืนยันตัวตนและบันทึกการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเอาไว้เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้เสมอ 2. การตรวจนับเวลาการทำงาน ด้วยการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นทำให้การทำงานของพนักงานอาจมีเวลาไม่ตรงกันและไม่สามารถกำหนดได้ชัดเจน หลายองค์กรจึงใช้วิธีการทำงานข้อตกลงร่วมกันว่าจะต้องทำงานต่อวันรวมแล้วกี่ชั่วโมงแทน ทำให้ตัวช่วยงาน hr ออนไลน์จะต้องสามารถนับคำนวณเวลาการทำงานได้อัตโนมัติ 3. การอนุมัติ OT และ วันลาพัก งาน hr ที่เกี่ยวข้องกับการลงเวลาของพนักงานยังมีการอนุมัติ OT และวันลาพักซึ่งเมื่อมีการลงเวลาออนไลน์กับเดินเอกสารขอคำอนุมัติเรื่องต่างๆ ก็ควรจะสามารถจัดการได้ในแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมตัวเดียวกันไปเลยเพื่อให้สามารถคำนวณเวลาการทำงานได้ง่ายมากขึ้น ประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยงาน hr 1. มีตัวเชื่อมระหว่างพนักงานในองค์กรกับ HR การทำงาน hr […]