แก้ปัญหาการขาดคนด้วย Employee Referral Program โดยการให้พนักงานแนะนำเพื่อน/คนรู้จัก

การตามหาบุคลากรที่มีความสามารถตรงกับความต้องการขององค์กรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยซึ่งสามารถนับได้ว่านี่เป็นงานที่ท้าทายงานหนึ่งของ HR เลยทีเดียว แต่ก็ใช่ว่า HR จะไม่มีตัวช่วยดีๆ เพราะการหาคนที่มีความสามารถได้ตามต้องการนั้น HR สามารถขอความร่วมมือจากพนักงานให้มีการแนะนำบุคคลที่มีความสามารถเข้ามาสมัครหรือสัมภาษณ์งานกับบริษัทได้เช่นกัน โดยวิธีนี้จะเรียกว่า Employee Referral Program วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอารายละเอียดของวิธีการดีๆ อย่าง Employee Referral Program นี้มาแบ่งปันให้ได้รู้กันว่าคืออะไร มีขั้นตอนการทำอย่างไร พร้อมข้อดี ข้อเสียและวิธีการดึงดูดพนักงานให้ช่วยแนะนำ ไปดูกันเลย ทำความรู้จักกับ Employee Referral Program Employee Referral Program คือโปรแกรมที่เปิดให้พนักงานได้แนะนำคนรู้จัก เพื่อนหรือครอบครัวให้กับบริษัทในตำแหน่งที่กำลังสรรหาบุคลากรเข้ามารับตำแหน่ง โดยมีแรงจูงใจในการดึงดูดให้พนักงานเข้าร่วมโปรแกรมเป็นค่าตอบแทนในการตามหาบุคลากร เมื่อคนที่ได้รับการแนะนำผ่านการสัมภาษณ์และได้รับเข้าเป็นพนักงานแล้ว ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้หาบุคลากรที่ต้องการได้เร็วมากขึ้น ขั้นตอนการทำ Employee Referral Program การทำ Employee Referral Program ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ละองค์กรสามารถออกแบบได้ตามต้องการ โดยส่วนมากจะมีขั้นตอนดังนี้ กำหนดเป้าหมายการว่าจ้าง ความจริงแล้วขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนพื้นฐานตามปกติที่ต้องทำในการรับสมัครบุคลากรหรือพนักงานในทุกตำแหน่ง ที่จะต้องกำหนดเป้าหมายในการว่าจ้างว่าต้องการกี่คน ในระดับใดบ้าง และต้องการภายในระยะเวลาเท่าใด การกำหนดเป้าหมายการว่าจ้างนี้จะต้องกำหนดร่วมกับแผนกหรือฝ่ายงานที่รับผิดชอบงานในตำแหน่งนั้นๆ ด้วยเพื่อให้สามารถเติมเต็มความสามารถที่ต้องการได้ […]

เมื่อบริษัทให้ลางานแบบไม่รับค่าจ้าง/เงินเดือน (Leave Without Pay) จะมีวิธีจัดการอย่างไร

ทุกองค์กรหรือบริษัทต้องมีการมอบสิทธิ์วันลาให้กับพนักงานเพราะเป็นสิ่งที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายแรงงาน ซึ่งสิทธิ์การใช้งานนั้นย่อมเป็นสิ่งที่พนักงานจะบริหารกันเอง และในบางบริษัทยังมีการให้สิทธิ์การลาในจำนวนที่แตกต่างกันด้วย แต่ถึงอย่างนั้นหลายบริษัทก็ยังคงให้สิทธิ์การลาแบบไม่รับเงินเดือนหรือที่เรียกกันว่า Leave Without pay นั่นเอง ซึ่งบางครั้งวิธีนี้ก็สร้างปัญหาให้กับบริษัทอยู่บ้างเช่นกัน วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาวิธีการจัดการหรือมาตรการที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการลางานแบบไม่รับค่าจ้างของพนักงานที่ลางานบ่อยครั้งจนกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของทีมหรือบริษัท ทำความรู้จักกับ Leave Without pay หรือการลางานแบบไม่รับค่าจ้าง Leave Without pay หรือการลางานแบบไม่รับค่าจ้าง คือการขาดงานโดยหักค่าจ้างออกตามวันที่ขาดงานและยังคงสถานะการเป็นลูกจ้างดังเดิม แต่สามารถหยุดงานได้ไม่ต่างจากวันลาพักร้อน ทั้งนี้ในบางบริษัทอนุญาตให้พนักงานสามารถหยุดระยะสั้นแบบไม่รับค่าจ้างในกรณีที่แจ้งเรื่องลาพักหรือใช้วันลาพักร้อนหมดแล้ว หรือจะเป็นการลางานระยะยาวเพื่อเรียนต่อหรือทำธุระอื่นๆ ก็ได้ ซึ่งการลางานเช่นนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในกรณีที่มีการตกลงกับบริษัทแล้วเท่านั้น มาตรการการรับมือการลางานแบบไม่รับค่าจ้าง แม้ว่าจะบอกว่าเป็นการตกลงกันระหว่างบริษัทและพนักงานแต่ในบางครั้งการลางานแบบไม่รับเงินเดือนก็เป็นทางเลือกที่บริษัทยื่นให้เมื่อเผชิญกับวิกฤต แล้วพนักงานควรรับมืออย่างไร คำนวณค่าใช้จ่าย อย่างแรกที่พนักงานควรทำเลยคือกลับมาดูเงินที่เหลืออยู่ทั้งหมดของตนเองและคำนวณดูว่าสามารถใช้จ่ายได้ครอบคลุมตามระยะเวลาการหยุดงานของบริษัทหรือไม่ โดยคำนวณให้ชัดเจนทั้งค่ากินอยู่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์และค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยให้มีเงินสำรองเผื่อเอาไว้ด้วย เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ตรวจสอบเงื่อนไขในการหยุดงาน หลังจากได้รับสัญญาหรือข้อตกลงในการลางงานไม่รับค่าจ้างแล้ว ให้ตรวจสอบถึงเงื่อนไขให้ดีว่าจะได้รับประโยชน์อย่างไรบ้าง มีผลเสียอย่างไรบ้าง เพื่อคำนวณถึงความคุ้มค่าในการรอคอยและคำนวณถึงความเป็นไปได้ที่จะสามารถอยู่รอดรอวันกลับมาทำงานอีกครั้ง หากมีเงื่อนไขที่รับไม่ได้ จะสามารถต่อรองกับบริษัทได้หรือไม่ ควรตรวจสอบให้มั่นใจ วางแผนรับมือความเสี่ยง เดิมทีการทำงานทุกวันและรับเงินทุกเดือนเป็นความมั่นคงอย่างหนึ่งซึ่งเป็นข้อดีของการทำงานบริษัทเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่หากมีการลางานแบบไม่รับค่าจ้างเกิดขึ้นย่อมแปลได้ว่าพนักงานกำลังเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ แล้วจะมีการวางแผนรับมืออย่างไรจึงจะเหมาะสม โดยในช่วงเวลาที่ลาหยุดอาจมีการเริ่มทำธุรกิจเล็กน้อยหรือมองหางานพาร์ทไทม์เพื่อหารายได้มาให้พอใช้จ่ายต่อไป มองหางานอดิเรกที่สร้างรายได้ สำหรับใครที่กังวลอย่างมากถึงหนทางในอนาคตของบริษัท สามารถใช้เวลาว่างที่ลาพักนี้ในการเริ่มต้นงานอดิเรก […]

อ่านเลย! การประยุกต์ใช้ระบบ LEAN ในการบริหารเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร

การดำเนินงานในองค์กรทุกอย่างไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงเท่าใดก็ตามต่างก็เป็นงานที่มีต้นทุนเสมอ แต่กลับไม่ใช่ทุกงานที่จะสร้างกำไรหรือคืนทุนได้อย่างที่ต้องการ ทำให้องค์กรต้องขาดทุนกับส่วนงานแบบนี้อยู่เสมอ แน่นอนว่าหลายองค์กรก็ต้องหาวิธีลดต้นทุนหรือการดำเนินงานที่ไม่ให้ประโยชน์นี้ออกไป จนกระทั่งได้พบกับระบบ Lean ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยลดการดำเนินงานที่ไร้ประโยชน์หรือไม่สร้างกำไรออกไป เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้จักกับ Lean Management กันแล้ว วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาข้อมูล Lean Management มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน ไปดูกันเลย ทำความรู้จักกับ Lean Management Lean Management หรือระบบลีน คือการปรับการบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นและลดส่วนที่ไม่สร้างมูลค่าออกไป บางทีอาจเป็นการลดขั้นตอนต่างๆ เช่น ลดขั้นตอนการจัดการเอกสาร ตรงตามความหมายของคำว่า Lean ซึ่งหมายถึงการกำจัดสิ่งที่ไม่ต้องการหรือไม่จำเป็นออกไป สำหรับการบริหารจัดการภายในองค์กรย่อมเป็นการ ตัดลดส่วนที่ไม่สำคัญจำเป็นและไม่สร้างประโยชน์ใดๆ ออกจากกระบวนการการดำเนินการ และพัฒนาส่วนที่สร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่อง 5 หลักการพื้นฐานของ Lean Management ในการใช้ระบบ Lean Management นั้นจะมีหลักการพื้นฐานอยู่ 5 ข้อด้วยกัน ที่จะช่วยปรับการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างมูลค่าไปพร้อมกับการพัฒนากระบวนการทำงาน เป้าหมายและบุคลากรภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง กำหนดคุณค่า (Identify Value) หากต้องการเริ่มสร้างคุณค่าให้กับองค์กรหรือธุรกิจ อย่างแรกต้องตอบให้ได้ว่าคุณค่าขององค์กรคืออะไรกันแน่ สิ่งที่ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการจะได้รับจากองค์กรคือคุณค่าแบบใดกันแน่ นับเป็นโจทย์แรกก่อนการเริ่มสร้างสินค้าหรือบริการเลยทีเดียว เพราะเมื่อได้คำตอบนี้แล้วการกำหนดเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องยาก […]

ROPA คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับ PDPA? HR ต้องอ่าน!

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องกฎหมาย PDPA ที่เพิ่งมีการประกาศใช้ไปเมื่อ 1 มิถุนาที่ผ่านมาซึ่งการประกาศใช้ครั้งนี้เรียกว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับหลายองค์กรเลยทีเดียว เพราะในการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA นั้นได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นของพนักงานหรือของลูกค้าเองก็ตาม ต้องได้รับความคุ้มครองทั้งหมด แต่ทั้งนี้ในรายละเอียดของ PDPA ได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการบันทึก ROPA กำหนดอยู่ด้วย ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า ROPA คืออะไร  วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอารายละเอียดเกี่ยวกับการทำบันทึก ROPA ว่าคืออะไรกันแน่ มีความสำคัญอย่างไร และที่สำคัญคือมีส่วนสำคัญหรือส่วนประกอบอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย ทำความรู้จักกับ ROPA ROPA ย่อมาจาก Records of Processing Activity คือบันทึกกิจกรรมของข้อมูลส่วนบุคคล ตั้งแต่ความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวไปจนถึงการใช้งาน โยกย้าย เรียกว่าจะต้องมีรายการบันทึกทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะถูกจัดเก็บในรูปแบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รูปแบบกระดาษหรือเอกสารที่จับต้องได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลล้วนต้องมีการบันทึกความเคลื่อนไหวเก็บไว้ทุกรายการกิจกรรม  ส่วนประกอบในการทำ ROPA ROPA สามารถทำได้ทั้งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และรูปแบบกระดาษ เพียงแค่ต้องมีการบันทึกกิจกรรมความเคลื่อนไหวเองไว้เท่านั้น โดยสิ่งที่ต้องบันทึกลงใน ROPA ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพื้นฐานหรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลประเภทอ่อนไหว เช่นความคิดเห็นทางการเมือง […]

พนักงานมาไม่ทันเวลาหรือทำผลงานได้ไม่ดี? เช็ควิธีการบริหารเวลาพนักงานได้ที่นี่!

องค์กรหรือบริษัทส่วนใหญ่มักกำหนดช่วงเวลาการเข้าหรือออกงานเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อตกลงที่สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นช่วงเวลาที่การทำงานร่วมกันจะราบรื่นมากที่สุด แต่หากมีพนักงานคนหนึ่งหรือมากกว่ามาสายอยู่บ่อยครั้ง จนส่งผลต่อการทำงานร่วมกันย่อมเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขโดยด่วน หรือในอีกกรณีที่การบริหารเวลาพนักงานนั้นทำได้ไม่เต็มที่ส่งผลกระทบต่อการทำงาน กลายเป็นเรื่องหนึ่งที่ HR จะต้องเข้ามาให้ความสำคัญกันแล้ว วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาวิธีการแก้ไขปัญหาการบริหารเวลาพนักงานที่ไม่เข้าที่ว่าควรแก้ไขอย่างไร โดยมีด้วยกันทั้งหมด 5 ข้อ ดังนี้ วางแผนการทำงาน การจัดลำดับแผนการอย่างชัดเจนจากภาพใหญ่อย่างองค์กร แผนกหรือทีมก่อนจะช่วยให้พนักงานสามารถบริหารเวลาของตนเองได้มากขึ้นว่าควรมีกำหนดการอย่างไรบ้าง เมื่อมีการชี้แจ้งอย่างชัดเจนแล้วย่อมทำให้พนักงานได้เห็นความสำคัญในส่วนงานของตนเองว่ามีความสำคัญอย่างไร ทำไมจึงสามารถส่งผลกระทบต่องานใหญ่ได้ จำกัดเวลาการประชุม การประชุมที่มากเกินไปเป็นปัญหาหนึ่งของหลายองค์กรโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าการประชุมจะเป็นส่วนหนึ่งของงาน แต่ก็ยังมีหลายครั้งที่การประชุมเกิดขึ้นโดยขาดทิศทาง ประชุมเสร็จแล้วไม่ได้คำตอบ หรือกระทั่งประชุมเสร็จแล้วปัญหาที่กลับมาดันมีมากกว่าเดิม เรียกได้ว่าทำให้พนักงานเสียเวลาในการทำงานไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังส่งผลให้เวลาที่เหลืออยู่มีไม่มากพอจะจัดการกับปัญหาหรืองานที่มีอีกด้วย ดังนั้น การจำกัดเวลาประชุมหรือจำนวนครั้งการเข้าประชุมในแต่ละสัปดาห์อาจช่วยแก้ปัญหาการทำผลงานไม่ดีของพนักงานได้ ตรวจสอบประสิทธิภาพการบริหารเวลาของพนักงาน หากองค์กรหรือบริษัทต้องการตรวจสอบการบริหารเวลาพนักงานแต่ละคน ลองตรวจสอบจากการเข้าทำงานว่ามีการใช้เวลาในการทำงานเท่าใด ใช้เวลาในการพักเที่ยงมากน้อยอย่างไร ก็จะสามารถคำนวณเอาช่วงเวลาการทำงานมาเทียบกับจำนวนหรือประสิทธิภาพของผลการทำงานได้ ซึ่งในการตรวจสอบนั้นจะต้องแน่ใจได้ว่าไม่มีการตอกบัตรหรือล็อกอินเข้างานแทนกัน โดยระบบการเข้างานที่ใช้จะต้องมีความแม่นยำและตรวจสอบได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นใคร เข้างานเมื่อไหร่และที่ไหน  หากใครกำลังมองหาระบบตอกบัตรเข้างานที่สามารถตรวจสอบได้และมีความแม่นยำ บันทึกทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสามารถเลือกใช้ JOBCAN Attendance ได้เลย สร้างโอกาสให้พนักงานได้แก้ไขปรับปรุง หลังจากการตรวจสอบแล้ว หากมีการพบว่าประสิทธิภาพการทำงานลดลงหรือไม่สมกับเวลาที่ใช้ ควรมีการชี้แจ้งหรือให้โอกาสพนักงานได้อธิบายถึงเหตุผลเพื่อให้ทราบสาเหตุซึ่งอาจเกิดจากตัวองค์กร เพื่อนร่วมงาน หรือเหตุส่วนตัวและให้โอกาสในการแก้ไขหรือสร้างผลงานเพื่อแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมา วิธีนี้จะช่วยลดต้นทุนและความเสียหายขององค์กรได้เร็วกว่าการลงโทษหรือหาคนใหม่เข้ามาแทน จัดอบรมการบริหารเวลา ก่อนที่จะพบปัญหาการบริหารเวลาพนักงาน HR สามารถจัดอบรมพัฒนาศักยภาพการทำงานในเรื่องการบริหารให้กับพนักงานใหม่ หรือพนักงานที่มีปัญหาเรื่องการบริหารเวลาทำงานได้ […]

รู้ไว้ก่อนเกษียณ! วิธีคำนวณเงินออมให้มีเก็บไว้ใช้ในชีวิตบั้นปลาย

เงิน เป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ต่อการดำรงชีวิตเลยทีเดียว หากมีเงินเราก็สามารถมีทุกอย่างได้ แต่เงินนั้นไม่ได้เข้ามาหาเราในทุกช่วงเวลาที่เราต้องการ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้นการวางแผนการเงินในช่วงนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันในยามบั้นปลายชีวิตแล้ว จึงต้องมีการวางแผนเงินออมให้เพียงพอสำหรับการเกษียณอายุตามที่ต้องการ วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาวิธีการคำนวณเพื่อออมเงินเตรียมพร้อมสำหรับการเกษียณอายุ ให้คุณสามารถเกษียณได้ไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม  คำนวณช่วงเวลาเกษียณอายุ อย่างแรกย่อมเป็นการวางแผนการเกษียณอายุว่าจะเริ่มต้นเกษียณเมื่ออายุเท่าใดและการเกษียณอายุนี้จะดำเนินไปนานเท่าใดซึ่งตรงนี้จะคำนวณจากอายุเฉลี่ยในปัจจุบันจะอยู่ที่ 85 ปี อาจบวกลบเพิ่มเติมได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น ต้องการเกษียณอายุตอน 40 ปี จะมีช่วงเวลาที่ต้องใช้ในยามเกษียณอายุจะเป็น 45 ปี หากตอนนี้มีอายุ 22 ปีจะมีเวลาออมเงินเกษียณอยู่ที่ 18 ปีนั้นเอง ประมาณค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เมื่อเกษียณอายุ เมื่อได้ช่วงเวลาเกษียณอายุแล้ว ก็สามารถสร้างเป้าหมายการออมได้ชัดเจนมากขึ้นโดยเริ่มจากการประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมดซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยและจะต้องเป็นการออมที่ใช้เวลานานอีกด้วย โดยการประมาณค่าใช้จ่ายหลังเกษียณนั้นจะมีปัจจัยที่ต้องคำนวณอยู่ 2 ข้อด้วยกัน ไลฟ์สไตล์ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการวางแผนการเงินหลังเกษียณนั้น ย่อมเป็นลักษณะไลฟ์สไตล์ที่ต้องการจะใช้หลังเกษียณว่าเป็นอย่างไร อย่างเช่น บางคนชื่นชอบการท่องเที่ยว ทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นก็ควรเผื่อเงินสำหรับการเที่ยว วางแผนการท่องเที่ยวในแต่ละปีจะมีงบเท่าใดบ้าง หรือบางคนชอบสะสมของต่างๆ ก็มีการกันเงินสำรองเอาไว้เพื่อทำกิจกรรมเสริมความสุขให้กับตนเองในยามเกษียณด้วย เงินเฟ้อ ค่าของเงินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกปีซึ่งไม่สามารถรู้ได้เลยว่าค่าของเงินในช่วงที่เกษียณอายุนั้นจะมีมูลค่าเท่าใดแน่ ทำให้ต้องมีการสำรองเผื่ออัตราเงินเฟ้อเอาไว้อย่างน้อยเป็น 2 เท่าของการใช้จ่ายเดิมในปัจจุบันด้วย เช่นหากต้องการใช้เงินหลังเกษียณที่เดือนละ 30,000 บาท ให้เก็บเป็น 60,000 บาท จะอย่างไรเรื่องเงินนี้มีเหลือดีกว่ามีขาดอย่างแน่นอน […]

HR เตรียมรับมือ! Gig Worker สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไปของคนยุค 4.0

ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงทำให้ไลฟ์สไตล์การทำงานเปลี่ยนตามไปด้วย ทั้งยังได้เปลี่ยนความเชื่อเรื่องการทำงานที่มั่นคงในบริษัทยักษ์ใหญ่กลายเป็นความมั่นคงต้องสร้างด้วยความสามารถของตัวเอง โดยมีโจทย์ใหญ่คือความอิสระเข้ามาแทนที่อีกด้วย จึงมีการทำงานรูปแบบใหม่อย่าง Gig Worker เกิดขึ้น  วันนี้ JOBCAN จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Gig Worker ว่าคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีความแตกต่างด้านสวัสดิการหรือไม่อย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย ทำความรู้จักกับ Gig Worker  Gig Worker คือ รูปแบบการทำงานใหม่ที่เน้นการจ้างงานแบบชั่วคราว สัญญาจ้าง ฟรีแลนซ์หรือเป็นคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวแบบอิสระ ไม่มีลูกน้อง จะเห็นได้ว่าจุดเด่นของการทำงานแบบ Gig Worker คือการทำแบบไม่ผูกมัดยาวนาน มีความมั่นคงอยู่ที่ความสามารถของตัวเอง หากต้องการท้าทายงานใหม่ก็สามารถทำได้เสมอ แน่นอนว่ารายได้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถด้วยเช่นกัน  ปัจจัยที่ทำให้เกิด Gig Worker  การเกิด Gig Worker นั้นนอกจากเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อให้สามารถรับและทำงานได้จากทุกมุมโลกแล้ว ยังมีปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญอยู่ด้วยกันอีก 2 ปัจจัย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหลักของการเกิด Gig Worker เลยก็ว่าได้ วิถีชีวิต หรือ Lifestyle เทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามาในปัจจุบันทำให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นโลกที่กว้างมากขึ้น มาพร้อมกับโอกาสที่กว้างขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น โจทย์การใช้ชีวิตจึงเริ่มแตกต่างออกไป เพราะสามารถมองหาหนทางที่จะไม่ต้องรับแรงกดดันไปพร้อมกับการใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้ […]

เสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ ณ ที่ทำงานด้วย Empathy Culture

สภาพแวดล้อมและสังคมการทำงานเป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถดึงดูดให้พนักงานร่วมงานกับองค์กรหรือบริษัทนานมากขึ้น และยังสามารถเรียกให้คนที่มีศักยภาพหันมาสนใจในองค์กร แต่การสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่นั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในองค์กรเข้ามามีส่วนร่วม โดยสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือ การสร้าง Empathy Culture นั่นเอง วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอารายละเอียดเกี่ยวกับ Empathy Culture ว่าเป็นอย่างไร รวมถึงประโยชน์ของ Empathy Culture และวิธีการฝึกฝนว่าควรทำอย่างไรให้องค์กรมี Empathy Culture ทำความรู้จักกับ Empathy Culture Empathy Culture หรือวัฒนธรรมความเข้าใจผู้อื่น มาจากคำว่า Empathy ซึ่งมีความหมายว่าความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น มาบวกกับคำว่า Culture ซึ่งแปลว่า วัฒนธรรม จึงแปลได้ว่า วัฒนธรรมความเข้าใจผู้อื่น โดยเป็นการสร้างความเอาใจเขามาใส่ใจเรา นั่นเอง  ประโยชน์ของ Empathy Culture องค์กรที่มี Empathy Culture ย่อมมีความแตกต่างจากองค์กรที่ไม่มีอย่างมาก โดยเฉพาะบรรยากาศการทำงาน การร่วมมือและประสิทธิภาพของผลงานที่ได้ ซึ่งประโยชน์ของ Empathy Culture นั้นสามารถเห็นได้ชัดเจน 4 ข้อ ดังนี้ ทำให้เกิดความร่วมมือที่เข้ากันได้ดีมากขึ้น […]

5 เทคนิคช่วยลดค่าใช้จ่ายของบริษัท! ประหยัดขึ้นกว่าเดิม อ่านได้ที่นี่

การลดค่าใช้จ่ายบริษัทนั้นเรียกได้ว่าเป็นวิธีการเพิ่มกำไรที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็วที่สุดทีเดียว ยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดีอย่างนี้ องค์กรหรือบริษัทหลายแห่งต่างก็มองหาวิธีการลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด โดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับพนักงานและประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งในความเป็นจริงวิธีที่ดีนี้กลับทำได้ไม่ง่ายเลย เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงความเคยชินในการทำงานที่ต้องการเวลา แต่ถึงอย่างนั้นหากมีวิธีการที่ดีก็คุ้มที่จะลอง วันนี้ JOBCAN ได้นำเอาวิธีลดค่าใช้จ่ายบริษัทที่สามารถปรับใช้ได้กับทุกองค์กรทั้งยังเป็นการลดทุนที่ได้ผลในระยะยาวอีกด้วย จะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกัน วิธีลดค่าใช้จ่ายบริษัท การปรับลดค่าใช้จ่ายบริษัทที่สามารถปรับใช้ได้ในทุกองค์กรมีอยู่ด้วยกัน 5 วิธี ดังนี้ เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน การเปลี่ยนจากของใช้แล้วทิ้งมาเป็นทรัพยากรที่ยั่งยืนมากขึ้น หรืออาจนำมาหมุนเวียนใช้ให้คุ้มค่ามากกว่าเดิม เป็นสิ่งที่สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายบริษัทในระยะยาวอย่างแน่นอน แต่หลายองค์กรเลือกจะใช้ทรัพยากรแบบใช้แล้วทิ้ง เพราะความสะดวกบวกกับราคาที่มักจะถูกกว่า ดูเผินๆ เหมือนคุ้มกว่า แต่ในความเป็นจริงหากต้องซื้อเปลี่ยนบ่อยหรือใช้แล้วทิ้งนั้น จะสร้างต้นทุนที่มากกว่าอย่างแน่นอน ลองปรับเอาสิ่งของบางอย่างกลับมาใช้ภายในองค์กรอีกรอบ เช่นการใช้ภาชนะใส่อาหาร การใช้ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวเข้ามามอบความสะดวกมากมายทีเดียว ทั้งยังมีการออกแบบเพื่อให้สามารถลดต้นทุนภายในบริษัทได้ด้วย อย่างเช่น ระบบการตอกบัตรเข้างาน การสร้างแบบฟอร์มเอกสารอนุมัติต่างๆ อย่าง JOBCAN Workflow ที่เป็นการนำเอาเอกสารอนุมัติทุกอย่างเข้าสู่ระบบคลาวด์ให้ความสะดวกสบายในการอนุมัติงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และที่สำคัญยังช่วยประหยัดการใช้กระดาษไปได้มากอีกด้วย เรียกว่าได้ทั้งประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการประหยัดต้นทุนลดค่าใช้จ่ายบริษัทอีกด้วย ลดการเข้าทำงานในออฟฟิศ ในหนึ่งเดือนที่มีการใช้พื้นที่ออฟฟิศในการทำงานนั้นเป็นการสร้างต้นทุนค่าใช้จ่ายมากมายทีเดียว ทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอินเตอร์เน็ต รวมถึงค่าอุปกรณ์ต่างๆ ของสำนักงานด้วยเช่นกัน ดังนั้น วิธีลดค่าใช้จ่ายบริษัทอย่างหนึ่งที่เห็นผลได้เร็วทันใจที่สุดคือการลดการเข้าทำงานในออฟฟิศ เพราะเมื่อลดวันทำงานลงแล้วการใช้ไฟฟ้า น้ำ […]

มัดรวม! รายการบัญชีต่างๆ ที่เหล่า HR PAYROLL ต้องทำก่อนยื่นภาษีในแต่ละเดือน/สิ้นปี

หนึ่งในงานของ HR ที่น่าปวดหัวอยู่ไม่น้อยเลยคือการคำนวณเงินเดือน ที่นอกจากการตรวจสอบเวลาการเข้างานแล้วยังต้องมีการคำนวณประกันสังคมและภาษี ที่จะมีความเปลี่ยนอยู่เสมออีกด้วย และในการคำนวณภาษีนั้น ยังต้องคอยตรวจสอบช่วงเวลาการยื่นว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ฟังเท่านี้ก็เริ่มปวดหัวกันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ HR ต้องรับผิดชอบ  วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาเหล่าภาษีที่ HR จะต้องรับผิดชอบคำนวณและยื่นในแต่ละเดือนหรือแต่ละปี ว่าจะมีอะไรบ้าง พร้อมรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ภาษีที่ HR จะต้องยื่น รวมภาษี HR ที่ต้องยื่นจะมีทั้งหมด 7 แบบด้วยกัน มาดูกันมาว่ามีอะไรบ้าง ภงด. 1  ภงด. 1 ย่อมาจาก ภาษีเงินได้ ประเภท 1 เป็นภาษีที่ใช้สำหรับการแจ้งพนักงานที่มีรายได้ถึงระดับฐานรายรับที่ต้องเสียภาษีแล้ว โดยจะต้องจัดทำและยื่นส่งกรมสรรพากรทุกเดือนภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป แต่หากรายรับไม่ถึงตามที่ฐานกำหนดก็ไม่ต้องยื่น ภงด.1ก  ภงด. 1ก ต่างกับ ภงด. 1 ตรงที่จะต้องจัดทำเอกสารและยื่นส่งกรมสรรพากรเสมอ ไม่ว่ารายได้จะถึงฐานรายรับหรือไม่ก็ตาม และจะทำส่งเพียงแค่ 1 ครั้งต่อปี โดยจัดทำส่งในปีถัดไปก่อนวันที่ 28 กุมภาพันธ์  สปส. […]

ทำความรู้จักกับ DPO (Data Protection Officer) บุคคลสำคัญที่แต่ละองค์กรต้องมี!

ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หลายบริษัทหรือองค์กรจึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาข้อมูลกันมากขึ้น ยิ่งเมื่อมีการประกาศใช้พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ยิ่งต้องมีการให้ความสำคัญมากขึ้นไปอีก จึงต้องมีการจัดตั้งทีมเข้ามาดูแลด้านนี้กันโดยเฉพาะ ซึ่งจะใช้ชื่อว่า DPO  วันนี้ JOBCAN จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ DPO คืออะไรกันแน่ มีหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง และทำไมทุกองค์กรควรมีการตั้งทีมนี้ขึ้น ไปดูกัน ทำความรู้จักกับ DPO คืออะไร DPO ย่อมาจาก Data Protection Office คือ คนที่เข้ามาดูแลปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัวที่บ่งชี้ตัวตนได้โดยตรงหรือข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตนได้ในทางอ้อม ทั้งข้อมูลของพนักงานและข้อมูลของลูกค้า เรียกได้ว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดนั่นเอง โดยผู้ที่เข้ามารับผิดชอบหน้าที่นี้จะต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย PDPA เป็นอย่างดีและยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของไอที ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องมีความซื่อสัตย์และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการดูแลข้อมูลที่มีมูลค่าเหล่านี้ด้วย หน้าที่หลักของ DPO แน่นอนว่าทีม DPO นี้จะต้องมีหน้าที่ที่รับผิดชอบที่ชัดเจน โดยในมาตรา 42 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ได้กำหนดให้ DPO มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ ในคำแนะนำเรื่อง PDPA  ผู้ที่จะเป็น DPO ได้นั้นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ […]

ทำงานได้แม้ไม่มีตัวออฟฟิศ! ชวนทำความรู้จัก Virtual Office หรือออฟฟิศเสมือน

ในปัจจุบันรูปแบบการทำงานได้มีความเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตและความจำเป็นของสถานการณ์ ทำให้การเข้าทำงานในออฟฟิศรูปแบบเดิมนั้นต้องปรับเปลี่ยนตามไป หลายแห่งมีการปรับเป็น Work from home เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายบางส่วน และหลายแห่งใช้วิธีการเช่า Virtual Office แทนการมีที่ตั้งบริษัทอย่างชัดเจน ทั้งยังเหมาะกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่อีกด้วย หลายคนอาจสงสัยว่า Virtual Office นั้นเป็นอย่างไรกันแน่ วันนี้ JOBCAN จึงได้นำเอาข้อดีของ Virtual Office มานำเสนอให้ทุกคนได้รู้จัก แต่ก่อนอื่นต้องไปทำความรู้จักกับ Virtual Office ว่าแท้จริงคืออะไรกันแน่ ทำความรู้จักกับ Virtual Office Virtual Office คือ ออฟฟิศเสมือน ซึ่งเป็นบริการที่เจ้าของสถานที่เปิดพื้นที่ให้เช่าที่อยู่สำหรับการประกอบธุรกิจ ซึ่งบนพื้นที่แห่งนั้นสามารถจดทะเบียนบริษัทรวมถึงการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เรียกว่าสามารถทำหน้าที่ได้เสมือนเป็นออฟฟิศของบริษัทจริงๆ นอกจากการเปิดให้เช่าสถานที่แล้วยังมีการจัดสรรพื้นที่เป็นห้องทำงาน ห้องประชุม และมีพนักงานคอยอำนวยความสะดวกให้ด้วย 5 ข้อดีของ Virtual Office ด้วยการทำงานในยุคปัจจุบันที่ไม่ยึดติดกับสถานที่ทำให้ Virtual Office เป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับบริษัทที่เพิ่งเกิดใหม่และเหล่าสตาร์ทอัพ เรามาดู 5 ข้อดีของ Virtual Office กันเลย ประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย […]